สิงโตหิน... วังต้องห้าม ที่แม้แต่ ... " ฮ่องเต้ยังไม่กล้าสบตา " !!???
สิงโตหินวังต้องห้าม ที่ฮ่องเต้ไม่กล้าสบตา
พระราชวังต้องห้าม คือ “บ้าน” ของฮ่องเต้
พระองค์คือเจ้าชีวิตที่มีสิทธิ์ในทุกตารางนิ้ว ของวังหลวงแห่งนี้
ปรารถนาจะย่างกรายไปที่ใดในวังหลวงก็ย่อมได้
แต่มีสถานที่แห่งหนึ่ง ที่ฮ่องเต้ราชวงศ์ชิงพระองค์หนึ่ง
ไม่ทรงโปรดจะเสด็จเฉียดกรายใกล้ ....!!???
สะพานต้วนหงเฉียว 断虹桥 คือที่แห่งนั้น
เต้ากวงตี้ 道光帝 คือฮ่องเต้พระองค์นั้น
มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกันแน่ ? มาๆ จะเล่าให้อ่าน !!!!
สะพานต้วนหงเฉียว เป็นสะพานทอดข้ามคลองจินสุ่ย ทางมุมตะวันตก
ใกล้พระตำหนักอู่อิงเตี้ยน สะพานต้วนหงแห่งนี้ เป็นสะพานเก่าแก่
ที่ย้อนไปได้ถึงสมัยราชวงศ์หยวน ตัวสะพานแกะสลัก เสลาวิจิตรงดงาม
บนราวสะพานทั้งสองฝั่ง มีสิงโตหินประดับเรียงราย
และมีสิงโตหินอยู่ตัวหนึ่ง ที่แสลงใจเต้ากวง ฮ่องเต้ยิ่งนัก !!???
ก่อนหน้าที่เต้ากวงฮ่องเต้ จะได้เสด็จมาเห็นสิงโต หินบนสะพานแห่งนี้
พระองค์เพิ่งเผชิญความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
เมื่อ องค์ชายใหญ่อี้เว่ย (1808–1831) พระราชโอรสองค์โตของพระองค์
เกิดสิ้นพระชนม์อย่างไม่คาดฝัน ด้วยน้ำมือของเต้ากวงฮ่องเต้เอง
องค์ชายใหญ่อี้เว่ย ประสูติ แต่พระอัครชายาเหอ
ที่แต่เดิมมีฐานะเป็นเพียงนางกำนัลธรรมดาในวัง
นี่เป็นปมในพระทัยของเต้ากวงฮ่องเต้ เพราะทรงรู้สึกว่า
เรื่องนี้ทำให้องค์ชายใหญ่อี้เว่ย มีคุณสมบัติไม่สมบูรณ์นัก
ต่อการขึ้นเป็นองค์รัชทายาท เต้ากวงฮ่องเต้ จึงทรงเข้มงวด
เคี่ยวกรำกับองค์ชายอี้เว่ยเป็นอย่างมาก น่าเสียดาย
องค์ชายหนุ่มผู้นี้ไม่ค่อยสนใจในการร่ำเรียนฝึกฝน
เพื่อจะเป็นฮ่องเต้ที่ดีในอนาคตเท่าไรนัก
ตรงแถบสีขาวเล็กๆ บริเวณด้านล่างของแถบสีเหลืองในภาพ
คือที่ตั้งของสะพานต้วนหง ที่มาของภาพ
ในวันหนึ่งของเดือน 4 ปีที่ 11 ในรัชสมัยเต้ากวงฮ่องเต้ ตรงกับ ค.ศ.1831
พระอาจารย์ที่มาถวายพระอักษรองค์ชายอี้เว่ย
กล่าวกับองค์ชายหนุ่มว่า หากไม่ตั้งใจร่ำเรียน
ภายภาคหน้าจะเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้อย่างไร องค์ชายอี้เว่ยแค่นหัวร่อแล้วกล่าวว่า
“我要是做了皇帝,第一个就先杀了你”
“ถ้าข้าได้เป็นฮ่องเต้ สิ่งแรกที่ข้าจะทำคือฆ่าเจ้านี่แหละ”
