ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 7672
ที่อยู่: Stamford Bridge
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:00 pm
AC MILAN
จากโคตรทีมของยุโรปสู่ทีมกลางๆของยุโรป คิดว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้มิลานตกต่ำลงได้ถึงเพียงนี้? และคิดว่าอีกกี่ปีถึงจะกลับไปอยู่แถวหน้าอีกครั้ง?








0
0
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 3431
ที่อยู่: แอนฟิลด์
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:01 pm
[RE: AC MILAN]
สาเหตุ เพราะนักบอลในทีมอ่อนลง
0
0
เข้าร่วม: 18 Dec 2007
ตอบ: 31781
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:03 pm
[RE: AC MILAN]
ความผิดพลาดของบอร์ดบริหารที่ไม่วางแผนเปลี่ยนถ่ายนักเตะอย่างถูกต้อง

เจ้าของดึงเงินจากการขายตัวหลักเข้าไปหมุนเวียนในธุรกิจของตัวเอง

อีกกี่ปีจะกลับมาก็ไม่รู้ เพราะตอนนี้ดีลขายทีมเลื่อนอีก4เดือน
ซึ่งถ้าไม่เกิดขึ้น แฟนมิลานก็ทำใจไว้แล้ว
ว่าโครงสร้างของทีมชุดใหม่ที่กำลังทำผลงานได้ดีระดับนึงในตอนนี้
จะถูกขายกินอีกครั้งก็ไม่แปลก อาจจะไปไม่ไกลซะด้วย

Love is three quarters curiosity.



เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 27
ที่อยู่: Manchester united
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:04 pm
[RE: AC MILAN]
ป๋าแบร์มีปัญหาเรื่องเงินไรป่ะและขายอิบรากับซิลวาออกและก็เริ่มยุคตกต่ำตั้งแต่นั้นแล
0
0


เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 19981
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:05 pm
[RE: AC MILAN]
การบริหาร



ว่าแต่ปีร์โล่มีปัญหาไรรึป่าวกับป๋าแบร์
0
0
เข้าร่วม: 18 Dec 2007
ตอบ: 31781
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:06 pm
[RE: AC MILAN]
Pires07 พิมพ์ว่า:
ป๋าแบร์มีปัญหาเรื่องเงินไรป่ะและขายอิบรากับซิลวาออกและก็เริ่มยุคตกต่ำตั้งแต่นั้นแล  


โดนคดี เลยต้องเอาเงินไปหมุน ขายตัวหลักแพงๆ แล้วดึงตัวฟรีมาแทน
[แล้วดันวางเป้าหมายสูงถึงแชมป์ แต่เงินไม่ให้ ผลคือปลดโค้ชรัวๆ]
0
0
Love is three quarters curiosity.



เข้าร่วม: 18 Dec 2007
ตอบ: 31781
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:06 pm
[RE: AC MILAN]
P2INCE พิมพ์ว่า:
การบริหาร



ว่าแต่ปีร์โล่มีปัญหาไรรึป่าวกับป๋าแบร์  


แบร์+เหม่ง VS ปีร์โล่

ไม่เผาผีกันอะครับ เอาง่ายๆละกัน
1
0
Love is three quarters curiosity.



เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 8594
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:13 pm
[RE: AC MILAN]
สตาร์ดังๆเยอะมากแต่ก่อน ยุค90นี่ กัลโช่ครองโลกจริงๆ
เข้าร่วม: 19 Aug 2008
ตอบ: 2002
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:14 pm
[RE: AC MILAN]
ช่วงนี้มิลานท็อปฟอร์มแฮะ


มู้เกี่ยวกับเรื่องนี้มาทุกอาทิตย์
0
0
เข้าร่วม: 19 Aug 2008
ตอบ: 2002
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:15 pm
[RE: AC MILAN]
lazia23 พิมพ์ว่า:
สตาร์ดังๆเยอะมากแต่ก่อน ยุค90นี่ กัลโช่ครองโลกจริงๆ  


จริงๆ คือ 80+90+2000 ตอนต้นๆ เลยต่างหาก

(ปล. อาจจะเวอร์ไปนิดนึงนะครับ )
เข้าร่วม: 01 Dec 2013
ตอบ: 23989
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:16 pm
[RE: AC MILAN]
ช่วงที่ตำนานเริ่มโรยรา เด็กรุ่นใหม่บางคนก็ไม่ได้รับโอกาส ยังเข็นใช้อยู่

อาจจะเกรงใจแกบ้างละ เพราะบางคนก็ยังเก๋าอยู่ แล้วบางทีเด็กก็ลงแทนนะ แต่ทำได้ไม่ดีพอ

ตั้งแต่ขายเชฟไป ก็เริ่มขาย กาก้า ซิลวา ซลาตัน ไปเรื่อยๆ

ไปคว้าฟรีๆมา นักเตะก็มีคุณภาพบ้างไม่มีบ้าง การบริหารสุดห่วย

นักเตะไม่มีแรงจูงใจ ไม่มีใจในการสวมเสื้อมิลาน อาจจะเพราะขาลงก็ได้

กุนซือส่วนใหญ่มิลานก็มักใช้บริการพวกอายุน้อยๆ ไม่ว่าจะพี่แจ้ ชาคคี่ คาเปลโลในตอนนั้น

แต่ตอนนั้นผู้เล่นยังดี แถมกุนซือตอนนั้นเขาก็เป็นพวกไฟแรงสุดๆ พอหมดยุคพี่แจ้

เลโอนาโด้ ก็ดี แต่มีปัญหากับเบื้องบน แถมน้ากรี ก็ไม่ได้ดีเยี่ยมอะไรถึงคว้าแชมป์ได้

พอปลดไปดึงเซดอร์ฟไร้ประสบการณ์จบ รวมทั้งปิ้ปโป้ ที่มีประสบการณ์คุมแค่ชุดเล็ก

มิไฮโลวิช ก็เริ่มๆดันเด็กขึ้นมา ถึงไม่ดีไม่แย่ไป แต่มันไม่เพียงพอสำหรับมิลาน

โดนปลดไม่ใช้เพราะผลงาน นะ รายนี้ขอข้าม ส่วนมอนเตลล่าดูกันยาวๆไป

สรุปคือมันมีหลายปัจจัยที่ทำให้มิลานเป็นแบบนี้ ถึงฤดูกาลนี้ผลงานดี

แต่ยังมีหลายเกมส์ที่รูปเกมส์ไม่ประทับใจ เด็กรุ่นใหม่มิลานก็ต้องลุ้นละว่า

จะดียาวๆหรือไหม หรือไม่ดีแล้วมันจะพังทั้งระบบ ก็ต้องลุ้นต่อไป
เข้าร่วม: 23 Nov 2009
ตอบ: 1338
ที่อยู่: * ศุกร์
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:17 pm
AC MILAN
3-4 ปีก่อน ผมคิดว่าทีมผมคือ "ยักษ์หลับ" ที่รอวันตื่นในอีกไม่ช้า
แต่ตอนนี้เหมือนกำลังฝันหวานอยู่กับอดีตอันหอมหวน คงยังไม่ตื่นง่ายๆ
หวังว่าวันนึงจะมีนายทุนเงินหนามาปลุกทีมอันเป็นที่รักของผมให้ตื่น
ก่อนหน้านี้ผมยอมรับเลยว่า ไม่ชอบพวกรวยๆ เงินหนาๆ มาเป็นเจ้าของ
แล้วเอาเงินมาซื้อความสำเร็จ ส่วนตัวชอบการปั้นจากเยาวชน
การสร้างทีมเสมือนครอบครัว ซึ่งผมมองว่ามันยั่งยืนและดูสวยงามกว่า
แต่ชั่วโมงนี้มึงมาเถอะ ใครก็ได้ แต่ขอใส่ใจทีมแบบเสี่ยหมีของเชลซีพอ
0
0
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 8594
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:17 pm
[RE: AC MILAN]
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
สตาร์ดังๆเยอะมากแต่ก่อน ยุค90นี่ กัลโช่ครองโลกจริงๆ  


จริงๆ คือ 80+90+2000 ตอนต้นๆ เลยต่างหาก

(ปล. อาจจะเวอร์ไปนิดนึงนะครับ )  


อ่าครับ 80-90 ถึงต้นๆ2000

ส่วน 2000-ปลายๆ 2009/2010

ส่วน ปัจจุบัน 2010-2016 ลาลีก้าครองโลก
เข้าร่วม: 12 Aug 2016
ตอบ: 17494
ที่อยู่: Khon Kaen
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:31 pm
[RE: AC MILAN]
มาปีนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วนะครับ นอกยูไนเต็ด รองลงมาผมก็เชียร์มิลานนี้แหละชอบอีตาเชฟเชนโก้เป็นกองหน้าคนเเรกที่ผมชอบเลย แต่ปีนี้กลัวจะยืนระยะได้ไม่นานนี้สิทีมมีแต่นักเตะอายุน้อยสายเลือดใหม่ทั้งนั้น
b2e3d6014a00ef2c89ecc7920e3cca9f.gif
เข้าร่วม: 19 Aug 2008
ตอบ: 2002
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:34 pm
[RE: AC MILAN]
lazia23 พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
สตาร์ดังๆเยอะมากแต่ก่อน ยุค90นี่ กัลโช่ครองโลกจริงๆ  


จริงๆ คือ 80+90+2000 ตอนต้นๆ เลยต่างหาก

(ปล. อาจจะเวอร์ไปนิดนึงนะครับ )  


อ่าครับ 80-90 ถึงต้นๆ2000

ส่วน 2000-ปลายๆ 2009/2010

ส่วน ปัจจุบัน 2010-2016 ลาลีก้าครองโลก  


แหม่

ใครจะครองโลกยุคไหน สำหรับผมมันเริ่มมาจาก Tactic Evolution เลยนะครับ

อย่างที่อิตาลี่ ปลายยุค 80 คือ เริ่มพัฒนาจาก

คาเตนัคโช่เดิมๆ

เป็น Zone Press ของมิลาน ที่มีกฎแนวรับกับแนวรุกต้องไม่มีระยะห่างกันเกิน 25 เมตร

ยุคต้น 90 ครัฟฟ์เริ่มปฏิวัติระบบเยาวชนสโมสร ลามาเซีย และปรัชญาการเล่นฟุตบอลแบบบาร์เซโลน่า ยุคใหม่

ต่อมา
ทางด้านอิตาลี่ ก็มีปฎิวัติ บทบาทนักเตะเบอร์ 10 อย่างบาจโจ้ ที่เล่นแนว 9.5 (ก่อนเป็น False 9 ในปัจจุบัน)


บราซิล ก็มีโด้อ้วน กับ โรมาริโอ้

ปฎิวัติรูปแบบการเล่นของกองหน้า คือเป็นกองหน้าที่เล่นนอกกรอบได้ดีขึ้น


ยุค 90 นี่เริ่มเปลี่ยนจาก หลังสามมาเป็นหลังสี่ กันแทบทั้งหมดเลย มีการนำกับดักล้ำหน้ามาใช้เยอะมาก (เริ่มจาก มิลานก่อนเป็นทีมแรก)

พอมายุค 2000

มู เริ่มมาใช้แท็กติกแบบ 4-3-3 หรือ 4-5-1 แบบเน้นเกมรับ เป็นคนแรกๆ ที่ใช้กลางรับสองตัว อิทธิพลของมู ต่อลีกอังกฤษสมัยนั้น ผมว่าพอๆ กับที่เป๊บมีต่อ บอลลาลีก้าเลย ผมยังจำได้ดีว่าสมัยก่อน สยามกีฬาเรียกมูริญโญ่ว่า เฮียเครียด หน้าเป้าเริ่มมีหน้าที่พักบอลให้แถวสองขึ้นมาเติมมากขึ้น

ฝั่งอังกฤษเต็มไปด้วย มิดฟิลที่ยิงแถวสอง ดี


ทางด้าน อิตาลี่
Pirlo ก็ได้ให้นิยามสำหรับ Deep lying Playmaker อะ แนวทางการเล่นของ มิลาน ที่เล่น แบบ Narrow ใช้มิดฟิลตัวทำเกมตรงกลางเยอะๆ

แปลกมั้ย ยูเวนตุสกับอินเตอร์ได้แชมป์ลีกในช่วงนั้นเยอะกว่ามิลาน แต่ทำไมคนกลับพูดถึงมิลานมากกว่า
ก็เพราะรูปแบบการเล่นของมิลานชุดนั้น มันพิเศษกว่าทีมอื่นๆ


เยอรมนี
(เริ่มที่ยุคคลิ้นสมันส์) ก็เริ่มเล่นบอลวันทัช High Speed และเน้นเรื่องฟิตเนสมากขึ้น (มีการสร้างฟิตเนสใหม่ขึ้นมาหลายแห่งในสโมสรแห่งเยอรมนี)

พอ ปลายยุค 2000 /2008+
ก็ยุคเป๊บปฏิวัติ

เมสซี่พัฒนาจาก 9.5 ==> False 9
เข้าร่วม: 20 Mar 2008
ตอบ: 2165
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:37 pm
[RE: AC MILAN]
P2INCE พิมพ์ว่า:
การบริหาร



ว่าแต่ปีร์โล่มีปัญหาไรรึป่าวกับป๋าแบร์  


สรุปง่ายๆใน3บรรทัด

1. ขัดขวางย้ายไปมาดริดทีมในฝัน
2. ขัดขวางย้ายไปบาซ่ายุคเป้บ(ยื่นมา2ครั้งแอบเอาแฟคไปทิ้งเนียนๆไม่บอกใคร)
3. ที่ไม่ย้ายเพราะแบร์เอาเชคมาให้ใส่ค่าเหนื่อยเองเลย ปีร์โล่คิดว่าสโมสรเห็นคุณค่าตัวเองเลยอยุ่ต่อ สุดท้ายอย่างที่เหนพอฟอร์มเริ่้มดรอปโดนบีบให้ย้ายไปเล่นมิดฟิลด์ฝั่งขวาเลยย้ายเลย
1
0
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 7100
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:37 pm
[RE: AC MILAN]
RazeJP พิมพ์ว่า:
ความผิดพลาดของบอร์ดบริหารที่ไม่วางแผนเปลี่ยนถ่ายนักเตะอย่างถูกต้อง

