“อ.หรั่ง” ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยืนยัน กรมพละศึกษา ยังคงเดินหน้าอบรมโค้ชฟุตบอลทั่วประเทศตามนโยบายเช่นเดิมเพื่อกระจายความรู้ให้ผู้อยากมีความรู้เรื่องโค้ชจริงจัง ส่วนใครอยากจะอบรมโครงการของ “เอเอฟซี” เพื่อต่อยอดสู่โค้ชอาชีพก็ทำได้ตามสะดวก

ภายหลังจากที่มีประเด็นกันในโลกโชลเชี่ยลว่าโครงการอบรมโค้ชของ “อ.หรั่ง” ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน ในอดีตนั้นทาง เอเอฟซี ไม่รับรองจนมีการเปิดวิวาทะกันเดือดในเพจของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ

ล่าสุด “อ.หรั่ง” ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน ออกมาชี้แจงว่า “ จริงๆแล้วมันมีเพียง2 ประเด็นที่ผมอยากจะตอบสังคมคือ 1.ผู้ผ่านการอบรมหลักสูตรของ เอเอฟซี ที่ต้องการต่อยอดไปสู่การเป็นโค้ชอาชีพ โดยในยุคนายกสมาคมฟุตบอลฯคนเก่าก็ได้มีการอบรมของเอเอฟซี ซึ่งมาเปิดปีละ 1-2 ครั้ง ย้อนหลังไปเมื่อ 10 ปีที่แล้วรุ่นแรกเปิดสอนกันที่ ม.ธุรกิจบัณฑิต ตอนนั้นผมเป็นผู้ช่วยของเอเอฟซี ก็มีคนจบหลักสูตรไปหลายคน”

“ประเด็นที่อยากจะชี้แจงต่อมาคือข้อ2. เมื่อมีคนสนใจที่จะอบรมโค้ชกันเยอะมากส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกครูบาอาจารย์ตามโรงเรียนต่างๆทั่วประเทศแต่เมื่อ เอเอฟซี มาจัดอบรมเพียงแค่ 1-2ครั้งต่อปี เราจะแก้ปัญหานี้อย่างไร"

" ทาง กรมพละศึกษา ซึ่งมีหน้าที่โดยตรง รวมทั้งสมาคมฟุตบอลยุคก่อน ก็ได้ส่งผมไปอบรมวิทยากรที่ เวียดนาม และ ลาว เพื่อกลับมาเปิดอบรมผู้ฝึกสอนหลักสูตรภายในประเทศ ให้กับบุคคลเหล่านี้โดยมีสปอนเซอร์หลักไม่ว่าจะเป็น โค้ก,ช้าง สนับสนุนให้อบรมฟรี ก็ต้องยอมรับว่าเอเอฟซีไม่ได้รับรองอยู่แล้วเนื่องจากเขาไม่ได้มาอบรมเอง แต่เป็นหลักสูตรเดียวกันรับรองโดยสมาคมฟุตบอลฯ โดยนโยบายของเรามีความต้องการจะอบรมหลักสูตรผู้ฝึกสอนฟุตบอลให้ประเทศไทยมีบุคคลากรทางด้านโค้ชเยอะที่สุด”

“อ.หรั่ง”กล่าวทิ้งท้ายอีกว่า“มาถึงตอนนี้ผมยังคงยืนยันว่าใครอยากจะอบรมโค้ชที่เป็นนโยบายของ สมาคมฟุตบอลฯยุคนี้จัดทำขึ้นซึ่งรับรองโดยเอเอฟซี ก็เรียนได้ตามสะดวก แต่ทางผมเองในฐานะที่เป็นข้าราชการทำงานอยู่ในกรมพละศึกษาก็ยังจะจัดอบรมโค้ชทั่วประเทศตามนโยบายของเราต่อไปเพราะจะทิ้งไม่ได้เนื่องจากเป็นหน้าที่หลักของเราโดยตรง”

ความฝันสมัยเล่น FM โค้ชฟุตบอล

มองแง่ดี ก็คืออบรมเหมือนกันแต่ ถ้ามากับหรั่งก็ afc ไม่ได้รับรองถ้าอยากต่อยอดคือทำไม่ได้สินะ แต่ถ้าคุณไม่คิดจะต่อยอดแต่อยากจะเรียนก็เรียนทางนี้ได้ ส่วนตัวมองแบบไม่ขัดแย้งก็ดีนะจะได้มีบุคลากรด้านฟุตบอลมากขึ้น

