ยาวหน่อยนะครับ
วันที่สำคัญที่สุดของเอเย่นอย่างพวกเราคือวันที่ตลาดการซื้อขายปิดลง ตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมคือดีลของ Andrey Ashavin จาก Zenit St Petersburg ไป Arsenal ในเดือนกุมภาพันธ์ 2009
Phil น้องชายของผมและ Arsene Wenger พยายามปิดดีลนี้ให้ได้มาโดยตลอดแต่ไม่ประสบความสำเร็จ. เอเย่นของ Ashavin ชื่อ Dennis Lachter. มันน่าตลกที่ Phil เคยเล่นในลีคฟุตบอลท้องถิ่นเดียวกันกับญาติของ Dennis ที่ชื่อ Joe. เราติดต่อ Dennis ผ่าน Joe และเริ่มพยายามคุยกับ Ashavin. การพูดคุยได้เริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนและลากยาวไปถึงเดือนธันวาคมและต่อไปในเดือนมกราคมที่ตลาดเปิด. ในตอนแรกมูลค่าที่ทั้งสองสโมสรวางไว้ห่างกันมาก. Arsenal เสนอ 8m ในขณะที่ Zenit ต้องการ 15m. นอกจากนั้น Zenit ยังถามถึงโอกาสที่จะแลกตัวนักเตะบวกเงิน แต่ Arsenal ไม่ต้องการ นั่นคือการต่อรองอย่างเดียวที่ Zenit ทำ
Arsenal ขยับอีกนิดหน่อยและพร้อมจะจ่าย 10m. เราเข้ามาถึงในช่วงกลางเดือนมกราคม และดีลนี้ดูเหมือนจะหยุดลง. ปัญหาคือ Zenit จริงๆ แล้วเป็นสโมสรที่ Vladimir Putin – ประธานธิปดีของรัสเซีย เชียร์มาตั้งแต่เด็ก. ผู้อำนวยการทั่วไปของ Zenit ชื่อว่า Maxim Mitrofanov และเหนือเค้าก็เป็นสมาชิกบอร์ดอีกคนและเหนือสมาชิกบอร์ดก็คือประธานของบริษัท Gazprom, Alexey Miller และเหนือ Miller ก็คือ Putin
เรา (ฝั่งเอเย่น) พยายามทุกวิธีที่จะหาทางปิดดีลเช่นเพิ่มเงินก้อนแรกที่จ่ายก่อน (ดีลทั่วไปจะจ่ายเป็นงวดๆ) Arsenal ก็พยายามโดยการเพิ่มข้อเสนอเป็น 12m ในต้นอาทิตย์สุดท้ายของตลาดซื้อขาย.ทันใดนั้นทางฝั่งรัสเซียก็อ้างว่า ต้องการเงินเพิ่มสำหรับการเคลียร์หนี้ที่อาชาวินสร้างจากการไม่อยู่จนครบสัญญา. Arsenal ตกลงที่จะจ่ายส่วนนี้เพิ่ม
ถึงจะเป็นแบบนั้น ประธาน Gazpom ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนท่าที (ในการรับดีล 12m) ทุกๆ ฝ่ายเริ่มหมดหวังกับดีลนี้. ผมบอก Arsenal ว่าให้พยายามต่อ เพราะเมื่อตลาดจะปิดจะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น และตอนนั้น Ashavin ก็อยากจะย้ายไปที่ลอนดอน แม้ว่าเค้าจะรัก Zenit แต่ใจเค้าตอนนี้ไปอยู่ที่ Arsenal แล้ว
Wenger มีส่วนร่วมในทุกขั้นตอน ทุกๆ การตัดสินใจที่เกี่ยวกับ Arsenal จะขึ้นอยู่กับความรู้สึกของ Wenger และสิ่งที่ Wenger คิดว่าจะเสนอเพื่อช่วยปิดดีลได้. Wenger เสนอเกมที่ Emirates Cup – นั่นจะมีมูลค่าประมาณ 500k.