เจ้าของดึงเงินจากการขายตัวหลักเข้าไปหมุนเวียนในธุรกิจของตัวเอง

อีกกี่ปีจะกลับมาก็ไม่รู้ เพราะตอนนี้ดีลขายทีมเลื่อนอีก4เดือน
ซึ่งถ้าไม่เกิดขึ้น แฟนมิลานก็ทำใจไว้แล้ว
ว่าโครงสร้างของทีมชุดใหม่ที่กำลังทำผลงานได้ดีระดับนึงในตอนนี้
จะถูกขายกินอีกครั้งก็ไม่แปลก อาจจะไปไม่ไกลซะด้วย

 


เงินลอตแรกเห็นว่ามาแล้วนะครับ 100M
0
0
เข้าร่วม: 19 Aug 2008
ตอบ: 2002
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:40 pm
[RE: AC MILAN]
EnterSandman พิมพ์ว่า:
P2INCE พิมพ์ว่า:
การบริหาร



ว่าแต่ปีร์โล่มีปัญหาไรรึป่าวกับป๋าแบร์  


สรุปง่ายๆใน3บรรทัด

1. ขัดขวางย้ายไปมาดริดทีมในฝัน
2. ขัดขวางย้ายไปบาซ่ายุคเป้บ(ยื่นมา2ครั้งแอบเอาแฟคไปทิ้งเนียนๆไม่บอกใคร)
3. ที่ไม่ย้ายเพราะแบร์เอาเชคมาให้ใส่ค่าเหนื่อยเองเลย ปีร์โล่คิดว่าสโมสรเห็นคุณค่าตัวเองเลยอยุ่ต่อ สุดท้ายอย่างที่เหนพอฟอร์มเริ่้มดรอปโดนบีบให้ย้ายไปเล่นมิดฟิลด์ฝั่งขวาเลยย้ายเลย  


เรื่องย้ายไปมาดริดอาจจะไม่เท่าไหร่นะ

แต่ข้อ 3 นี่สุดๆ แล้ว

เพราะ ยุค พี่แจ้ ปิร์โล่คือนักเตะที่สำคัญที่สุดในทีมเลย

ฉายาอะไรก็กรู ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
เข้าร่วม: 11 Jan 2009
ตอบ: 2440
ที่อยู่: Old Trafford
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:40 pm
[RE: AC MILAN]
TAE SHAW พิมพ์ว่า:
มาปีนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้วนะครับ นอกยูไนเต็ด รองลงมาผมก็เชียร์มิลานนี้แหละชอบอีตาเชฟเชนโก้เป็นกองหน้าคนเเรกที่ผมชอบเลย แต่ปีนี้กลัวจะยืนระยะได้ไม่นานนี้สิทีมมีแต่นักเตะอายุน้อยสายเลือดใหม่ทั้งนั้น
 


ใครบ้างครับในรูป จากซ้ายลงมาใช่ เดชิโญ่ โรมันโญลี่ เนียง โลคาเตลี่ ดอน ซูโซ่ คนนี้ไม่รู้ใช่ แบ๊คขวา ที่ขึ้นมารึเปล่า ละคนสุดท้าย อบาเต้ อะเปล่าครับ ผมงงๆ นิดหน่อย
0
0
เข้าร่วม: 20 Oct 2008
ตอบ: 2759
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 10:59 pm
[RE: AC MILAN]
เงิน
0
0




เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 19981
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 11:04 pm
[RE: AC MILAN]
EnterSandman พิมพ์ว่า:
P2INCE พิมพ์ว่า:
การบริหาร



ว่าแต่ปีร์โล่มีปัญหาไรรึป่าวกับป๋าแบร์  


สรุปง่ายๆใน3บรรทัด

1. ขัดขวางย้ายไปมาดริดทีมในฝัน
2. ขัดขวางย้ายไปบาซ่ายุคเป้บ(ยื่นมา2ครั้งแอบเอาแฟคไปทิ้งเนียนๆไม่บอกใคร)
3. ที่ไม่ย้ายเพราะแบร์เอาเชคมาให้ใส่ค่าเหนื่อยเองเลย ปีร์โล่คิดว่าสโมสรเห็นคุณค่าตัวเองเลยอยุ่ต่อ สุดท้ายอย่างที่เหนพอฟอร์มเริ่้มดรอปโดนบีบให้ย้ายไปเล่นมิดฟิลด์ฝั่งขวาเลยย้ายเลย  


ขอบคุณครับ ผมหาเจอแต่ตอนจะย้ายไปมาดริด
0
0
เข้าร่วม: 18 Dec 2007
ตอบ: 5352
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 11:12 pm
[RE: AC MILAN]
การบริหารล้วนๆนักเตะดีดีไม่มี โค้ชดีดีไม่จ้างซื้อขายตามใจประธานอย่างเดียว
0
0
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 8594
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 11:28 pm
[RE: AC MILAN]
Spoil

identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
สตาร์ดังๆเยอะมากแต่ก่อน ยุค90นี่ กัลโช่ครองโลกจริงๆ  


จริงๆ คือ 80+90+2000 ตอนต้นๆ เลยต่างหาก

(ปล. อาจจะเวอร์ไปนิดนึงนะครับ )  


อ่าครับ 80-90 ถึงต้นๆ2000

ส่วน 2000-ปลายๆ 2009/2010

ส่วน ปัจจุบัน 2010-2016 ลาลีก้าครองโลก  


แหม่

ใครจะครองโลกยุคไหน สำหรับผมมันเริ่มมาจาก Tactic Evolution เลยนะครับ

อย่างที่อิตาลี่ ปลายยุค 80 คือ เริ่มพัฒนาจาก

คาเตนัคโช่เดิมๆ

เป็น Zone Press ของมิลาน ที่มีกฎแนวรับกับแนวรุกต้องไม่มีระยะห่างกันเกิน 25 เมตร

ยุคต้น 90 ครัฟฟ์เริ่มปฏิวัติระบบเยาวชนสโมสร ลามาเซีย และปรัชญาการเล่นฟุตบอลแบบบาร์เซโลน่า ยุคใหม่

ต่อมา
ทางด้านอิตาลี่ ก็มีปฎิวัติ บทบาทนักเตะเบอร์ 10 อย่างบาจโจ้ ที่เล่นแนว 9.5 (ก่อนเป็น False 9 ในปัจจุบัน)


บราซิล ก็มีโด้อ้วน กับ โรมาริโอ้

ปฎิวัติรูปแบบการเล่นของกองหน้า คือเป็นกองหน้าที่เล่นนอกกรอบได้ดีขึ้น


ยุค 90 นี่เริ่มเปลี่ยนจาก หลังสามมาเป็นหลังสี่ กันแทบทั้งหมดเลย มีการนำกับดักล้ำหน้ามาใช้เยอะมาก (เริ่มจาก มิลานก่อนเป็นทีมแรก)

พอมายุค 2000

มู เริ่มมาใช้แท็กติกแบบ 4-3-3 หรือ 4-5-1 แบบเน้นเกมรับ เป็นคนแรกๆ ที่ใช้กลางรับสองตัว อิทธิพลของมู ต่อลีกอังกฤษสมัยนั้น ผมว่าพอๆ กับที่เป๊บมีต่อ บอลลาลีก้าเลย ผมยังจำได้ดีว่าสมัยก่อน สยามกีฬาเรียกมูริญโญ่ว่า เฮียเครียด หน้าเป้าเริ่มมีหน้าที่พักบอลให้แถวสองขึ้นมาเติมมากขึ้น

ฝั่งอังกฤษเต็มไปด้วย มิดฟิลที่ยิงแถวสอง ดี


ทางด้าน อิตาลี่
Pirlo ก็ได้ให้นิยามสำหรับ Deep lying Playmaker อะ แนวทางการเล่นของ มิลาน ที่เล่น แบบ Narrow ใช้มิดฟิลตัวทำเกมตรงกลางเยอะๆ

แปลกมั้ย ยูเวนตุสกับอินเตอร์ได้แชมป์ลีกในช่วงนั้นเยอะกว่ามิลาน แต่ทำไมคนกลับพูดถึงมิลานมากกว่า
ก็เพราะรูปแบบการเล่นของมิลานชุดนั้น มันพิเศษกว่าทีมอื่นๆ


เยอรมนี
(เริ่มที่ยุคคลิ้นสมันส์) ก็เริ่มเล่นบอลวันทัช High Speed และเน้นเรื่องฟิตเนสมากขึ้น (มีการสร้างฟิตเนสใหม่ขึ้นมาหลายแห่งในสโมสรแห่งเยอรมนี)

พอ ปลายยุค 2000 /2008+
ก็ยุคเป๊บปฏิวัติ

เมสซี่พัฒนาจาก 9.5 ==> False 9  


 


ใช่ครับการปฎิวัติแทคติคมีผลอย่างมากต่อภาพรวมของทั้งลีก ที่ลาลีก้าผงาดขึ้นมาได้ขนาดนี้ หลายๆคนในวงการก็ขอบคุณเป๊บกัน ทั้งการรื้อทำเพลสซิ่งใหม่หมดจนเป็นต้นแบบและทำให้การเล่นเพลสซิ่งกลับมาบูมอีกครั้ง (ทุกวันนี้ทีมที่เล่นเน้นคุมโซนอย่างเดียวกลายเป็นของหายากในลาลีก้าไปแล้ว) โมเดิร์นฟุตบอลก็เป็นต้นแบบให้หลายๆทีมในลีก และหลายๆทีมนอกลีกด้วย แต่จริงๆก็มีอีกปัจจัยที่ทำให้ลาลีก้าครองโลกก็คือ เมล็ดพันธุ์ลามาเซีย มันแตกหน่อออกผลสมบูรณ์แบบด้วย ส่วนทางฝั่งเมืองหลวง กาแลคติกอส ภาค2 ก็ได้เปเรซที่ชนะการเลือกตั้ง มองเห็นปัญหาของภาคแรก แก้ไขให้มันลงตัวจนแล่นฉิว

เรียกว่าพอ2พี่ใหญ่ของลีกเข็มแข็ง ทีมอื่นๆก็เข็มแข็งตาม ทั้งพี่หมี เซบีญ่า เรือดำน้ำ(เริ่มกลับมาแล้ว) ถึงตัวเก๋าอย่างค้างคาวจะหล่นไปอย่างน่าเสียดายแต่ ก็มีคลื่นลูกใหม่หน้าเก่ามาแทนที่ นอกจากนี้ก็คือการใส่ใจกับรากฐานที่สำคัญที่สุดอย่างอคาเดมี่ ที่มีการแจ้งเกิดของดาวรุ่งอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน (มีกระทั่งอคาเดมี่สุดโต่งอย่างบิลเบา)

โอเคแหละครับทีมใหญ่จริงๆก็มี3ทีม +กลางค่อนใหญ่อีก3(+1) ไม่เยอะขนาดยุคทองของกัลโช่ แต่2ยักษ์ใหญ่ก็ใหญ่เบิ้มจริงๆ อีกเรื่องที่ผมชอบก็คือบอลเอนเตอเทนดีครับ บอลบุกมันอยู่ในสายเลือดของคนสเปนจริงๆ มีแม้กระทั่ง แพ้ไม่ว่าแต่อย่าอุด ทีมเล็กบางทีมมาเยือนบ้านมาดริด-บาร์ซ่าแท้ๆยังจะบุกสวน(ชนะมั่งแพ้มั่งว่ากันไป) ใจมันได้จริงๆ55

เรื่องฟอลไนท อันนี้ผมไม่แน่ใจนิยามของ9.5นะครับ แต่ของเมส ต้นฉบับฟอลไนทจริงๆ มาจากปู่ครัฟฟ์ ยุค70นู่นเลยนะ(เป๊บเคยบอก) เพราะเมสเองถึงตอนเด็กๆจะเคยเล่นกองกลาง แต่ตั้งแต่เดบิวท์กับชุดใหญ่ก็เล่นกองหน้าตัวริมเส้นเป็นหลัก แต่เนื่องจากเป๊บเห็นว่า -นักเตะที่วิชั่นดีมากขนาดนี้ไม่ควรไปเล่นริมเส้น(วลียอดฮิตของแกละ)

ซึ่งปู่ครัฟฟ์แกก็เคยพูดถึงเรื่องเมสไว้ครั้งนึงเหมือนกันครับ ประมาณ -ผมไม่คิดว่าจะมีใครเล่นตำแหน่งนี้ได้ดีกว่าผม จนกระทั่งได้เห็นเมสซี่เล่นนี่แหละ

ประมาณนี้ครับเรื่องฟอลไนท แต่จริงๆถึงจะบอกว่าเล่นฟอลไนทเหมือนกัน แต่ภาคแทคติคแล้วผมว่าฟอลไนทก็ยังมีหลากหลายรูปแบบย่อยไปอีก จากที่ติดตามดูฟอลไนทคนอื่นๆเล่น
เข้าร่วม: 01 Dec 2013
ตอบ: 23989
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Dec 14, 2016 11:38 pm
[RE: AC MILAN]
taeytaeytaey พิมพ์ว่า:
ใครบ้างครับในรูป จากซ้ายลงมาใช่ เดชิโญ่ โรมันโญลี่ เนียง โลคาเตลี่ ดอน ซูโซ่ คนนี้ไม่รู้ใช่ แบ๊คขวา ที่ขึ้นมารึเปล่า ละคนสุดท้าย อบาเต้ อะเปล่าครับ ผมงงๆ นิดหน่อย  


ข้างล่างซูโซ่ตรงกลาง มาริโอ้ ปาซาลิด ที่ยืมจากเชลซีครับ

ล่างสุดอายุ 25 อันเดรีย แบร์โตลัชชี่
เข้าร่วม: 19 Aug 2008
ตอบ: 2002
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 12:02 am
[RE: AC MILAN]
lazia23 พิมพ์ว่า:
Spoil

identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
สตาร์ดังๆเยอะมากแต่ก่อน ยุค90นี่ กัลโช่ครองโลกจริงๆ  


จริงๆ คือ 80+90+2000 ตอนต้นๆ เลยต่างหาก

(ปล. อาจจะเวอร์ไปนิดนึงนะครับ )  