อบรมแต่ไม่ได้ใบ แต่ได้ความรู้

ถ้าทำตามอุดมการณ์ไปเรื่อยๆ ไม่แขวะใครก็โอเค นะหรั่ง

หึหึ

มาถึงตอนนี้ผมยังคงยืนยันว่าใครอยากจะอบรมโค้ชที่เป็นนโยบายของ สมาคมฟุตบอลฯยุคนี้จัดทำขึ้นซึ่งรับรองโดยเอเอฟซี ก็เรียนได้ตามสะดวก แต่ทางผมเองในฐานะที่เป็นข้าราชการทำงานอยู่ในกรมพละศึกษาก็ยังจะจัดอบรมโค้ชทั่วประเทศตามนโยบายของเราต่อไปเพราะจะทิ้งไม่ได้เนื่องจากเป็นหน้าที่หลักของเราโดยตรง”

ก็แปลว่าเมื่อก่อนไม่มีเข้าใจ แต่ปัจจุบัน ก็มีแล้ว แถม เอเอฟซีรับรองด้วย

แต่ใครจะเลือกทางไหนก็แล่วแต๊

ผมอายุ 23ปี ยังเรียนไม่จบ เข้าร่วมอบรมด้วยได้ปะครับ

งั้นก็แสดงว่าใครที่ผ่านการอบรมกับจารย์ก็ไม่ได้การรับรองจาก AFC นะสิครับ อืม แล้วจารย์จะโวยวายทำไมละนิ เพราะเขาพูดก็น่าจะเรื่องจริงรึเปล่า

ปล. แต่ที่จารย์ทำผมก็ว่าดีครับ กระจายความรู้แกคนที่สนใจ เพียงแต่ใครจะต่อยอดก็ไปอบรมกะสมาคมต่อเอาเอง

ถ้าจะเอาความรู้ก็ไปหาโค๊ชหลั่งได้

ถ้าจะเอาใบเซอร์ก็ไปของ afc

ทุกคนย่อมมีทางเลือกของตน

แบบไหนก็ดีครับ ถ้าหลักสูตรเดียวกัน ใครอยากเป็นโค้ชอาชีพในอนาคตก็ไปเรียนทางสมาคม ถ้าไม่ก็เรียนฟรีกับหรั่งก็ไม่มีปัญหา

โอเค ชัดเจนดี ไว้พร้อมแล้วบวกกับเวลามี ไปเรียนดีกว่า ฟรีด้วย

ดราม่าหน้า(เพจ)FAIR! “อ.หรั่ง” โต้เดือดกรณีอบรมโค้ชAFCและกรมพลศึกษาฯ
มาม่าในลิ้ง
http://t1new.blogspot.com/2017/04/fair-afc.html

ผมก็ยังปนสงสัยว่า ถ้าอบรมแล้วเอาไปต่อยอดไม่ได้แล้วจะอบรมทำไม จบมาก็ต้องไปเริ่มใหม่หมดที่สมาคมอยู่ดี

เพราะคิดแต่จะทำอย่างเดียวโดยไม่สนใจว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ใครเสียประโยชน์ โค้ชและชาตินี่แหละ ภาษีเราๆท่านๆนี่แหละ กลัวไม่ได้หน้า

คือแทนที่จะไปประสานงานกับสมาคมเพื่อให้ต่อยอดกันในอนาคตได้ แต่ไม่ทำ เลือกที่จะแยกทำ อย่าแปลกใจที่ไม่พัฒนาไปไหน

ผมคิดว่ามันเหมือนมันเป็นการแบ่งแยกเป็นสองฝ่ายเลย

ทำงานได้ตามแบบฉบับข้าราชการไทยได้ดีมากครับหรั่ง ได้งบมาแล้วก็ต้องทำไป โดยไม่สนว่าจะเกิดประโยชน์อะไรบ้าง ถ้าไม่ทำเดี๋ยวปีหน้าโดนตัดงบ ไม่มีแดรก ไม่มีผลงาน แทนที่จะหาทางแก้ปัญหาทำให้มันเป็นสากลหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่หรั่งไม่สน หรั่งจะทำของหรั่งหยั่งเงี้ย เจริญครับ