ในตอนนั้น Ivan Gazidis เพิ่งเข้ามาเป็นผู้บริหารระดับสูงและกำลังเรียนรู้งาน มันเป็นช่วงเดือนแรกของการทำงานของเค้า. ผมเลยต้องทำงานกับ กรรมการผู้จัดการ, Ken Friar, คนที่ผมรู้จักมานานและรักมากแทน. Ken Friar เป็นคนดี เป็นสุภาพบุรุษมาก และเป็นแบบอย่างดีทีสำหรับคุณลุงที่หลานๆ รัก แต่เขาเป็นพวกหัวโบราณ: เขาจะไม่ยอมจ่ายมากกว่าราคาที่ตั้งไว้
ผมเลยโทรศัพท์ไปหา Wenger “สวัสดี Arsene, ดูเหมือนว่าเราจะมาถึงทางตัน (ในการปิดดีล)”
“ใช่, ดูเหมือนว่าจะเป็นแบบนั้น. เราต้องหาทางออกที่จะทำให้ดีลขยับ. เดี๋ยวผมจะไปพูดกับ Ken Friar เอง” Wenger กล่าว
แน่นอน มันมีข้อมูลเพิ่มเติมที่ผมสามารถบอก Wenger ได้ หลังจากที่ผมได้คุยกับ Dennis Lachter เอเย่นของ Ashavin แล้ว ซึ่ง Zenit ก็รู้เรื่องนี้
ในทางเทคนิคพวกเราเอเย่นไม่สามารถคุยได้ แต่นี่คืองานของผมเพื่อสโมสรและนักเตะที่ทำอยู่ทุกๆ เวลา. ผมคือสะพานเมื่อสโมสรไม่สามารถข้ามได้. ในกรณีส่วนใหญ่ของการเปลี่ยนงาน ผู้ที่ต้องการจะจ้างและผู้ที่ต้องการจะเปลี่ยนงาน ต้องมีความสัมพันธ์บางอย่างมาก่อน. ถ้าคุณจะย้ายออกไปอีกงาน คุณก็คงสมัครไปแล้วหรือใช้บริษัทหางาน. มันต้องมีตัวกลางที่พร้อมที่จะแหวกกฎเพื่อที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถติดต่อกันได้. และเราก็ทำแบบนั้นในโลกของวงการเอเย่นฟุตบอล
ข้อพิพาทระหว่างนักเตะและเอเย่นและสโมสร จะอยู่ภายใต้ของกฎของ FA ที่ถูกเรียกว่า Rule K.
จริงๆ แล้วสิ่งที่ควรจะเป็นคือ Zenit ควรจะคุยกับ Arsenal โดยตรง. Zenit จะบอกว่าจะขายผู้เล่นรึเปล่า และถ้า Arsenal ขอพูดกับผู้เล่น Zenit ต้องบอกว่า “ไม่ได้ คุณต้องปิดดีลกับเราให้ได้ก่อน” นี่คือการปฎิบัติตามกฎที่ถูกต้อง. แต่ในมุมมองของเรา เราจำเป็นต้องพูดกับนักเตะเพื่อที่จะกดดันสโมสรให้ลดราคาลง. ถ้ามูลค่าของทั้งสองฝ่ายใกล้กัน เราสามารถทำได้หลายอย่างให้การปิดดีลโดยไม่ต้องเอานักเตะมาเกี่ยว. แต่ถ้าห่างกันมากมันเป็นไปไมได้เลยถ้าไม่ดังนักเตะเข้ามาด้วยที่จะปิดดีล