อ่าครับ 80-90 ถึงต้นๆ2000

ส่วน 2000-ปลายๆ 2009/2010

ส่วน ปัจจุบัน 2010-2016 ลาลีก้าครองโลก  


แหม่

ใครจะครองโลกยุคไหน สำหรับผมมันเริ่มมาจาก Tactic Evolution เลยนะครับ

อย่างที่อิตาลี่ ปลายยุค 80 คือ เริ่มพัฒนาจาก

คาเตนัคโช่เดิมๆ

เป็น Zone Press ของมิลาน ที่มีกฎแนวรับกับแนวรุกต้องไม่มีระยะห่างกันเกิน 25 เมตร

ยุคต้น 90 ครัฟฟ์เริ่มปฏิวัติระบบเยาวชนสโมสร ลามาเซีย และปรัชญาการเล่นฟุตบอลแบบบาร์เซโลน่า ยุคใหม่

ต่อมา
ทางด้านอิตาลี่ ก็มีปฎิวัติ บทบาทนักเตะเบอร์ 10 อย่างบาจโจ้ ที่เล่นแนว 9.5 (ก่อนเป็น False 9 ในปัจจุบัน)


บราซิล ก็มีโด้อ้วน กับ โรมาริโอ้

ปฎิวัติรูปแบบการเล่นของกองหน้า คือเป็นกองหน้าที่เล่นนอกกรอบได้ดีขึ้น


ยุค 90 นี่เริ่มเปลี่ยนจาก หลังสามมาเป็นหลังสี่ กันแทบทั้งหมดเลย มีการนำกับดักล้ำหน้ามาใช้เยอะมาก (เริ่มจาก มิลานก่อนเป็นทีมแรก)

พอมายุค 2000

มู เริ่มมาใช้แท็กติกแบบ 4-3-3 หรือ 4-5-1 แบบเน้นเกมรับ เป็นคนแรกๆ ที่ใช้กลางรับสองตัว อิทธิพลของมู ต่อลีกอังกฤษสมัยนั้น ผมว่าพอๆ กับที่เป๊บมีต่อ บอลลาลีก้าเลย ผมยังจำได้ดีว่าสมัยก่อน สยามกีฬาเรียกมูริญโญ่ว่า เฮียเครียด หน้าเป้าเริ่มมีหน้าที่พักบอลให้แถวสองขึ้นมาเติมมากขึ้น

ฝั่งอังกฤษเต็มไปด้วย มิดฟิลที่ยิงแถวสอง ดี


ทางด้าน อิตาลี่
Pirlo ก็ได้ให้นิยามสำหรับ Deep lying Playmaker อะ แนวทางการเล่นของ มิลาน ที่เล่น แบบ Narrow ใช้มิดฟิลตัวทำเกมตรงกลางเยอะๆ

แปลกมั้ย ยูเวนตุสกับอินเตอร์ได้แชมป์ลีกในช่วงนั้นเยอะกว่ามิลาน แต่ทำไมคนกลับพูดถึงมิลานมากกว่า
ก็เพราะรูปแบบการเล่นของมิลานชุดนั้น มันพิเศษกว่าทีมอื่นๆ


เยอรมนี
(เริ่มที่ยุคคลิ้นสมันส์) ก็เริ่มเล่นบอลวันทัช High Speed และเน้นเรื่องฟิตเนสมากขึ้น (มีการสร้างฟิตเนสใหม่ขึ้นมาหลายแห่งในสโมสรแห่งเยอรมนี)

พอ ปลายยุค 2000 /2008+
ก็ยุคเป๊บปฏิวัติ

เมสซี่พัฒนาจาก 9.5 ==> False 9  


 


ใช่ครับการปฎิวัติแทคติคมีผลอย่างมากต่อภาพรวมของทั้งลีก ที่ลาลีก้าผงาดขึ้นมาได้ขนาดนี้ หลายๆคนในวงการก็ขอบคุณเป๊บกัน ทั้งการรื้อทำเพลสซิ่งใหม่หมดจนเป็นต้นแบบและทำให้การเล่นเพลสซิ่งกลับมาบูมอีกครั้ง (ทุกวันนี้ทีมที่เล่นเน้นคุมโซนอย่างเดียวกลายเป็นของหายากในลาลีก้าไปแล้ว) โมเดิร์นฟุตบอลก็เป็นต้นแบบให้หลายๆทีมในลีก และหลายๆทีมนอกลีกด้วย แต่จริงๆก็มีอีกปัจจัยที่ทำให้ลาลีก้าครองโลกก็คือ เมล็ดพันธุ์ลามาเซีย มันแตกหน่อออกผลสมบูรณ์แบบด้วย ส่วนทางฝั่งเมืองหลวง กาแลคติกอส ภาค2 ก็ได้เปเรซที่ชนะการเลือกตั้ง มองเห็นปัญหาของภาคแรก แก้ไขให้มันลงตัวจนแล่นฉิว

เรียกว่าพอ2พี่ใหญ่ของลีกเข็มแข็ง ทีมอื่นๆก็เข็มแข็งตาม ทั้งพี่หมี เซบีญ่า เรือดำน้ำ(เริ่มกลับมาแล้ว) ถึงตัวเก๋าอย่างค้างคาวจะหล่นไปอย่างน่าเสียดายแต่ ก็มีคลื่นลูกใหม่หน้าเก่ามาแทนที่ นอกจากนี้ก็คือการใส่ใจกับรากฐานที่สำคัญที่สุดอย่างอคาเดมี่ ที่มีการแจ้งเกิดของดาวรุ่งอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน (มีกระทั่งอคาเดมี่สุดโต่งอย่างบิลเบา)

โอเคแหละครับทีมใหญ่จริงๆก็มี3ทีม +กลางค่อนใหญ่อีก3(+1) ไม่เยอะขนาดยุคทองของกัลโช่ แต่2ยักษ์ใหญ่ก็ใหญ่เบิ้มจริงๆ อีกเรื่องที่ผมชอบก็คือบอลเอนเตอเทนดีครับ บอลบุกมันอยู่ในสายเลือดของคนสเปนจริงๆ มีแม้กระทั่ง แพ้ไม่ว่าแต่อย่าอุด ทีมเล็กบางทีมมาเยือนบ้านมาดริด-บาร์ซ่าแท้ๆยังจะบุกสวน(ชนะมั่งแพ้มั่งว่ากันไป) ใจมันได้จริงๆ55

เรื่องฟอลไนท อันนี้ผมไม่แน่ใจนิยามของ9.5นะครับ แต่ของเมส ต้นฉบับฟอลไนทจริงๆ มาจากปู่ครัฟฟ์ ยุค70นู่นเลยนะ(เป๊บเคยบอก) เพราะเมสเองถึงตอนเด็กๆจะเคยเล่นกองกลาง แต่ตั้งแต่เดบิวท์กับชุดใหญ่ก็เล่นกองหน้าตัวริมเส้นเป็นหลัก แต่เนื่องจากเป๊บเห็นว่า -นักเตะที่วิชั่นดีมากขนาดนี้ไม่ควรไปเล่นริมเส้น(วลียอดฮิตของแกละ)

ซึ่งปู่ครัฟฟ์แกก็เคยพูดถึงเรื่องเมสไว้ครั้งนึงเหมือนกันครับ ประมาณ -ผมไม่คิดว่าจะมีใครเล่นตำแหน่งนี้ได้ดีกว่าผม จนกระทั่งได้เห็นเมสซี่เล่นนี่แหละ

ประมาณนี้ครับเรื่องฟอลไนท แต่จริงๆถึงจะบอกว่าเล่นฟอลไนทเหมือนกัน แต่ภาคแทคติคแล้วผมว่าฟอลไนทก็ยังมีหลากหลายรูปแบบย่อยไปอีก จากที่ติดตามดูฟอลไนทคนอื่นๆเล่น  


จะว่าไงดีล่ะครับคือ

9.5 กับ False 9 นี่ มันก้ำกึ่งกัน

แต่ False 9 นี่ เหมือนจะเหมาะกับระบบ หน้าเดี่ยว (หรือหน้าสามก็ตาม) ตาม ระบบ Halland

คือระบบนี้ ยังเน้นการทำเกมจาก กองกลางเป็นหลัก ตามความเข้าใจของผม คือตามหน้ากระดาษก็ยืนหน้าเป้านั้นแหละ แต่ชอบลงต่ำลงมาอิสระ ทำเกมกับกองกลางได้


แต่ 9.5 แบบบาจโจ้นี่ ต้องเริ่มจาก หน้าคู่ก่อนครับ
จริงๆ มันคือเบอร์สิบที่เล่นหลังกองหน้า แต่ถูกดันไปเล่นข้างหน้าเสียเอง แต่ก็ยังไม่ใช่หน้าตัวหลักอย่างดี
เพราะจะมีกองหน้าตัวหลักคอยค้ำหรือเป็น Fox in the box อยู่

ที่ผมไม่มองว่า ครัฟฟ เป็นต้นแบบ False 9 เพราะผมถือว่า Total Football จริงๆ ควรจะสลับตำแหน่งกันได้หมดเลย ดังเช่นจะเห็นได้ว่า นักเตะดัชท์หลายคนเล่นได้ดีในหลายตำแหน่งมากๆ ไม่ว่าจะเป็น กุลลิท โคคู หรือ เซดอร์ฟ หรืออย่างเอ็นริเก้ สมัยเป็นนักเตะ ก็เป็นนักเตะสารพัดตำแหน่ง หรือแม้แต่โปรโดก็ดี​ ซึ่งผมมองว่านักเตะพวกนี้อันตรายที่สุดก็คือการเคลื่อนตำแหน่ง กับตอนไม่มีบอล


ซึ่งผมมองว่านักเตะอย่าง 9.5 หรือ False 9 นี่คือนักเตะที่อันตราบทีสุดตอนมีบอลครับ


อย่างบาจโจ้เอง ตำแหน่งที่ถนัดที่สุด

คือหลังกองหน้านั่นแหละ แต่ด้วยแทคติก สมัยนั้นก็เลยต้องยืนคู่กับกองหน้าอีกตัว เป็นหลักครับ


สมัยที่พี่แจ้ คุมปาร์ม่า (ตั้งแต่ปี 1997 นู่น) บาจโจ้เคยเสนอตัวขอย้ายไปเล่นให้ปาร์ม่า
แต่มีข้อแม้ว่าต้องเล่นในตำแหน่งหลังกองหน้า

แต่เนื่องจากพี่แจ้ ชอบวิธีการทำทีมของซาคคี่มาก(พี่แจ้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมอิตาลี่ ชุดบอลโลก 1994 ที่มีซาดคคี่เป็นเทรนเนอร์ด้วยครับ) และตอนนั้นยึดติดกับ 4-4-2 (แบบมิดฟิลทุกตัวยืนอยู่ในแนวเดียวกัน) จึงบอกบาจโจ้ว่า ต้องเล่นในระบบ 4-4-2 และเป็นศูนย์หน้าเท่านั้น (เน้นทำประตูเป็นหลัก)

สุดท้ายบาจโจ้ เลยปฎิเสธย้ายจาก มิลานไปโบโลญญ่าแทน โดยฤดูกาลนั้นทำประตุได้ตั้ง 22 ประตู และแอสซิสอีกจำนวนมาก (ยิงเกิน 20 ลูก ในกัลโช่สมัยนั้นคือ ปรากฎการณ์)

ด้วยความยุ่งยากของบทบาทของบาจโจ้ในสนามนี่แหละ จึงทำให้บาจโจ้มีปัญหากับผจก. ทีมในสมัยนั้นหลายคน เลยได้รางวัลในระดับสโมสรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ภายหลัง พี่แจ้ก็เลยยอมรับว่า นี่คือความผิดพลาดที่สุดในการเป็นผู้จัดการทีม (การที่ไม่ยอมเซ็นต์ บาจโจ้ และไม่ยอมให้บาจโจ้เล่นในบทบาทที่ทำเกมได้อย่างอิสระ)

จนภายหลัง มาคุมมิลาน แกให้อิสระทางความคิดนักเตะมากขึ้น จนสามารถใส่ นักเตะที่แต่เดิมเล่นในฐานะ เบอร์ 10 Classic (ปิร์โล่ เซดอร์ฟ สมัยดาวรุ่งแจ้งเกิดในฐานะ 10 Classic ครับ )หลายคน มาเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกัน พร้อมกันได้หลายคน


ส่วนเรื่อง 9.5 ==> False 9 มั้ยอันนี้แล้วแต่มุมมองครับ แต่ถ้าจะถามว่านักเตะคนไหนเล่นได้ไกล้เคียงเมสซี่ที่สุดในยุคก่อน สำหรับผมคือ บาจโจ้แหละ (มาราโดน่า สำหรับผมคือ 10 Classic ตำแหน่งเดียวกันกับ Laudrup คนพี่ ครับ เน้นทำเกมมากกว่า ยิงเอง (มากๆ))




เข้าร่วม: 18 Oct 2007
ตอบ: 9952
ที่อยู่: แถวๆ เซเรีย บี
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 12:12 am
[RE: AC MILAN]
ประธานมัวแต่หมกมุ่นในกามครับ
0
0
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 8594
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 12:34 am
[RE: AC MILAN]
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
Spoil

identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
สตาร์ดังๆเยอะมากแต่ก่อน ยุค90นี่ กัลโช่ครองโลกจริงๆ  


จริงๆ คือ 80+90+2000 ตอนต้นๆ เลยต่างหาก

(ปล. อาจจะเวอร์ไปนิดนึงนะครับ )  


อ่าครับ 80-90 ถึงต้นๆ2000

ส่วน 2000-ปลายๆ 2009/2010

ส่วน ปัจจุบัน 2010-2016 ลาลีก้าครองโลก  


แหม่

ใครจะครองโลกยุคไหน สำหรับผมมันเริ่มมาจาก Tactic Evolution เลยนะครับ

อย่างที่อิตาลี่ ปลายยุค 80 คือ เริ่มพัฒนาจาก

คาเตนัคโช่เดิมๆ

เป็น Zone Press ของมิลาน ที่มีกฎแนวรับกับแนวรุกต้องไม่มีระยะห่างกันเกิน 25 เมตร

ยุคต้น 90 ครัฟฟ์เริ่มปฏิวัติระบบเยาวชนสโมสร ลามาเซีย และปรัชญาการเล่นฟุตบอลแบบบาร์เซโลน่า ยุคใหม่

ต่อมา
ทางด้านอิตาลี่ ก็มีปฎิวัติ บทบาทนักเตะเบอร์ 10 อย่างบาจโจ้ ที่เล่นแนว 9.5 (ก่อนเป็น False 9 ในปัจจุบัน)