ผู้เป็นพระอาจารย์ใบหน้าซีดเผือด รีบนำเรื่องไปทูลฟ้องเต้ากวงฮ่องเต้
เต้ากวงฮ่องเต้ได้ฟังก็ทรงพระพิโรธ ให้เรียกองค์ชายอี้เว่ยมาเข้าเฝ้า
องค์ชายอี้เว่ยคุกเข่าทูลขอ พระราชทานอภัยโทษ แต่ไม่อาจยับยั้งความโกรธ
ของพระราชบิดาได้ เต้ากวงฮ่องเต้ปรี่ เข้ามาเตะเข้าที่หว่างขาขององค์ชายใหญ่อี้เว่ย
ซึ่งคุกเข่าอยู่เต็มรัก ! องค์ชายอี้เว่ยถึงกับตัวงอ มือขวาจับขมับ
มือซ้ายกุมอยู่หว่างขา บิดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด
ก่อนจะหมดสติแล้วสิ้นพระชนม์ในเวลาต่อมา ด้วยอายุเพียง 24 ปี
เต้ากวงฮ่องเต้ ไม่คาดคิดเลยว่า การกระทำของพระองค์
จะรุนแรงถึงขนาด ทำให้พระโอรสของพระองค์เอง ต้องถึงแก่ความตาย
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เต้ากวงฮ่องเต้ เศร้าโศกเป็นอย่างมาก
ทรงตรอมพระทัยจนผ่ายผอม หากเราสังเกตให้ดี
ภาพของเต้ากวงฮ่องเต้ ที่ปรากฏอยู่ในทุกวันนี้
จะเป็นภาพที่มีพระพักตร์ซูบตอบ ว่ากันว่าเป็นเพราะความเศร้าโศกในเรื่องนี้
หลังการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายอี้เว่ยไม่นาน
ให้บังเอิญเต้ากวงฮ่องเต้ เสด็จพระราชดำเนินผ่านสะพานต้วนหง
แล้วทรงสังเกตเห็นกับสิงโตหินตัวหนึ่งบนราวสะพานด้านตะวันออก
(นับจากด้านทิศใต้ไปเป็นตัวที่สี่) เป็นสิงโตที่มีท่าทางแปลกประหลาด
จากตัวอื่นๆ เพราะมันยกขาหน้าขวาขึ้นข้างขมับ ขาหน้าข้างซ้ายกุมไว้ที่หว่างขา
ใบหน้าบิดเบี้ยวเจ็บปวด นี่มันเป็นท่าทางเดียวกัน กับองค์ชายอี้เว่ย
ก่อนสิ้นพระชนม์ไม่ผิดเพี้ยน
เมื่อเต้ากวงฮ่องเต้ได้ทอดพระเนตรเห็นถึงกับนิ่งอึ้ง ตะลึงลาน ไม่พูดไม่จา
พระพักตร์เปลี่ยนสี หัวใจเหมือนถูกกรีด ทรงทอดพระเนตรได้เพียงชั่วครู่
ก็ต้องเบือนพระพักตร์หนี มิอาจจะจ้องมองสิงโตหินตัวนี้ได้อีก
ทรงให้ขันทีนำผ้าแดงมาห่อหุ้มปกปิดสิงโตหินตัวนี้ไว้จวบจนตลอดรัชสมัย
ทุกวันนี้ ยังมีเรื่องเล่าขานสันนิษฐานกันไปต่างๆ นานาว่า
ดวงวิญญาณที่เจ็บปวดแสนทรมานขององค์ชาย อี้เว่ย
คงมาปรากฎอยู่บนสิงโตหินแห่งสะพานต้วนหงที่เก่าแก่นี้
ผู้คนในปักกิ่งนิยมไปถ่ายรูปสิงโตหินตัวนี้ แล้วแชร์กันบนโลกออนไลน์
จนเรื่องนี้แพร่สะพัดอย่างมากมายในโลกโซเชียลจีน
ถ้าใครมีโอกาสไปพระราชวังต้องห้าม
อย่าลืมแวะไปเยี่ยมชมสิงโตหินประหลาดนี้ กันละ !!!!!
...