เรื่องนี้เกิดขึ้นในวงการฟุตบอลตลอดเวลา แต่ทุกๆ คนก็ต้องอยู่ภายใต้กฎรวมถึง Rule K แม้ว่าในความเป็นจริงมันจะเป็นไปไม่ได้. Gary Lineker เคยพูดว่า tapping up (การติดต่อนักเตะโดยไม่ได้รับการยินยอมจากสโมสรเจ้าสังกัด) มันเหมือนการขับรถเร็วเกินกำหนด – เราทุกคนทำมันแม้ว่าเราไม่ควรทำแต่ที่ต่างกันคือการขับรถเร็วผิดกฎหมายแต่ tapping up ไม่ผิดกฎหมาย แค่ผิดกฎของฟุตบอล และมันเป็นกฎที่บ้าบอคอแตก
ทั้ง Wenger และ Arsenal ปฎิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด Wenger บอกผมว่า “ถ้าคุณอยากจะคุยกับนักเตะก็แล้วแต่คุณ”
ไม่มีการติดต่อกันก่อนที่จะตกลงค่าตัวได้จาก Arsenal. บางครั้งผมโทรหา Ken และบอกว่า “เราคุยกับ Ashavin แล้วและ…”
“ผมไม่อยากรู้ !” เค้ารีบพูดขึ้นมันตัดบท. โดยทั่วไปสโมสรอื่นๆ จะถามว่า “หรอ เค้าพูดว่าไงบ้าง?” แต่นั่นไม่ใช่วิธีที่คนที่มีอำนาจตัดสินใจที่ Arsenal ทำมัน
ตัว Ashavin อยากรู้เกี่ยวกับการจ่ายภาษีของอังกฤษเพราะที่รัสเซีย เขาต้องจ่าย 22%. เราเข้าสู่ช่วงที่มูลค่าของทั้งสองสโมสรห่างกันแค่ 2m และผมเริ่มที่จะคิดว่าสามารถปิดความต่างนี้ได้. Phil เริ่มที่จะคุยกับ Dennis จากออฟฟิศของเราที่ เวมบลีย์. ผมคุยกับ Wenger. Dennis ไม่อยากจะที่จะขยับ เราต้องเป็นฝ่ายที่รุกเข้าไป. Dennis รู้จักพวกรัสเซียดี พวกเขาไม่ต่อรอง. เว้นแต่ Arsenal จะยื่นข้อเสนอ 15m. Ashavin จะไม่ไปไหน
เรามาถึงวันที่ 29 มกรา และ Arsenal มีข่าวเล็ดลอดออกมาว่าพวกเขาอาจจะยื่น 15m แต่ไม่ได้บอกอะไรกับเรา (ฝั่งเอเย่น) ชัดเจน. Wenger อยากได้ Ashavin มาก แต่ Ken Friar ไม่อยากที่จะจ่ายเงินสูงขึ้น. ผมเลยติดต่อไปที่ David Dein, รองประธานกรรมการเก่า ซึ่งเป็นคนที่ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีด้วย. David เป็นคนที่มี connection มากที่สุดคนนึงในโลกของฟุตบอล. หลังจากที่อธิบายทุกยอ่างให้ Dein ฟัง. Dein บอกผมว่าเขาจะพูดกับ Alisher Usmanov, ผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดอันดับสองของอาเซน่อล ที่ประหลาดคือไม่มีแม้กระทั่งที่นั่งในบอร์ดบริหารแม้ว่าจะเป็นเจ้าของ 30%. Usmanov เข้าใจ Zenit และ Gazprom ดีและคำแนะนำที่ได้มาคือ ให้ Asahvin ไปพบ Alexey Miller ประธาน Gazprom.