บราซิล ก็มีโด้อ้วน กับ โรมาริโอ้

ปฎิวัติรูปแบบการเล่นของกองหน้า คือเป็นกองหน้าที่เล่นนอกกรอบได้ดีขึ้น


ยุค 90 นี่เริ่มเปลี่ยนจาก หลังสามมาเป็นหลังสี่ กันแทบทั้งหมดเลย มีการนำกับดักล้ำหน้ามาใช้เยอะมาก (เริ่มจาก มิลานก่อนเป็นทีมแรก)

พอมายุค 2000

มู เริ่มมาใช้แท็กติกแบบ 4-3-3 หรือ 4-5-1 แบบเน้นเกมรับ เป็นคนแรกๆ ที่ใช้กลางรับสองตัว อิทธิพลของมู ต่อลีกอังกฤษสมัยนั้น ผมว่าพอๆ กับที่เป๊บมีต่อ บอลลาลีก้าเลย ผมยังจำได้ดีว่าสมัยก่อน สยามกีฬาเรียกมูริญโญ่ว่า เฮียเครียด หน้าเป้าเริ่มมีหน้าที่พักบอลให้แถวสองขึ้นมาเติมมากขึ้น

ฝั่งอังกฤษเต็มไปด้วย มิดฟิลที่ยิงแถวสอง ดี


ทางด้าน อิตาลี่
Pirlo ก็ได้ให้นิยามสำหรับ Deep lying Playmaker อะ แนวทางการเล่นของ มิลาน ที่เล่น แบบ Narrow ใช้มิดฟิลตัวทำเกมตรงกลางเยอะๆ

แปลกมั้ย ยูเวนตุสกับอินเตอร์ได้แชมป์ลีกในช่วงนั้นเยอะกว่ามิลาน แต่ทำไมคนกลับพูดถึงมิลานมากกว่า
ก็เพราะรูปแบบการเล่นของมิลานชุดนั้น มันพิเศษกว่าทีมอื่นๆ


เยอรมนี
(เริ่มที่ยุคคลิ้นสมันส์) ก็เริ่มเล่นบอลวันทัช High Speed และเน้นเรื่องฟิตเนสมากขึ้น (มีการสร้างฟิตเนสใหม่ขึ้นมาหลายแห่งในสโมสรแห่งเยอรมนี)

พอ ปลายยุค 2000 /2008+
ก็ยุคเป๊บปฏิวัติ

เมสซี่พัฒนาจาก 9.5 ==> False 9  


 


ใช่ครับการปฎิวัติแทคติคมีผลอย่างมากต่อภาพรวมของทั้งลีก ที่ลาลีก้าผงาดขึ้นมาได้ขนาดนี้ หลายๆคนในวงการก็ขอบคุณเป๊บกัน ทั้งการรื้อทำเพลสซิ่งใหม่หมดจนเป็นต้นแบบและทำให้การเล่นเพลสซิ่งกลับมาบูมอีกครั้ง (ทุกวันนี้ทีมที่เล่นเน้นคุมโซนอย่างเดียวกลายเป็นของหายากในลาลีก้าไปแล้ว) โมเดิร์นฟุตบอลก็เป็นต้นแบบให้หลายๆทีมในลีก และหลายๆทีมนอกลีกด้วย แต่จริงๆก็มีอีกปัจจัยที่ทำให้ลาลีก้าครองโลกก็คือ เมล็ดพันธุ์ลามาเซีย มันแตกหน่อออกผลสมบูรณ์แบบด้วย ส่วนทางฝั่งเมืองหลวง กาแลคติกอส ภาค2 ก็ได้เปเรซที่ชนะการเลือกตั้ง มองเห็นปัญหาของภาคแรก แก้ไขให้มันลงตัวจนแล่นฉิว

เรียกว่าพอ2พี่ใหญ่ของลีกเข็มแข็ง ทีมอื่นๆก็เข็มแข็งตาม ทั้งพี่หมี เซบีญ่า เรือดำน้ำ(เริ่มกลับมาแล้ว) ถึงตัวเก๋าอย่างค้างคาวจะหล่นไปอย่างน่าเสียดายแต่ ก็มีคลื่นลูกใหม่หน้าเก่ามาแทนที่ นอกจากนี้ก็คือการใส่ใจกับรากฐานที่สำคัญที่สุดอย่างอคาเดมี่ ที่มีการแจ้งเกิดของดาวรุ่งอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน (มีกระทั่งอคาเดมี่สุดโต่งอย่างบิลเบา)

โอเคแหละครับทีมใหญ่จริงๆก็มี3ทีม +กลางค่อนใหญ่อีก3(+1) ไม่เยอะขนาดยุคทองของกัลโช่ แต่2ยักษ์ใหญ่ก็ใหญ่เบิ้มจริงๆ อีกเรื่องที่ผมชอบก็คือบอลเอนเตอเทนดีครับ บอลบุกมันอยู่ในสายเลือดของคนสเปนจริงๆ มีแม้กระทั่ง แพ้ไม่ว่าแต่อย่าอุด ทีมเล็กบางทีมมาเยือนบ้านมาดริด-บาร์ซ่าแท้ๆยังจะบุกสวน(ชนะมั่งแพ้มั่งว่ากันไป) ใจมันได้จริงๆ55

เรื่องฟอลไนท อันนี้ผมไม่แน่ใจนิยามของ9.5นะครับ แต่ของเมส ต้นฉบับฟอลไนทจริงๆ มาจากปู่ครัฟฟ์ ยุค70นู่นเลยนะ(เป๊บเคยบอก) เพราะเมสเองถึงตอนเด็กๆจะเคยเล่นกองกลาง แต่ตั้งแต่เดบิวท์กับชุดใหญ่ก็เล่นกองหน้าตัวริมเส้นเป็นหลัก แต่เนื่องจากเป๊บเห็นว่า -นักเตะที่วิชั่นดีมากขนาดนี้ไม่ควรไปเล่นริมเส้น(วลียอดฮิตของแกละ)

ซึ่งปู่ครัฟฟ์แกก็เคยพูดถึงเรื่องเมสไว้ครั้งนึงเหมือนกันครับ ประมาณ -ผมไม่คิดว่าจะมีใครเล่นตำแหน่งนี้ได้ดีกว่าผม จนกระทั่งได้เห็นเมสซี่เล่นนี่แหละ

ประมาณนี้ครับเรื่องฟอลไนท แต่จริงๆถึงจะบอกว่าเล่นฟอลไนทเหมือนกัน แต่ภาคแทคติคแล้วผมว่าฟอลไนทก็ยังมีหลากหลายรูปแบบย่อยไปอีก จากที่ติดตามดูฟอลไนทคนอื่นๆเล่น  


จะว่าไงดีล่ะครับคือ

9.5 กับ False 9 นี่ มันก้ำกึ่งกัน

แต่ False 9 นี่ เหมือนจะเหมาะกับระบบ หน้าเดี่ยว (หรือหน้าสามก็ตาม) ตาม ระบบ Halland

คือระบบนี้ ยังเน้นการทำเกมจาก กองกลางเป็นหลัก ตามความเข้าใจของผม คือตามหน้ากระดาษก็ยืนหน้าเป้านั้นแหละ แต่ชอบลงต่ำลงมาอิสระ ทำเกมกับกองกลางได้


แต่ 9.5 แบบบาจโจ้นี่ ต้องเริ่มจาก หน้าคู่ก่อนครับ
จริงๆ มันคือเบอร์สิบที่เล่นหลังกองหน้า แต่ถูกดันไปเล่นข้างหน้าเสียเอง แต่ก็ยังไม่ใช่หน้าตัวหลักอย่างดี
เพราะจะมีกองหน้าตัวหลักคอยค้ำหรือเป็น Fox in the box อยู่

ที่ผมไม่มองว่า ครัฟฟ เป็นต้นแบบ False 9 เพราะผมถือว่า Total Football จริงๆ ควรจะสลับตำแหน่งกันได้หมดเลย ดังเช่นจะเห็นได้ว่า นักเตะดัชท์หลายคนเล่นได้ดีในหลายตำแหน่งมากๆ ไม่ว่าจะเป็น กุลลิท โคคู หรือ เซดอร์ฟ หรืออย่างเอ็นริเก้ สมัยเป็นนักเตะ ก็เป็นนักเตะสารพัดตำแหน่ง หรือแม้แต่โปรโดก็ดี​ ซึ่งผมมองว่านักเตะพวกนี้อันตรายที่สุดก็คือการเคลื่อนตำแหน่ง กับตอนไม่มีบอล


ซึ่งผมมองว่านักเตะอย่าง 9.5 หรือ False 9 นี่คือนักเตะที่อันตราบทีสุดตอนมีบอลครับ


อย่างบาจโจ้เอง ตำแหน่งที่ถนัดที่สุด

คือหลังกองหน้านั่นแหละ แต่ด้วยแทคติก สมัยนั้นก็เลยต้องยืนคู่กับกองหน้าอีกตัว เป็นหลักครับ


สมัยที่พี่แจ้ คุมปาร์ม่า (ตั้งแต่ปี 1997 นู่น) บาจโจ้เคยเสนอตัวขอย้ายไปเล่นให้ปาร์ม่า
แต่มีข้อแม้ว่าต้องเล่นในตำแหน่งหลังกองหน้า

แต่เนื่องจากพี่แจ้ ชอบวิธีการทำทีมของซาคคี่มาก(พี่แจ้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมอิตาลี่ ชุดบอลโลก 1994 ที่มีซาดคคี่เป็นเทรนเนอร์ด้วยครับ) และตอนนั้นยึดติดกับ 4-4-2 (แบบมิดฟิลทุกตัวยืนอยู่ในแนวเดียวกัน) จึงบอกบาจโจ้ว่า ต้องเล่นในระบบ 4-4-2 และเป็นศูนย์หน้าเท่านั้น (เน้นทำประตูเป็นหลัก)

สุดท้ายบาจโจ้ เลยปฎิเสธย้ายจาก มิลานไปโบโลญญ่าแทน โดยฤดูกาลนั้นทำประตุได้ตั้ง 22 ประตู และแอสซิสอีกจำนวนมาก (ยิงเกิน 20 ลูก ในกัลโช่สมัยนั้นคือ ปรากฎการณ์)

ด้วยความยุ่งยากของบทบาทของบาจโจ้ในสนามนี่แหละ จึงทำให้บาจโจ้มีปัญหากับผจก. ทีมในสมัยนั้นหลายคน เลยได้รางวัลในระดับสโมสรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ภายหลัง พี่แจ้ก็เลยยอมรับว่า นี่คือความผิดพลาดที่สุดในการเป็นผู้จัดการทีม (การที่ไม่ยอมเซ็นต์ บาจโจ้ และไม่ยอมให้บาจโจ้เล่นในบทบาทที่ทำเกมได้อย่างอิสระ)

จนภายหลัง มาคุมมิลาน แกให้อิสระทางความคิดนักเตะมากขึ้น จนสามารถใส่ นักเตะที่แต่เดิมเล่นในฐานะ เบอร์ 10 Classic (ปิร์โล่ เซดอร์ฟ สมัยดาวรุ่งแจ้งเกิดในฐานะ 10 Classic ครับ )หลายคน มาเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกัน พร้อมกันได้หลายคน


ส่วนเรื่อง 9.5 ==> False 9 มั้ยอันนี้แล้วแต่มุมมองครับ แต่ถ้าจะถามว่านักเตะคนไหนเล่นได้ไกล้เคียงเมสซี่ที่สุดในยุคก่อน สำหรับผมคือ บาจโจ้แหละ (มาราโดน่า สำหรับผมคือ 10 Classic ตำแหน่งเดียวกันกับ Laudrup คนพี่ ครับ เน้นทำเกมมากกว่า ยิงเอง (มากๆ))



 


ความรู้ท่านแน่นมาก ขอบคุณที่แชร์ให้อ่านครับ

อ่อแต่ตรงเรื่องโททัลฟุตบอลของปู่ครัฟฟ์ ตอนแกเอามาปลูกถ่ายปรัชญาให้บาร์ซ่าแกลดทอนไปเยอะครับ แกมองว่าการที่จะไม่ให้นักเตะแต่ละคนมีตำแหน่งตายตัว-สลับเปลี่ยนกันได้หมด มันเป็นฟุตบอลในอุดมคติเกินไป ทำยากเกิน ฝึกยากเกิน แกเลยลดทอนจนกลายร่างมาเป็น ปรัชญาแบบปัจจุบัน(ขอเรียกว่าโททัลฟุตบอลฉบับดัดแปลง) หรือที่สื่อชอบเรียกติกิตาก้านั่นแหละครับ ซึ่งปู่ครัฟฟ์แกเคยบอกว่า แกเคารพ ลาลีก้า เคารพคาตาลันและเคารพปรัชญาดั้งเดิมของโฆน กัมแปร์(ผู้ก่อตั่งสโมสร) ดังนั้นแกเลือกที่จะเอาปรัชญาของแกไปผสมกับของดั้งเดิมมากกว่าจะยกมาทั้งหมด เลยออกมาเป็นแบบนี้ครับ ไม่เหมือนกับโททั่ลฉบับเดิม แต่ยังมีกลิ่นอายติดอยู่ให้เห็น

ส่วนเรื่องการปรับเปลี่ยนตำแหน่งจริงๆมันก็ยังมีอยู่ ไม่ใช่ใครศิษย์เอกของแกอย่างเป๊บก็ชอบเปลี่ยนตำแหน่งนักเตะเหมือนกันครับ แต่จริงๆตัวเป๊บเองก็เคยบอกว่าแกชื่นชอบ ฟุตบอลในอุดมคติ แกยังเคยบอกเลยว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะครองบอลให้ได้ 100%