หลังจากที่ข่าวลือว่า Usamnov เข้ามามีส่วนร่วม ทำให้ทางฝั่งรัสเซียอ่อนท่าทีลงเล็กน้อย ซึ่งนี่มีประโยชน์มาก แม้ว่าผมจะไม่มีความคิดที่จะบอกเรื่องนี้กับ Arsenal เพราะมันอาจจะทำให้เกิดแรงกดดันระหว่าง Usamnov และบอร์ดบริหารปัจจุบันของ Arsenal ซึ่งไม่ลงรอยกัน
ตอนนี้เป็นวันที่ 30 มกรา ท่าทีต่อต้านของทุกฝ่ายดูอ่อนลง ผมรู้สึกได้ว่า ถ้ามันมีวิธีที่ทำให้ก้าวไปข้าวหน้าได้อีกนิด เราน่าจะเปิดทางที่จะปิดดีลได้. ตัวของ Ashavin ค่อนข้างมั่นใจว่าดีลนี้จะเกิดขึ้นเพราะว่า Usamonov มีส่วนร่วม เขาเลยนั่งเครื่องบินไป Paris. เขาไม่อยากถูกพบที่อังกฤษ เพราะนักข่าวจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่ แต่สุดท้ายก็ถูกจับเป็นประเด็นอยู่ดี และนี่ทำให้ Zenit ไม่พอใจ. สุดท้ายแล้ว Ashavin ต้องนั่งอยู่ในโรงแรมที่ปารีสคนเดียว รอข่าวว่าอะไรจะเกิดขึ้น
คืนนั้นผ่านไป ตอนนี้เราอยู่ในวันที่ 31 มกรา ในทางทฤษฎี นี่คือวันก่อนวันสุดท้ายของตลาดนักเตะ อย่างไรก็ตาม รายงานอากาศในช่วงบ่ายและวันต่อไปน่าเป็นห่วงมาก. พายุหิมะกำลังก่อตัวที่ลอนดอนและจะยาวต่อไปในวันตลาดปิด มันเลยเป็นการตัดสินใจที่รวดเร็วของเรา “เราต้องเอา Ashavin ออกมาจาก Paris. สิ่งสุดท้ายที่เราต้องการคือดีลล่มเพราะพายุหิมะ และยังมีเรื่องเอกสารและการตรวจร่างกายอีก”
Phil จัดเตรียมห้องในโรงแรม Village Hotel ที่ Elstree และเราบินพา Ashavin ลงที่ Stansted ด้วยเครื่องบินส่วนตัว. ล่าสุดในตอนนี้เรามี 13.5m จาก อาเซน่อล, เหตุผลเดียวที่ได้เพิ่มขึ้นมาคือ Wenger พยายามผลักดันให้สโมสรจ่ายเพิ่ม เขารู้สึกดีกับดีลนี้บวกกับนักเตะอยู่ในประเทศซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าเราจะสามารถปิดดีลได้
Ashavin มาที่บ้านของผม ผมบอกเขาข้อเดียวคือ “อย่าออกไปข้างนอก แถวนี้มักมีแฟน Arsenal อยู่ ถ้าพวกเขาเห็นคุณจะเกิดความโกลาหล” Ashavin พยักหน้าและกลับไปสู่โรงแรมของเขา
วันต่อมา 1 กุมภาพันธ์ Ashavin ถูกถ่ายรูป ลงในหนังสือพิมพ์ทุกๆฉบับของอังกฤษ ในรูปเขายืนอยู่หน้าโรงแรมสวมหมวกกันหนาวมองดูหิมะในขณะที่กำลังกดมือถือ. “เยี่ยม” ผมบอกกับตัวเอง. ผมคิดว่านี่คือหายนะสำหรับเรา แต่สุดท้ายเรากลับพบแสงสว่าง. หลังจากการคุยกับ FA และ FIFA พรีเมียร์ลีคประกาศว่าจะเลื่อนวันที่ตลาดซื้อขายปิดเนื่องจากสภาพภูมิอากาศ ซึ่งแปลว่าเรามีเวลามากขึ้นในการตรวจร่างกายและการย้ายตัวนักเตะ. นี่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่ปัญหายังอยู่ที่ Zenit ไม่ยอมลดราคาที่ตั้งไว้. เวลาที่เพิ่มขึ้นมาช่วยให้ทุกคนได้หยุดหายใจ.
ผมตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นและหวังที่จะได้เห็น email หรือ sms ที่แสดงให้เห็นว่ามีความเคลื่อนไหวในดีลนี้. แต่มันไม่มีเลย. Arsenal หยุด Zenit หยุด. เวลาที่รัสเซียคือ 3 ชั่วโมงก่อนหน้าอังกฤษ ซึ่งมันทำใหเวลากระชั้นมากขึ้น. Mitrofanov ของ Zenit บอกพวกเราว่าจะมีการประชุมตอนบ่าย 3 เวลาอังกฤษเรื่อง Ashavin
“มันไม่เลทไปหน่อยหรอ” ผมกล่าว, เราจะมีเวลาแค่ 2 ชั่วโมงในการปิดดีล
“ตามเวลาที่บอก. คุณจะได้การตัดสินใจของเราในเวลานั้น” Mitrofanov บอก
Arsenal ชอบใช้ที่ตรวจร่างกายนอกสโมสร ที่อยู่ที่ Harley Street. เราพา Ashavin ไปตรวจร่างกายเพื่อที่จะเคลียร์เรื่องนี้ออกไปก่อน. ฝั่งรัสเซียรู้ดีกว่า Ashavin อยู่ที่ลอนดอน และคงคาดการณ์ไว้แล้วเรื่องตรวจร่างกาย.
ในระหว่างนั้น ผมพยายามที่จะติดต่อ Ivan Gazidis แต่ดูเหมือนสายไม่ว่างตลอดเวลา. ทุกๆ คนที่ Arsenal บอกว่าผู้ตัดสินในดีลนี้คือ Ivan. เมื่อก่อนผมติดต่อกับ Ken และ Wenger มาโดนตลอด แต่ตอนนี้มี Ivan เข้ามาร่วมตัดสินใจด้วย. และผมก็รู้จักเขาดี
เขาเคยขอคำแนะนำตอนที่ Man City ยื่นข้อเสนอให้เขาเป็น ผู้บริหารระดับสูง สองสามปีก่อนหน้านี้ ตอนที่ Man City อยู่ภายใต้เจ้าของคนไทย. พวกเราบอกเขาให้รอ แต่เมื่อเขาได้รับข้อเสนอจากอาเซน่อล พวกเราแนะนำให้เขารับมัน. ถึงแม้จริงๆ แล้วเข้าจะตัดสินใจไปแล้ว.
ถึงตัว Gazidis ยังต้องการเวลาเพิ่มในการปรับตัวกับตำแหน่งใหม่ แต่เขาก็คงไม่อยากที่จะอยู่เฉยในเวลาที่สโมสรปิดดีลที่น่าจะทำลายสถิติสโมสร ในปีแรกที่เขาเข้ามาบริหาร.
ตอนนี้ความห่างระหว่างการประเมิณราคาของทั้งสองสโมสรดูใกล้ลงมา แต่มันยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น. ถึงอย่างนั้น ความตื่นเต้นกระจายไปทั่ว. ลูกชายผมนั่งข้างๆ ดูทีวีเรื่องดีล Ashavin ในขณะที่ผมกำลังพยายามปิดดีลอย่างสุดความสามารถ.
“Arsene Wenger กำลังจะไปเจอ Andrey Arshavin และต้อนรับเขาสู่ Arsenal” เสียงที่ออกมาจากทีวีมาเข้าหูผม แต่ในหัวผมคิดว่า มันไม่ได้ใกล้ขนาดนั้นเลย.
เราลองทุกๆ อย่าง เราเสนอให้ปรับค่าเหนื่อยของเขา ปรับสิทธ์การใช้ภาพลักษณ์แทนแล้วเอาเงินส่วนนั้นไปเพิ่มในเงินค่าตัว. Usmanov เองก็พยายามคุยกับทุกๆ คนเพื่อที่จะทำให้ดีลนี้เกิดขึ้น. โทรศัพท์ดังอยู่ตลอดเวลา แต่ทุกๆ คนก็พูดเหมือนๆ เดิม: เราต้องหาเงินเพิ่ม เพื่อที่จะเข้าใกล้มูลค่าที่ Zenit วางไว้. ตอนนี้ ราคาดีที่สุดที่ Arsenal เสนอได้คือ 13.8m.