ทุกวันนี้ผมก็ยังเห็นแกพยามจะพัฒนาแทคติคให้มันใกลเคียงกับฟุตบอลในอุดมคติอยู่นะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแกจะทำได้จริงเปล่า แล้วทำออกมาแล้วจะได้ผลหรือเปล่า เรื่องแปลกๆนี่ต้องยกให้เป๊บแกละครับ ฟอลไนทที่หาแผนมาใช้งานยากๆ แถมทำก็ยาก ใครจะไปคิด แกจะสร้างแผน ดับเบิ้ลฟอลไนท(เมสกะเชสก์) ตอนบาร์ซ่าปีสุดท้ายออกมาใช้ได้ ฮาดีครับ รอติดตามความเพี้ยนๆของแกต่อไป
เข้าร่วม: 24 Apr 2007
ตอบ: 5806
ที่อยู่: UNDER TABLE
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 12:41 am
[RE: AC MILAN]
ถูกทุกช้อที่กล่าวมา
0
0
รูปไม่หล่อ แถมจน แต่ก้อเลือกนะ

เข้าร่วม: 19 Aug 2008
ตอบ: 2002
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 12:50 am
[RE: AC MILAN]
lazia23 พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
Spoil

identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
สตาร์ดังๆเยอะมากแต่ก่อน ยุค90นี่ กัลโช่ครองโลกจริงๆ  


จริงๆ คือ 80+90+2000 ตอนต้นๆ เลยต่างหาก

(ปล. อาจจะเวอร์ไปนิดนึงนะครับ )  


อ่าครับ 80-90 ถึงต้นๆ2000

ส่วน 2000-ปลายๆ 2009/2010

ส่วน ปัจจุบัน 2010-2016 ลาลีก้าครองโลก  


แหม่

ใครจะครองโลกยุคไหน สำหรับผมมันเริ่มมาจาก Tactic Evolution เลยนะครับ

อย่างที่อิตาลี่ ปลายยุค 80 คือ เริ่มพัฒนาจาก

คาเตนัคโช่เดิมๆ

เป็น Zone Press ของมิลาน ที่มีกฎแนวรับกับแนวรุกต้องไม่มีระยะห่างกันเกิน 25 เมตร

ยุคต้น 90 ครัฟฟ์เริ่มปฏิวัติระบบเยาวชนสโมสร ลามาเซีย และปรัชญาการเล่นฟุตบอลแบบบาร์เซโลน่า ยุคใหม่

ต่อมา
ทางด้านอิตาลี่ ก็มีปฎิวัติ บทบาทนักเตะเบอร์ 10 อย่างบาจโจ้ ที่เล่นแนว 9.5 (ก่อนเป็น False 9 ในปัจจุบัน)


บราซิล ก็มีโด้อ้วน กับ โรมาริโอ้

ปฎิวัติรูปแบบการเล่นของกองหน้า คือเป็นกองหน้าที่เล่นนอกกรอบได้ดีขึ้น


ยุค 90 นี่เริ่มเปลี่ยนจาก หลังสามมาเป็นหลังสี่ กันแทบทั้งหมดเลย มีการนำกับดักล้ำหน้ามาใช้เยอะมาก (เริ่มจาก มิลานก่อนเป็นทีมแรก)

พอมายุค 2000

มู เริ่มมาใช้แท็กติกแบบ 4-3-3 หรือ 4-5-1 แบบเน้นเกมรับ เป็นคนแรกๆ ที่ใช้กลางรับสองตัว อิทธิพลของมู ต่อลีกอังกฤษสมัยนั้น ผมว่าพอๆ กับที่เป๊บมีต่อ บอลลาลีก้าเลย ผมยังจำได้ดีว่าสมัยก่อน สยามกีฬาเรียกมูริญโญ่ว่า เฮียเครียด หน้าเป้าเริ่มมีหน้าที่พักบอลให้แถวสองขึ้นมาเติมมากขึ้น

ฝั่งอังกฤษเต็มไปด้วย มิดฟิลที่ยิงแถวสอง ดี


ทางด้าน อิตาลี่
Pirlo ก็ได้ให้นิยามสำหรับ Deep lying Playmaker อะ แนวทางการเล่นของ มิลาน ที่เล่น แบบ Narrow ใช้มิดฟิลตัวทำเกมตรงกลางเยอะๆ

แปลกมั้ย ยูเวนตุสกับอินเตอร์ได้แชมป์ลีกในช่วงนั้นเยอะกว่ามิลาน แต่ทำไมคนกลับพูดถึงมิลานมากกว่า
ก็เพราะรูปแบบการเล่นของมิลานชุดนั้น มันพิเศษกว่าทีมอื่นๆ


เยอรมนี
(เริ่มที่ยุคคลิ้นสมันส์) ก็เริ่มเล่นบอลวันทัช High Speed และเน้นเรื่องฟิตเนสมากขึ้น (มีการสร้างฟิตเนสใหม่ขึ้นมาหลายแห่งในสโมสรแห่งเยอรมนี)

พอ ปลายยุค 2000 /2008+
ก็ยุคเป๊บปฏิวัติ

เมสซี่พัฒนาจาก 9.5 ==> False 9  


 


ใช่ครับการปฎิวัติแทคติคมีผลอย่างมากต่อภาพรวมของทั้งลีก ที่ลาลีก้าผงาดขึ้นมาได้ขนาดนี้ หลายๆคนในวงการก็ขอบคุณเป๊บกัน ทั้งการรื้อทำเพลสซิ่งใหม่หมดจนเป็นต้นแบบและทำให้การเล่นเพลสซิ่งกลับมาบูมอีกครั้ง (ทุกวันนี้ทีมที่เล่นเน้นคุมโซนอย่างเดียวกลายเป็นของหายากในลาลีก้าไปแล้ว) โมเดิร์นฟุตบอลก็เป็นต้นแบบให้หลายๆทีมในลีก และหลายๆทีมนอกลีกด้วย แต่จริงๆก็มีอีกปัจจัยที่ทำให้ลาลีก้าครองโลกก็คือ เมล็ดพันธุ์ลามาเซีย มันแตกหน่อออกผลสมบูรณ์แบบด้วย ส่วนทางฝั่งเมืองหลวง กาแลคติกอส ภาค2 ก็ได้เปเรซที่ชนะการเลือกตั้ง มองเห็นปัญหาของภาคแรก แก้ไขให้มันลงตัวจนแล่นฉิว

เรียกว่าพอ2พี่ใหญ่ของลีกเข็มแข็ง ทีมอื่นๆก็เข็มแข็งตาม ทั้งพี่หมี เซบีญ่า เรือดำน้ำ(เริ่มกลับมาแล้ว) ถึงตัวเก๋าอย่างค้างคาวจะหล่นไปอย่างน่าเสียดายแต่ ก็มีคลื่นลูกใหม่หน้าเก่ามาแทนที่ นอกจากนี้ก็คือการใส่ใจกับรากฐานที่สำคัญที่สุดอย่างอคาเดมี่ ที่มีการแจ้งเกิดของดาวรุ่งอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน (มีกระทั่งอคาเดมี่สุดโต่งอย่างบิลเบา)

โอเคแหละครับทีมใหญ่จริงๆก็มี3ทีม +กลางค่อนใหญ่อีก3(+1) ไม่เยอะขนาดยุคทองของกัลโช่ แต่2ยักษ์ใหญ่ก็ใหญ่เบิ้มจริงๆ อีกเรื่องที่ผมชอบก็คือบอลเอนเตอเทนดีครับ บอลบุกมันอยู่ในสายเลือดของคนสเปนจริงๆ มีแม้กระทั่ง แพ้ไม่ว่าแต่อย่าอุด ทีมเล็กบางทีมมาเยือนบ้านมาดริด-บาร์ซ่าแท้ๆยังจะบุกสวน(ชนะมั่งแพ้มั่งว่ากันไป) ใจมันได้จริงๆ55

เรื่องฟอลไนท อันนี้ผมไม่แน่ใจนิยามของ9.5นะครับ แต่ของเมส ต้นฉบับฟอลไนทจริงๆ มาจากปู่ครัฟฟ์ ยุค70นู่นเลยนะ(เป๊บเคยบอก) เพราะเมสเองถึงตอนเด็กๆจะเคยเล่นกองกลาง แต่ตั้งแต่เดบิวท์กับชุดใหญ่ก็เล่นกองหน้าตัวริมเส้นเป็นหลัก แต่เนื่องจากเป๊บเห็นว่า -นักเตะที่วิชั่นดีมากขนาดนี้ไม่ควรไปเล่นริมเส้น(วลียอดฮิตของแกละ)

ซึ่งปู่ครัฟฟ์แกก็เคยพูดถึงเรื่องเมสไว้ครั้งนึงเหมือนกันครับ ประมาณ -ผมไม่คิดว่าจะมีใครเล่นตำแหน่งนี้ได้ดีกว่าผม จนกระทั่งได้เห็นเมสซี่เล่นนี่แหละ

ประมาณนี้ครับเรื่องฟอลไนท แต่จริงๆถึงจะบอกว่าเล่นฟอลไนทเหมือนกัน แต่ภาคแทคติคแล้วผมว่าฟอลไนทก็ยังมีหลากหลายรูปแบบย่อยไปอีก จากที่ติดตามดูฟอลไนทคนอื่นๆเล่น  


จะว่าไงดีล่ะครับคือ

9.5 กับ False 9 นี่ มันก้ำกึ่งกัน

แต่ False 9 นี่ เหมือนจะเหมาะกับระบบ หน้าเดี่ยว (หรือหน้าสามก็ตาม) ตาม ระบบ Halland

คือระบบนี้ ยังเน้นการทำเกมจาก กองกลางเป็นหลัก ตามความเข้าใจของผม คือตามหน้ากระดาษก็ยืนหน้าเป้านั้นแหละ แต่ชอบลงต่ำลงมาอิสระ ทำเกมกับกองกลางได้


แต่ 9.5 แบบบาจโจ้นี่ ต้องเริ่มจาก หน้าคู่ก่อนครับ
จริงๆ มันคือเบอร์สิบที่เล่นหลังกองหน้า แต่ถูกดันไปเล่นข้างหน้าเสียเอง แต่ก็ยังไม่ใช่หน้าตัวหลักอย่างดี
เพราะจะมีกองหน้าตัวหลักคอยค้ำหรือเป็น Fox in the box อยู่

ที่ผมไม่มองว่า ครัฟฟ เป็นต้นแบบ False 9 เพราะผมถือว่า Total Football จริงๆ ควรจะสลับตำแหน่งกันได้หมดเลย ดังเช่นจะเห็นได้ว่า นักเตะดัชท์หลายคนเล่นได้ดีในหลายตำแหน่งมากๆ ไม่ว่าจะเป็น กุลลิท โคคู หรือ เซดอร์ฟ หรืออย่างเอ็นริเก้ สมัยเป็นนักเตะ ก็เป็นนักเตะสารพัดตำแหน่ง หรือแม้แต่โปรโดก็ดี​ ซึ่งผมมองว่านักเตะพวกนี้อันตรายที่สุดก็คือการเคลื่อนตำแหน่ง กับตอนไม่มีบอล


ซึ่งผมมองว่านักเตะอย่าง 9.5 หรือ False 9 นี่คือนักเตะที่อันตราบทีสุดตอนมีบอลครับ


อย่างบาจโจ้เอง ตำแหน่งที่ถนัดที่สุด

คือหลังกองหน้านั่นแหละ แต่ด้วยแทคติก สมัยนั้นก็เลยต้องยืนคู่กับกองหน้าอีกตัว เป็นหลักครับ


สมัยที่พี่แจ้ คุมปาร์ม่า (ตั้งแต่ปี 1997 นู่น) บาจโจ้เคยเสนอตัวขอย้ายไปเล่นให้ปาร์ม่า
แต่มีข้อแม้ว่าต้องเล่นในตำแหน่งหลังกองหน้า

แต่เนื่องจากพี่แจ้ ชอบวิธีการทำทีมของซาคคี่มาก(พี่แจ้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมอิตาลี่ ชุดบอลโลก 1994 ที่มีซาดคคี่เป็นเทรนเนอร์ด้วยครับ) และตอนนั้นยึดติดกับ 4-4-2 (แบบมิดฟิลทุกตัวยืนอยู่ในแนวเดียวกัน) จึงบอกบาจโจ้ว่า ต้องเล่นในระบบ 4-4-2 และเป็นศูนย์หน้าเท่านั้น (เน้นทำประตูเป็นหลัก)

สุดท้ายบาจโจ้ เลยปฎิเสธย้ายจาก มิลานไปโบโลญญ่าแทน โดยฤดูกาลนั้นทำประตุได้ตั้ง 22 ประตู และแอสซิสอีกจำนวนมาก (ยิงเกิน 20 ลูก ในกัลโช่สมัยนั้นคือ ปรากฎการณ์)

ด้วยความยุ่งยากของบทบาทของบาจโจ้ในสนามนี่แหละ จึงทำให้บาจโจ้มีปัญหากับผจก. ทีมในสมัยนั้นหลายคน เลยได้รางวัลในระดับสโมสรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ภายหลัง พี่แจ้ก็เลยยอมรับว่า นี่คือความผิดพลาดที่สุดในการเป็นผู้จัดการทีม (การที่ไม่ยอมเซ็นต์ บาจโจ้ และไม่ยอมให้บาจโจ้เล่นในบทบาทที่ทำเกมได้อย่างอิสระ)

จนภายหลัง มาคุมมิลาน แกให้อิสระทางความคิดนักเตะมากขึ้น จนสามารถใส่ นักเตะที่แต่เดิมเล่นในฐานะ เบอร์ 10 Classic (ปิร์โล่ เซดอร์ฟ สมัยดาวรุ่งแจ้งเกิดในฐานะ 10 Classic ครับ )หลายคน มาเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกัน พร้อมกันได้หลายคน


ส่วนเรื่อง 9.5 ==> False 9 มั้ยอันนี้แล้วแต่มุมมองครับ แต่ถ้าจะถามว่านักเตะคนไหนเล่นได้ไกล้เคียงเมสซี่ที่สุดในยุคก่อน สำหรับผมคือ บาจโจ้แหละ (มาราโดน่า สำหรับผมคือ 10 Classic ตำแหน่งเดียวกันกับ Laudrup คนพี่ ครับ เน้นทำเกมมากกว่า ยิงเอง (มากๆ))



 