ส่วนนึงของผมคิดว่า Zenit จะทำยังไง? เรียกตัว Ashavin กลับ? ตอนนี้พวกเขาได้เงินใกล้เคียงกับมูลค่า 15m ที่พวกเขาวางไว้มากแล้วนะ. แต่ทางฝั่งรัสเซียเป็นชั้นอ๋องด้าน Poker face. พวกเขาจะไม่ขยับหวั่นไหวแม้ว่านาฬิกาจะเดินอยู่เรื่อยๆ แต่ตัว Pavel ผู้ดูแลของ Zenit เสียงเป็นกังวลทุกครั้งที่ผมพยายามโทรเข้าไป
ตอนนี้เราอยู่ใน 40 นาทีสุดท้ายของดีล. ผมโทรไปหา Pavel อีกรอบ. นี่เป็นเวลาที่ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว. “คำตอบคือ โอเค มาทำดีลกัน 15m” ผมบอก Pavel. ผมไม่สามารถทนมันได้แล้ว. ผมตัดสินใจเองที่จะจ่ายเพิ่ม 1.2m เพื่อที่จะปิดดีล และค่อยหาทางออกกับ Arsenal ทีหลัง. มันเป็นเงินมหาศาลสำหรับผม. ไม่ใช่ระดับที่ทำให้ชีวิตผมพัง แต่ถือเป็นเงินก้อนใหญ่. ส่วนแบ่งเงินค่านายหน้าอาจจะมากกว่าส่วนนั้นหน่อย แต่มันไม่ใช่ประเด็น. ผมทำงานนี้เพื่อหาเงินและเลี้ยงดูครอบครัวของผม
Pavel ร่างสัญญาและส่งไปที่ Arsenal. แต่ในสัญญาบอกว่าเงินทั้งหมดนั้นมาจาก Arsenal. Gazidis โทรหาผมตอน 5 นาทีสุดท้ายก่อนตลาดปิด “คุณทำให้ผมเสียเงินเพิ่มเท่าไหร่ ?” เขากล่าว
“ผมให้เค้าเพิ่ม 1.2m” ผมกล่าว
“โอ้ว พระเจ้า” Gazidis อุทาน
และเราทั้งสองก็นิ่งเงียบไปซึ่งยาวนานเหมือนเป็นปีๆ
“โอเค”
นั่นหมายถึงเขาตกลงรึเปล่า? ในทีสุดเขาก็ตกลงว่า Arsenal จะจ่ายเงินนั่น ไม่ใช่ผมใช่มั้ย? ผมคิดว่าอย่างนั้น
ข้อตกลงที่ตกลงกันได้นี้ตอนนี้มีอยู่แค่ในสัญญา เราแลกเปลี่ยนรายละเอียดของสัญญาระหว่าง Zenit และ Arsenal เพื่อที่จะตกลงอย่างเป็นทางการ. Zenit ต้องส่งกระดาษที่เขียนประมาณว่า “Arsenal ให้ราคานี้และ Zenit ยอมรับ” ในเอกสารที่เป็นทางการ. มันมีหลักฐานทางออนไลน์พอเพียงที่จะที่จะยืนยันว่า Ivan กับ Zenit ติดต่อกันทางอีเมล แต่ทางพรีเมียร์ลีคยังต้องการเอกสารที่ไม่ใช่ดิจิต่อล พวกเขาต้องการ fax
ผมเลยส่งเมล์ไปหาพวกเขาผ่านทางอีเมลล์: “Ivan คุณต้อง fax นี้ไปที่ Pavel” เรารอ
Pavel ไม่ได้รับอะไร
“Pavel คุณ fax ไปให้เค้าหน่อย” ผมเขียนในอีกอีเมลล์
ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โอเค ใครสักคน fax มาหาผลหน่อย” ผมเขียนไปในอีกเมลล์ที่สาม
ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
Fax ของรัสเซียดูจะไม่ทำงาน. เราเข้าสู่หนึ่งนาทีสุดท้ายของดีล. นาฬิกาในออฟฟิศผมเดินดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกๆ วินาทีที่ผ่าน. หัวใจของผมเต้นรัวขึ้น. ผมส่งไปอีกเมลล์นึง:
“Pavel, Ivan จะส่งบางอย่างให้คุณตอนนี้ คุณช่วยส่งเมลล์มาที่ผมและ Ivan พร้อมคำว่า “ตกลง””
เรารอ และนาฬิกาเดินไปจนถึงสิบวินาทีสุดท้าย. ผมกดรัวเพื่อรีโหลดกล่องข้อความ. Jim White ก็กำลังนับถอยหลังเวลาตลาดปิดใน Sky Sport News. ผมเห็นนาฬิกา Big Ben ในทีวีเหลือ 4 วินาที. ทันใดนั้น Email จาก Pavel ก็มาพอดี. โล่งอก ตอนนี้เรามีหลักฐานที่จะไปแสดงกับทางพรีเมียร์ลีคได้แล้ว ถึงแม้ว่าเราจะส่งฟอร์มที่พรีเมียร์ลีคต้องการไม่ทันเวลา
Arsenal ต้องรอจนกระทั่งเช้าของวันที่ 3 กุมภาเพื่อที่จะคอนเฟิร์มดีล ในขณะที่ FA และ Premier League ต้องตรวจสอบหลักฐานต่างๆ. ทำไมพวกเขาถึงยอมยืนยันดีลน่ะหรอ? ก็เพราะ email คำเดียวที่เขียนว่า “ตกลง” นั่นเพียงพอแล้วที่จะคอนเฟิร์มดีล มันอาจจะดูง่าย แต่มันสำคัญกับทางพรีเมียร์ลีคที่ยึดมั่นในกฎอย่างแข็งกร้าว
เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ดีลนึงของดีลทั้งหมด – Van Der Vaart ดีลตอนปี 2010 เป็นอีกหนึ่งดีลที่ทำให้พรีเมียร์ลีคนำ “deal sheet” เข้ามาซึ่งสโมสรต้องใส่ชื่อดีลที่อาจจะปิดได้ไม่ทันใน deadline เข้ามา.
ผมมองเรื่องนี้ย้อนหลังด้วยความสุขเพราะสุดท้ายแล้วมันสามารถปิดดีลได้. ผมคงรู้สึกแย่อย่างมากถ้าผลลัพท์เป็นอีกแบบ. ระหว่างที่ปิดดีล Ashavin มีช่วงนึงที่ ตัว Ashavin กระวนกระวาย ในตอนแรกเขาคิดว่าเขาได้ย้ายตัวแน่ๆ แต่ก็เริ่มไม่แน่ใจเพราะสถาณการณ์ต่างๆ
ลูกชายผม Ross และ Scott ชวนเขาไปเล่นเกม Fifa เพื่อคลายกังวล ระหว่างที่กำลังเล่น Ashavin เลือก “Be a Pro” โหมดนึงของ Fifa ที่คุณสามารถเล่นเป็นตัวเดียวแทนที่จะเลือกทีม. เขาเลือกที่จะเป็นตัวเขาเองและเลือกทีม Arsenal. เขามองไปที่ Scott และพูดว่า “โอเค นี่จะเป็นการลงสนามครั้งแรกของผมที่ Emirates!”
นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ใกล้สุดสำหรับ Ashavin กับ Arsenal ถ้าดีลไม่สามารถปิดลง. มันมีความกดดันมากเหลือเกินในวันปิดตลาด