ความรู้ท่านแน่นมาก ขอบคุณที่แชร์ให้อ่านครับ

อ่อแต่ตรงเรื่องโททัลฟุตบอลของปู่ครัฟฟ์ ตอนแกเอามาปลูกถ่ายปรัชญาให้บาร์ซ่าแกลดทอนไปเยอะครับ แกมองว่าการที่จะไม่ให้นักเตะแต่ละคนมีตำแหน่งตายตัว-สลับเปลี่ยนกันได้หมด มันเป็นฟุตบอลในอุดมคติเกินไป ทำยากเกิน ฝึกยากเกิน แกเลยลดทอนจนกลายร่างมาเป็น ปรัชญาแบบปัจจุบัน(ขอเรียกว่าโททัลฟุตบอลฉบับดัดแปลง) หรือที่สื่อชอบเรียกติกิตาก้านั่นแหละครับ ซึ่งปู่ครัฟฟ์แกเคยบอกว่า แกเคารพ ลาลีก้า เคารพคาตาลันและเคารพปรัชญาดั้งเดิมของโฆน กัมแปร์(ผู้ก่อตั่งสโมสร) ดังนั้นแกเลือกที่จะเอาปรัชญาของแกไปผสมกับของดั้งเดิมมากกว่าจะยกมาทั้งหมด เลยออกมาเป็นแบบนี้ครับ ไม่เหมือนกับโททั่ลฉบับเดิม แต่ยังมีกลิ่นอายติดอยู่ให้เห็น

ส่วนเรื่องการปรับเปลี่ยนตำแหน่งจริงๆมันก็ยังมีอยู่ ไม่ใช่ใครศิษย์เอกของแกอย่างเป๊บก็ชอบเปลี่ยนตำแหน่งนักเตะเหมือนกันครับ แต่จริงๆตัวเป๊บเองก็เคยบอกว่าแกชื่นชอบ ฟุตบอลในอุดมคติ แกยังเคยบอกเลยว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะครองบอลให้ได้ 100%

ทุกวันนี้ผมก็ยังเห็นแกพยามจะพัฒนาแทคติคให้มันใกลเคียงกับฟุตบอลในอุดมคติอยู่นะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแกจะทำได้จริงเปล่า แล้วทำออกมาแล้วจะได้ผลหรือเปล่า เรื่องแปลกๆนี่ต้องยกให้เป๊บแกละครับ ฟอลไนทที่หาแผนมาใช้งานยากๆ แถมทำก็ยาก ใครจะไปคิด แกจะสร้างแผน ดับเบิ้ลฟอลไนท(เมสกะเชสก์) ตอนบาร์ซ่าปีสุดท้ายออกมาใช้ได้ ฮาดีครับ รอติดตามความเพี้ยนๆของแกต่อไป  


จริงๆ ผมชอบฟุตบอล ทีมชาติก่อนสโมสรครับ

ชอบฮอลแลนด์กับ อิตาลี่มาก่อน แต่เนื่องจากนักเตะดัทช์ กระจายกันไปตามทีมต่างๆ เลยเลือกที่จะติดตามฝั่งอิตาลี่มากกว่าครับ(เพราะอย่างว่าตอนนั้นมันคือที่รวมยอดนักเตะ และนักเตะอิตาลี่หล่อมาก ฮาๆ) ที่เห็นผมรู้เรื่อง บาร์ซ่ายุคก่อนเยอะ เพราะแต่ก่อนทีมนี้มีนักเตะจาก ดัทช์ลีก หรือตัวนักเตะดัทช์เยอะ

จริงๆ ผมมองว่า แท็กติกของ เป๊บ ตอนแรกนี่คือ ครัฟฟ์+ ซาคคี่เลยนะครับ

คือเรื่องการครองบอลเข้าทำได้มาจากครัฟฟ์ แต่เรื่องแนวคิด การบีบพื้นที่ และระยะห่างระหว่างแนวรับกับแนวรุก นี่คือ แท็กติกที่ถอดแบบมาจากมิลานยุค ซาคคี่เลย

เพียงแต่ แนวรับมิลานเก่งเรื่องการคุมโซนด้วย (รับลึกได้ Offside Trape เก่ง) แต่ของเป๊บเน้นบีบพื้นที่เพื่อให้ได้บอลเร็วที่สุดเป็นหลัก

ผมรู้มาว่า เป๊บแกชื่นชม มิลานกับบาจโจ้พอสมควร

เพราะตอนออกจาก บาร์เซโลน่า เป๊บเลือกไปเบรสชาก็เพราะบาจโจ้นี่แหละ

1
0
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 8594
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 1:19 am
[RE: AC MILAN]
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
Spoil

identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
สตาร์ดังๆเยอะมากแต่ก่อน ยุค90นี่ กัลโช่ครองโลกจริงๆ  


จริงๆ คือ 80+90+2000 ตอนต้นๆ เลยต่างหาก

(ปล. อาจจะเวอร์ไปนิดนึงนะครับ )  


อ่าครับ 80-90 ถึงต้นๆ2000

ส่วน 2000-ปลายๆ 2009/2010

ส่วน ปัจจุบัน 2010-2016 ลาลีก้าครองโลก  


แหม่

ใครจะครองโลกยุคไหน สำหรับผมมันเริ่มมาจาก Tactic Evolution เลยนะครับ

อย่างที่อิตาลี่ ปลายยุค 80 คือ เริ่มพัฒนาจาก

คาเตนัคโช่เดิมๆ

เป็น Zone Press ของมิลาน ที่มีกฎแนวรับกับแนวรุกต้องไม่มีระยะห่างกันเกิน 25 เมตร

ยุคต้น 90 ครัฟฟ์เริ่มปฏิวัติระบบเยาวชนสโมสร ลามาเซีย และปรัชญาการเล่นฟุตบอลแบบบาร์เซโลน่า ยุคใหม่

ต่อมา
ทางด้านอิตาลี่ ก็มีปฎิวัติ บทบาทนักเตะเบอร์ 10 อย่างบาจโจ้ ที่เล่นแนว 9.5 (ก่อนเป็น False 9 ในปัจจุบัน)


บราซิล ก็มีโด้อ้วน กับ โรมาริโอ้

ปฎิวัติรูปแบบการเล่นของกองหน้า คือเป็นกองหน้าที่เล่นนอกกรอบได้ดีขึ้น


ยุค 90 นี่เริ่มเปลี่ยนจาก หลังสามมาเป็นหลังสี่ กันแทบทั้งหมดเลย มีการนำกับดักล้ำหน้ามาใช้เยอะมาก (เริ่มจาก มิลานก่อนเป็นทีมแรก)

พอมายุค 2000

มู เริ่มมาใช้แท็กติกแบบ 4-3-3 หรือ 4-5-1 แบบเน้นเกมรับ เป็นคนแรกๆ ที่ใช้กลางรับสองตัว อิทธิพลของมู ต่อลีกอังกฤษสมัยนั้น ผมว่าพอๆ กับที่เป๊บมีต่อ บอลลาลีก้าเลย ผมยังจำได้ดีว่าสมัยก่อน สยามกีฬาเรียกมูริญโญ่ว่า เฮียเครียด หน้าเป้าเริ่มมีหน้าที่พักบอลให้แถวสองขึ้นมาเติมมากขึ้น

ฝั่งอังกฤษเต็มไปด้วย มิดฟิลที่ยิงแถวสอง ดี


ทางด้าน อิตาลี่
Pirlo ก็ได้ให้นิยามสำหรับ Deep lying Playmaker อะ แนวทางการเล่นของ มิลาน ที่เล่น แบบ Narrow ใช้มิดฟิลตัวทำเกมตรงกลางเยอะๆ

แปลกมั้ย ยูเวนตุสกับอินเตอร์ได้แชมป์ลีกในช่วงนั้นเยอะกว่ามิลาน แต่ทำไมคนกลับพูดถึงมิลานมากกว่า
ก็เพราะรูปแบบการเล่นของมิลานชุดนั้น มันพิเศษกว่าทีมอื่นๆ


เยอรมนี
(เริ่มที่ยุคคลิ้นสมันส์) ก็เริ่มเล่นบอลวันทัช High Speed และเน้นเรื่องฟิตเนสมากขึ้น (มีการสร้างฟิตเนสใหม่ขึ้นมาหลายแห่งในสโมสรแห่งเยอรมนี)

พอ ปลายยุค 2000 /2008+
ก็ยุคเป๊บปฏิวัติ

เมสซี่พัฒนาจาก 9.5 ==> False 9  


 


ใช่ครับการปฎิวัติแทคติคมีผลอย่างมากต่อภาพรวมของทั้งลีก ที่ลาลีก้าผงาดขึ้นมาได้ขนาดนี้ หลายๆคนในวงการก็ขอบคุณเป๊บกัน ทั้งการรื้อทำเพลสซิ่งใหม่หมดจนเป็นต้นแบบและทำให้การเล่นเพลสซิ่งกลับมาบูมอีกครั้ง (ทุกวันนี้ทีมที่เล่นเน้นคุมโซนอย่างเดียวกลายเป็นของหายากในลาลีก้าไปแล้ว) โมเดิร์นฟุตบอลก็เป็นต้นแบบให้หลายๆทีมในลีก และหลายๆทีมนอกลีกด้วย แต่จริงๆก็มีอีกปัจจัยที่ทำให้ลาลีก้าครองโลกก็คือ เมล็ดพันธุ์ลามาเซีย มันแตกหน่อออกผลสมบูรณ์แบบด้วย ส่วนทางฝั่งเมืองหลวง กาแลคติกอส ภาค2 ก็ได้เปเรซที่ชนะการเลือกตั้ง มองเห็นปัญหาของภาคแรก แก้ไขให้มันลงตัวจนแล่นฉิว

เรียกว่าพอ2พี่ใหญ่ของลีกเข็มแข็ง ทีมอื่นๆก็เข็มแข็งตาม ทั้งพี่หมี เซบีญ่า เรือดำน้ำ(เริ่มกลับมาแล้ว) ถึงตัวเก๋าอย่างค้างคาวจะหล่นไปอย่างน่าเสียดายแต่ ก็มีคลื่นลูกใหม่หน้าเก่ามาแทนที่ นอกจากนี้ก็คือการใส่ใจกับรากฐานที่สำคัญที่สุดอย่างอคาเดมี่ ที่มีการแจ้งเกิดของดาวรุ่งอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน (มีกระทั่งอคาเดมี่สุดโต่งอย่างบิลเบา)

โอเคแหละครับทีมใหญ่จริงๆก็มี3ทีม +กลางค่อนใหญ่อีก3(+1) ไม่เยอะขนาดยุคทองของกัลโช่ แต่2ยักษ์ใหญ่ก็ใหญ่เบิ้มจริงๆ อีกเรื่องที่ผมชอบก็คือบอลเอนเตอเทนดีครับ บอลบุกมันอยู่ในสายเลือดของคนสเปนจริงๆ มีแม้กระทั่ง แพ้ไม่ว่าแต่อย่าอุด ทีมเล็กบางทีมมาเยือนบ้านมาดริด-บาร์ซ่าแท้ๆยังจะบุกสวน(ชนะมั่งแพ้มั่งว่ากันไป) ใจมันได้จริงๆ55

เรื่องฟอลไนท อันนี้ผมไม่แน่ใจนิยามของ9.5นะครับ แต่ของเมส ต้นฉบับฟอลไนทจริงๆ มาจากปู่ครัฟฟ์ ยุค70นู่นเลยนะ(เป๊บเคยบอก) เพราะเมสเองถึงตอนเด็กๆจะเคยเล่นกองกลาง แต่ตั้งแต่เดบิวท์กับชุดใหญ่ก็เล่นกองหน้าตัวริมเส้นเป็นหลัก แต่เนื่องจากเป๊บเห็นว่า -นักเตะที่วิชั่นดีมากขนาดนี้ไม่ควรไปเล่นริมเส้น(วลียอดฮิตของแกละ)

ซึ่งปู่ครัฟฟ์แกก็เคยพูดถึงเรื่องเมสไว้ครั้งนึงเหมือนกันครับ ประมาณ -ผมไม่คิดว่าจะมีใครเล่นตำแหน่งนี้ได้ดีกว่าผม จนกระทั่งได้เห็นเมสซี่เล่นนี่แหละ

ประมาณนี้ครับเรื่องฟอลไนท แต่จริงๆถึงจะบอกว่าเล่นฟอลไนทเหมือนกัน แต่ภาคแทคติคแล้วผมว่าฟอลไนทก็ยังมีหลากหลายรูปแบบย่อยไปอีก จากที่ติดตามดูฟอลไนทคนอื่นๆเล่น  


จะว่าไงดีล่ะครับคือ

9.5 กับ False 9 นี่ มันก้ำกึ่งกัน

แต่ False 9 นี่ เหมือนจะเหมาะกับระบบ หน้าเดี่ยว (หรือหน้าสามก็ตาม) ตาม ระบบ Halland

คือระบบนี้ ยังเน้นการทำเกมจาก กองกลางเป็นหลัก ตามความเข้าใจของผม คือตามหน้ากระดาษก็ยืนหน้าเป้านั้นแหละ แต่ชอบลงต่ำลงมาอิสระ ทำเกมกับกองกลางได้


แต่ 9.5 แบบบาจโจ้นี่ ต้องเริ่มจาก หน้าคู่ก่อนครับ
จริงๆ มันคือเบอร์สิบที่เล่นหลังกองหน้า แต่ถูกดันไปเล่นข้างหน้าเสียเอง แต่ก็ยังไม่ใช่หน้าตัวหลักอย่างดี
เพราะจะมีกองหน้าตัวหลักคอยค้ำหรือเป็น Fox in the box อยู่

ที่ผมไม่มองว่า ครัฟฟ เป็นต้นแบบ False 9 เพราะผมถือว่า Total Football จริงๆ ควรจะสลับตำแหน่งกันได้หมดเลย ดังเช่นจะเห็นได้ว่า นักเตะดัชท์หลายคนเล่นได้ดีในหลายตำแหน่งมากๆ ไม่ว่าจะเป็น กุลลิท โคคู หรือ เซดอร์ฟ หรืออย่างเอ็นริเก้ สมัยเป็นนักเตะ ก็เป็นนักเตะสารพัดตำแหน่ง หรือแม้แต่โปรโดก็ดี​ ซึ่งผมมองว่านักเตะพวกนี้อันตรายที่สุดก็คือการเคลื่อนตำแหน่ง กับตอนไม่มีบอล


ซึ่งผมมองว่านักเตะอย่าง 9.5 หรือ False 9 นี่คือนักเตะที่อันตราบทีสุดตอนมีบอลครับ


อย่างบาจโจ้เอง ตำแหน่งที่ถนัดที่สุด

คือหลังกองหน้านั่นแหละ แต่ด้วยแทคติก สมัยนั้นก็เลยต้องยืนคู่กับกองหน้าอีกตัว เป็นหลักครับ


สมัยที่พี่แจ้ คุมปาร์ม่า (ตั้งแต่ปี 1997 นู่น) บาจโจ้เคยเสนอตัวขอย้ายไปเล่นให้ปาร์ม่า
แต่มีข้อแม้ว่าต้องเล่นในตำแหน่งหลังกองหน้า

แต่เนื่องจากพี่แจ้ ชอบวิธีการทำทีมของซาคคี่มาก(พี่แจ้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมอิตาลี่ ชุดบอลโลก 1994 ที่มีซาดคคี่เป็นเทรนเนอร์ด้วยครับ) และตอนนั้นยึดติดกับ 4-4-2 (แบบมิดฟิลทุกตัวยืนอยู่ในแนวเดียวกัน) จึงบอกบาจโจ้ว่า ต้องเล่นในระบบ 4-4-2 และเป็นศูนย์หน้าเท่านั้น (เน้นทำประตูเป็นหลัก)

สุดท้ายบาจโจ้ เลยปฎิเสธย้ายจาก มิลานไปโบโลญญ่าแทน โดยฤดูกาลนั้นทำประตุได้ตั้ง 22 ประตู และแอสซิสอีกจำนวนมาก (ยิงเกิน 20 ลูก ในกัลโช่สมัยนั้นคือ ปรากฎการณ์)

ด้วยความยุ่งยากของบทบาทของบาจโจ้ในสนามนี่แหละ จึงทำให้บาจโจ้มีปัญหากับผจก. ทีมในสมัยนั้นหลายคน เลยได้รางวัลในระดับสโมสรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ภายหลัง พี่แจ้ก็เลยยอมรับว่า นี่คือความผิดพลาดที่สุดในการเป็นผู้จัดการทีม (การที่ไม่ยอมเซ็นต์ บาจโจ้ และไม่ยอมให้บาจโจ้เล่นในบทบาทที่ทำเกมได้อย่างอิสระ)

จนภายหลัง มาคุมมิลาน แกให้อิสระทางความคิดนักเตะมากขึ้น จนสามารถใส่ นักเตะที่แต่เดิมเล่นในฐานะ เบอร์ 10 Classic (ปิร์โล่ เซดอร์ฟ สมัยดาวรุ่งแจ้งเกิดในฐานะ 10 Classic ครับ )หลายคน มาเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกัน พร้อมกันได้หลายคน


ส่วนเรื่อง 9.5 ==> False 9 มั้ยอันนี้แล้วแต่มุมมองครับ แต่ถ้าจะถามว่านักเตะคนไหนเล่นได้ไกล้เคียงเมสซี่ที่สุดในยุคก่อน สำหรับผมคือ บาจโจ้แหละ (มาราโดน่า สำหรับผมคือ 10 Classic ตำแหน่งเดียวกันกับ Laudrup คนพี่ ครับ เน้นทำเกมมากกว่า ยิงเอง (มากๆ))



 


ความรู้ท่านแน่นมาก ขอบคุณที่แชร์ให้อ่านครับ

อ่อแต่ตรงเรื่องโททัลฟุตบอลของปู่ครัฟฟ์ ตอนแกเอามาปลูกถ่ายปรัชญาให้บาร์ซ่าแกลดทอนไปเยอะครับ แกมองว่าการที่จะไม่ให้นักเตะแต่ละคนมีตำแหน่งตายตัว-สลับเปลี่ยนกันได้หมด มันเป็นฟุตบอลในอุดมคติเกินไป ทำยากเกิน ฝึกยากเกิน แกเลยลดทอนจนกลายร่างมาเป็น ปรัชญาแบบปัจจุบัน(ขอเรียกว่าโททัลฟุตบอลฉบับดัดแปลง) หรือที่สื่อชอบเรียกติกิตาก้านั่นแหละครับ ซึ่งปู่ครัฟฟ์แกเคยบอกว่า แกเคารพ ลาลีก้า เคารพคาตาลันและเคารพปรัชญาดั้งเดิมของโฆน กัมแปร์(ผู้ก่อตั่งสโมสร) ดังนั้นแกเลือกที่จะเอาปรัชญาของแกไปผสมกับของดั้งเดิมมากกว่าจะยกมาทั้งหมด เลยออกมาเป็นแบบนี้ครับ ไม่เหมือนกับโททั่ลฉบับเดิม แต่ยังมีกลิ่นอายติดอยู่ให้เห็น

ส่วนเรื่องการปรับเปลี่ยนตำแหน่งจริงๆมันก็ยังมีอยู่ ไม่ใช่ใครศิษย์เอกของแกอย่างเป๊บก็ชอบเปลี่ยนตำแหน่งนักเตะเหมือนกันครับ แต่จริงๆตัวเป๊บเองก็เคยบอกว่าแกชื่นชอบ ฟุตบอลในอุดมคติ แกยังเคยบอกเลยว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะครองบอลให้ได้ 100%

ทุกวันนี้ผมก็ยังเห็นแกพยามจะพัฒนาแทคติคให้มันใกลเคียงกับฟุตบอลในอุดมคติอยู่นะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแกจะทำได้จริงเปล่า แล้วทำออกมาแล้วจะได้ผลหรือเปล่า เรื่องแปลกๆนี่ต้องยกให้เป๊บแกละครับ ฟอลไนทที่หาแผนมาใช้งานยากๆ แถมทำก็ยาก ใครจะไปคิด แกจะสร้างแผน ดับเบิ้ลฟอลไนท(เมสกะเชสก์) ตอนบาร์ซ่าปีสุดท้ายออกมาใช้ได้ ฮาดีครับ รอติดตามความเพี้ยนๆของแกต่อไป  


จริงๆ ผมชอบฟุตบอล ทีมชาติก่อนสโมสรครับ

ชอบฮอลแลนด์กับ อิตาลี่มาก่อน แต่เนื่องจากนักเตะดัทช์ กระจายกันไปตามทีมต่างๆ เลยเลือกที่จะติดตามฝั่งอิตาลี่มากกว่าครับ(เพราะอย่างว่าตอนนั้นมันคือที่รวมยอดนักเตะ และนักเตะอิตาลี่หล่อมาก ฮาๆ) ที่เห็นผมรู้เรื่อง บาร์ซ่ายุคก่อนเยอะ เพราะแต่ก่อนทีมนี้มีนักเตะจาก ดัทช์ลีก หรือตัวนักเตะดัทช์เยอะ

จริงๆ ผมมองว่า แท็กติกของ เป๊บ ตอนแรกนี่คือ ครัฟฟ์+ ซาคคี่เลยนะครับ

คือเรื่องการครองบอลเข้าทำได้มาจากครัฟฟ์ แต่เรื่องแนวคิด การบีบพื้นที่ และระยะห่างระหว่างแนวรับกับแนวรุก นี่คือ แท็กติกที่ถอดแบบมาจากมิลานยุค ซาคคี่เลย

เพียงแต่ แนวรับมิลานเก่งเรื่องการคุมโซนด้วย (รับลึกได้ Offside Trape เก่ง) แต่ของเป๊บเน้นบีบพื้นที่เพื่อให้ได้บอลเร็วที่สุดเป็นหลัก

ผมรู้มาว่า เป๊บแกชื่นชม มิลานกับบาจโจ้พอสมควร

เพราะตอนออกจาก บาร์เซโลน่า เป๊บเลือกไปเบรสชาก็เพราะบาจโจ้นี่แหละ

 


จริงๆแกเคยพูดถึงซาคคี่เหมือนกันแต่ผมจำเนื้อความข่าวไม่ได้และอ่านมานานแล้ว

นอกเรื่องนิดนึงนะครับท่าน(จริงๆที่คุยนี่ก็ไม่ได้เกี่ยวไรกับที่จขกทถามเลย55 ขอโทษด้วยครับ)

คือผมเห็นพวกจัด XI ตลอดกาลรวมทุกยุค แบ็คขวามักจะเป็นคาฟูประจำ สอบถามท่านหน่อย คิดว่าลาห์มแกเก่งพอๆกับคาฟูมั้ยครับ(ผมไม่ทันคาฟูนะแต่ทันลาห์ม แต่ไม่ได้ดูตลอดแต่ก็ดูบ่อยพอสมควร)
0
0
เข้าร่วม: 19 Aug 2008
ตอบ: 2002
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 1:39 am
[RE: AC MILAN]
lazia23 พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
Spoil

identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
สตาร์ดังๆเยอะมากแต่ก่อน ยุค90นี่ กัลโช่ครองโลกจริงๆ  


จริงๆ คือ 80+90+2000 ตอนต้นๆ เลยต่างหาก

(ปล. อาจจะเวอร์ไปนิดนึงนะครับ )  


อ่าครับ 80-90 ถึงต้นๆ2000

ส่วน 2000-ปลายๆ 2009/2010

ส่วน ปัจจุบัน 2010-2016 ลาลีก้าครองโลก  


แหม่

ใครจะครองโลกยุคไหน สำหรับผมมันเริ่มมาจาก Tactic Evolution เลยนะครับ

อย่างที่อิตาลี่ ปลายยุค 80 คือ เริ่มพัฒนาจาก

คาเตนัคโช่เดิมๆ

เป็น Zone Press ของมิลาน ที่มีกฎแนวรับกับแนวรุกต้องไม่มีระยะห่างกันเกิน 25 เมตร

ยุคต้น 90 ครัฟฟ์เริ่มปฏิวัติระบบเยาวชนสโมสร ลามาเซีย และปรัชญาการเล่นฟุตบอลแบบบาร์เซโลน่า ยุคใหม่

ต่อมา
ทางด้านอิตาลี่ ก็มีปฎิวัติ บทบาทนักเตะเบอร์ 10 อย่างบาจโจ้ ที่เล่นแนว 9.5 (ก่อนเป็น False 9 ในปัจจุบัน)


บราซิล ก็มีโด้อ้วน กับ โรมาริโอ้

ปฎิวัติรูปแบบการเล่นของกองหน้า คือเป็นกองหน้าที่เล่นนอกกรอบได้ดีขึ้น


ยุค 90 นี่เริ่มเปลี่ยนจาก หลังสามมาเป็นหลังสี่ กันแทบทั้งหมดเลย มีการนำกับดักล้ำหน้ามาใช้เยอะมาก (เริ่มจาก มิลานก่อนเป็นทีมแรก)

พอมายุค 2000

มู เริ่มมาใช้แท็กติกแบบ 4-3-3 หรือ 4-5-1 แบบเน้นเกมรับ เป็นคนแรกๆ ที่ใช้กลางรับสองตัว อิทธิพลของมู ต่อลีกอังกฤษสมัยนั้น ผมว่าพอๆ กับที่เป๊บมีต่อ บอลลาลีก้าเลย ผมยังจำได้ดีว่าสมัยก่อน สยามกีฬาเรียกมูริญโญ่ว่า เฮียเครียด หน้าเป้าเริ่มมีหน้าที่พักบอลให้แถวสองขึ้นมาเติมมากขึ้น

ฝั่งอังกฤษเต็มไปด้วย มิดฟิลที่ยิงแถวสอง ดี


ทางด้าน อิตาลี่
Pirlo ก็ได้ให้นิยามสำหรับ Deep lying Playmaker อะ แนวทางการเล่นของ มิลาน ที่เล่น แบบ Narrow ใช้มิดฟิลตัวทำเกมตรงกลางเยอะๆ

แปลกมั้ย ยูเวนตุสกับอินเตอร์ได้แชมป์ลีกในช่วงนั้นเยอะกว่ามิลาน แต่ทำไมคนกลับพูดถึงมิลานมากกว่า
ก็เพราะรูปแบบการเล่นของมิลานชุดนั้น มันพิเศษกว่าทีมอื่นๆ


เยอรมนี
(เริ่มที่ยุคคลิ้นสมันส์) ก็เริ่มเล่นบอลวันทัช High Speed และเน้นเรื่องฟิตเนสมากขึ้น (มีการสร้างฟิตเนสใหม่ขึ้นมาหลายแห่งในสโมสรแห่งเยอรมนี)

พอ ปลายยุค 2000 /2008+
ก็ยุคเป๊บปฏิวัติ

เมสซี่พัฒนาจาก 9.5 ==> False 9  


 


ใช่ครับการปฎิวัติแทคติคมีผลอย่างมากต่อภาพรวมของทั้งลีก ที่ลาลีก้าผงาดขึ้นมาได้ขนาดนี้ หลายๆคนในวงการก็ขอบคุณเป๊บกัน ทั้งการรื้อทำเพลสซิ่งใหม่หมดจนเป็นต้นแบบและทำให้การเล่นเพลสซิ่งกลับมาบูมอีกครั้ง (ทุกวันนี้ทีมที่เล่นเน้นคุมโซนอย่างเดียวกลายเป็นของหายากในลาลีก้าไปแล้ว) โมเดิร์นฟุตบอลก็เป็นต้นแบบให้หลายๆทีมในลีก และหลายๆทีมนอกลีกด้วย แต่จริงๆก็มีอีกปัจจัยที่ทำให้ลาลีก้าครองโลกก็คือ เมล็ดพันธุ์ลามาเซีย มันแตกหน่อออกผลสมบูรณ์แบบด้วย ส่วนทางฝั่งเมืองหลวง กาแลคติกอส ภาค2 ก็ได้เปเรซที่ชนะการเลือกตั้ง มองเห็นปัญหาของภาคแรก แก้ไขให้มันลงตัวจนแล่นฉิว

เรียกว่าพอ2พี่ใหญ่ของลีกเข็มแข็ง ทีมอื่นๆก็เข็มแข็งตาม ทั้งพี่หมี เซบีญ่า เรือดำน้ำ(เริ่มกลับมาแล้ว) ถึงตัวเก๋าอย่างค้างคาวจะหล่นไปอย่างน่าเสียดายแต่ ก็มีคลื่นลูกใหม่หน้าเก่ามาแทนที่ นอกจากนี้ก็คือการใส่ใจกับรากฐานที่สำคัญที่สุดอย่างอคาเดมี่ ที่มีการแจ้งเกิดของดาวรุ่งอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน (มีกระทั่งอคาเดมี่สุดโต่งอย่างบิลเบา)

โอเคแหละครับทีมใหญ่จริงๆก็มี3ทีม +กลางค่อนใหญ่อีก3(+1) ไม่เยอะขนาดยุคทองของกัลโช่ แต่2ยักษ์ใหญ่ก็ใหญ่เบิ้มจริงๆ อีกเรื่องที่ผมชอบก็คือบอลเอนเตอเทนดีครับ บอลบุกมันอยู่ในสายเลือดของคนสเปนจริงๆ มีแม้กระทั่ง แพ้ไม่ว่าแต่อย่าอุด ทีมเล็กบางทีมมาเยือนบ้านมาดริด-บาร์ซ่าแท้ๆยังจะบุกสวน(ชนะมั่งแพ้มั่งว่ากันไป) ใจมันได้จริงๆ55

เรื่องฟอลไนท อันนี้ผมไม่แน่ใจนิยามของ9.5นะครับ แต่ของเมส ต้นฉบับฟอลไนทจริงๆ มาจากปู่ครัฟฟ์ ยุค70นู่นเลยนะ(เป๊บเคยบอก) เพราะเมสเองถึงตอนเด็กๆจะเคยเล่นกองกลาง แต่ตั้งแต่เดบิวท์กับชุดใหญ่ก็เล่นกองหน้าตัวริมเส้นเป็นหลัก แต่เนื่องจากเป๊บเห็นว่า -นักเตะที่วิชั่นดีมากขนาดนี้ไม่ควรไปเล่นริมเส้น(วลียอดฮิตของแกละ)

ซึ่งปู่ครัฟฟ์แกก็เคยพูดถึงเรื่องเมสไว้ครั้งนึงเหมือนกันครับ ประมาณ -ผมไม่คิดว่าจะมีใครเล่นตำแหน่งนี้ได้ดีกว่าผม จนกระทั่งได้เห็นเมสซี่เล่นนี่แหละ

ประมาณนี้ครับเรื่องฟอลไนท แต่จริงๆถึงจะบอกว่าเล่นฟอลไนทเหมือนกัน แต่ภาคแทคติคแล้วผมว่าฟอลไนทก็ยังมีหลากหลายรูปแบบย่อยไปอีก จากที่ติดตามดูฟอลไนทคนอื่นๆเล่น  


จะว่าไงดีล่ะครับคือ

9.5 กับ False 9 นี่ มันก้ำกึ่งกัน

แต่ False 9 นี่ เหมือนจะเหมาะกับระบบ หน้าเดี่ยว (หรือหน้าสามก็ตาม) ตาม ระบบ Halland

คือระบบนี้ ยังเน้นการทำเกมจาก กองกลางเป็นหลัก ตามความเข้าใจของผม คือตามหน้ากระดาษก็ยืนหน้าเป้านั้นแหละ แต่ชอบลงต่ำลงมาอิสระ ทำเกมกับกองกลางได้


แต่ 9.5 แบบบาจโจ้นี่ ต้องเริ่มจาก หน้าคู่ก่อนครับ
จริงๆ มันคือเบอร์สิบที่เล่นหลังกองหน้า แต่ถูกดันไปเล่นข้างหน้าเสียเอง แต่ก็ยังไม่ใช่หน้าตัวหลักอย่างดี
เพราะจะมีกองหน้าตัวหลักคอยค้ำหรือเป็น Fox in the box อยู่

ที่ผมไม่มองว่า ครัฟฟ เป็นต้นแบบ False 9 เพราะผมถือว่า Total Football จริงๆ ควรจะสลับตำแหน่งกันได้หมดเลย ดังเช่นจะเห็นได้ว่า นักเตะดัชท์หลายคนเล่นได้ดีในหลายตำแหน่งมากๆ ไม่ว่าจะเป็น กุลลิท โคคู หรือ เซดอร์ฟ หรืออย่างเอ็นริเก้ สมัยเป็นนักเตะ ก็เป็นนักเตะสารพัดตำแหน่ง หรือแม้แต่โปรโดก็ดี​ ซึ่งผมมองว่านักเตะพวกนี้อันตรายที่สุดก็คือการเคลื่อนตำแหน่ง กับตอนไม่มีบอล


ซึ่งผมมองว่านักเตะอย่าง 9.5 หรือ False 9 นี่คือนักเตะที่อันตราบทีสุดตอนมีบอลครับ


อย่างบาจโจ้เอง ตำแหน่งที่ถนัดที่สุด

คือหลังกองหน้านั่นแหละ แต่ด้วยแทคติก สมัยนั้นก็เลยต้องยืนคู่กับกองหน้าอีกตัว เป็นหลักครับ


สมัยที่พี่แจ้ คุมปาร์ม่า (ตั้งแต่ปี 1997 นู่น) บาจโจ้เคยเสนอตัวขอย้ายไปเล่นให้ปาร์ม่า
แต่มีข้อแม้ว่าต้องเล่นในตำแหน่งหลังกองหน้า

แต่เนื่องจากพี่แจ้ ชอบวิธีการทำทีมของซาคคี่มาก(พี่แจ้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมอิตาลี่ ชุดบอลโลก 1994 ที่มีซาดคคี่เป็นเทรนเนอร์ด้วยครับ) และตอนนั้นยึดติดกับ 4-4-2 (แบบมิดฟิลทุกตัวยืนอยู่ในแนวเดียวกัน) จึงบอกบาจโจ้ว่า ต้องเล่นในระบบ 4-4-2 และเป็นศูนย์หน้าเท่านั้น (เน้นทำประตูเป็นหลัก)

สุดท้ายบาจโจ้ เลยปฎิเสธย้ายจาก มิลานไปโบโลญญ่าแทน โดยฤดูกาลนั้นทำประตุได้ตั้ง 22 ประตู และแอสซิสอีกจำนวนมาก (ยิงเกิน 20 ลูก ในกัลโช่สมัยนั้นคือ ปรากฎการณ์)

ด้วยความยุ่งยากของบทบาทของบาจโจ้ในสนามนี่แหละ จึงทำให้บาจโจ้มีปัญหากับผจก. ทีมในสมัยนั้นหลายคน เลยได้รางวัลในระดับสโมสรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ภายหลัง พี่แจ้ก็เลยยอมรับว่า นี่คือความผิดพลาดที่สุดในการเป็นผู้จัดการทีม (การที่ไม่ยอมเซ็นต์ บาจโจ้ และไม่ยอมให้บาจโจ้เล่นในบทบาทที่ทำเกมได้อย่างอิสระ)

จนภายหลัง มาคุมมิลาน แกให้อิสระทางความคิดนักเตะมากขึ้น จนสามารถใส่ นักเตะที่แต่เดิมเล่นในฐานะ เบอร์ 10 Classic (ปิร์โล่ เซดอร์ฟ สมัยดาวรุ่งแจ้งเกิดในฐานะ 10 Classic ครับ )หลายคน มาเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกัน พร้อมกันได้หลายคน


ส่วนเรื่อง 9.5 ==> False 9 มั้ยอันนี้แล้วแต่มุมมองครับ แต่ถ้าจะถามว่านักเตะคนไหนเล่นได้ไกล้เคียงเมสซี่ที่สุดในยุคก่อน สำหรับผมคือ บาจโจ้แหละ (มาราโดน่า สำหรับผมคือ 10 Classic ตำแหน่งเดียวกันกับ Laudrup คนพี่ ครับ เน้นทำเกมมากกว่า ยิงเอง (มากๆ))



 


ความรู้ท่านแน่นมาก ขอบคุณที่แชร์ให้อ่านครับ

อ่อแต่ตรงเรื่องโททัลฟุตบอลของปู่ครัฟฟ์ ตอนแกเอามาปลูกถ่ายปรัชญาให้บาร์ซ่าแกลดทอนไปเยอะครับ แกมองว่าการที่จะไม่ให้นักเตะแต่ละคนมีตำแหน่งตายตัว-สลับเปลี่ยนกันได้หมด มันเป็นฟุตบอลในอุดมคติเกินไป ทำยากเกิน ฝึกยากเกิน แกเลยลดทอนจนกลายร่างมาเป็น ปรัชญาแบบปัจจุบัน(ขอเรียกว่าโททัลฟุตบอลฉบับดัดแปลง) หรือที่สื่อชอบเรียกติกิตาก้านั่นแหละครับ ซึ่งปู่ครัฟฟ์แกเคยบอกว่า แกเคารพ ลาลีก้า เคารพคาตาลันและเคารพปรัชญาดั้งเดิมของโฆน กัมแปร์(ผู้ก่อตั่งสโมสร) ดังนั้นแกเลือกที่จะเอาปรัชญาของแกไปผสมกับของดั้งเดิมมากกว่าจะยกมาทั้งหมด เลยออกมาเป็นแบบนี้ครับ ไม่เหมือนกับโททั่ลฉบับเดิม แต่ยังมีกลิ่นอายติดอยู่ให้เห็น

ส่วนเรื่องการปรับเปลี่ยนตำแหน่งจริงๆมันก็ยังมีอยู่ ไม่ใช่ใครศิษย์เอกของแกอย่างเป๊บก็ชอบเปลี่ยนตำแหน่งนักเตะเหมือนกันครับ แต่จริงๆตัวเป๊บเองก็เคยบอกว่าแกชื่นชอบ ฟุตบอลในอุดมคติ แกยังเคยบอกเลยว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะครองบอลให้ได้ 100%

ทุกวันนี้ผมก็ยังเห็นแกพยามจะพัฒนาแทคติคให้มันใกลเคียงกับฟุตบอลในอุดมคติอยู่นะ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแกจะทำได้จริงเปล่า แล้วทำออกมาแล้วจะได้ผลหรือเปล่า เรื่องแปลกๆนี่ต้องยกให้เป๊บแกละครับ ฟอลไนทที่หาแผนมาใช้งานยากๆ แถมทำก็ยาก ใครจะไปคิด แกจะสร้างแผน ดับเบิ้ลฟอลไนท(เมสกะเชสก์) ตอนบาร์ซ่าปีสุดท้ายออกมาใช้ได้ ฮาดีครับ รอติดตามความเพี้ยนๆของแกต่อไป  


จริงๆ ผมชอบฟุตบอล ทีมชาติก่อนสโมสรครับ

ชอบฮอลแลนด์กับ อิตาลี่มาก่อน แต่เนื่องจากนักเตะดัทช์ กระจายกันไปตามทีมต่างๆ เลยเลือกที่จะติดตามฝั่งอิตาลี่มากกว่าครับ(เพราะอย่างว่าตอนนั้นมันคือที่รวมยอดนักเตะ และนักเตะอิตาลี่หล่อมาก ฮาๆ) ที่เห็นผมรู้เรื่อง บาร์ซ่ายุคก่อนเยอะ เพราะแต่ก่อนทีมนี้มีนักเตะจาก ดัทช์ลีก หรือตัวนักเตะดัทช์เยอะ

จริงๆ ผมมองว่า แท็กติกของ เป๊บ ตอนแรกนี่คือ ครัฟฟ์+ ซาคคี่เลยนะครับ

คือเรื่องการครองบอลเข้าทำได้มาจากครัฟฟ์ แต่เรื่องแนวคิด การบีบพื้นที่ และระยะห่างระหว่างแนวรับกับแนวรุก นี่คือ แท็กติกที่ถอดแบบมาจากมิลานยุค ซาคคี่เลย

เพียงแต่ แนวรับมิลานเก่งเรื่องการคุมโซนด้วย (รับลึกได้ Offside Trape เก่ง) แต่ของเป๊บเน้นบีบพื้นที่เพื่อให้ได้บอลเร็วที่สุดเป็นหลัก

ผมรู้มาว่า เป๊บแกชื่นชม มิลานกับบาจโจ้พอสมควร

เพราะตอนออกจาก บาร์เซโลน่า เป๊บเลือกไปเบรสชาก็เพราะบาจโจ้นี่แหละ

 


จริงๆแกเคยพูดถึงซาคคี่เหมือนกันแต่ผมจำเนื้อความข่าวไม่ได้และอ่านมานานแล้ว

นอกเรื่องนิดนึงนะครับท่าน(จริงๆที่คุยนี่ก็ไม่ได้เกี่ยวไรกับที่จขกทถามเลย55 ขอโทษด้วยครับ)

คือผมเห็นพวกจัด XI ตลอดกาลรวมทุกยุค แบ็คขวามักจะเป็นคาฟูประจำ สอบถามท่านหน่อย คิดว่าลาห์มแกเก่งพอๆกับคาฟูมั้ยครับ(ผมไม่ทันคาฟูนะแต่ทันลาห์ม แต่ไม่ได้ดูตลอดแต่ก็ดูบ่อยพอสมควร)  


ผมคิดว่าพอแทนได้แน่นอนครับ

จริงๆ ผมชอบลาห์มมากกว่าคาฟูอีก ครับ ผมมองว่าคาฟูคือแบ็คขวาที่เล่นเกมรุกได้ดีที่สุดโดยเกมรับไม่รั่ว

(ในขนาดที่อัลเวสคือแบ็คขวาที่เล่นเกมรุกได้ดีที่สุด อันที่จริงคือ ในฐานะแบ็คจอมบุกผมคิดว่าดีกว่า คาร์ลอส)

แต่ผมดันติดตาภาพลาห์ม ตอนเล่นแบ็คซ้ายมากกว่าครับ (แต่แบ็คซ้ายที่ดีทีสุด ยังเป็นมัลดินี่นะครับ )


ถ้าเรียงตามความชอบส่วนตัว แบ็คขวานะครับ


ลาห์ม > ซาเน็ตติ = คาฟู > ซัมบร็อตต้า > ตูราม


ผมชอบตูรามในฐานะ เซ็นเตอร์แบ็คมากกว่าครับ
เข้าร่วม: 05 Dec 2016
ตอบ: 1037
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 1:52 am
[RE: AC MILAN]
ส่วนตัวผมว่ากัลโช่โปลีเป็นหลัก แล้วก็การบริหารช่วงหลังๆ ของทีมในอิตาลี่ครับ
มันเหมือนฟองสบูแตกไปแล้ว ผมหล่ะคิดถึงสมัยก่อนจริงๆ มิลาน อินเตอร์ ยูเว่ ปาร์ม่า
ลาซิโอ โรม่า ฟิออ บิ๊กแมตแทบทุกสัปดาห์อ่ะ
0
0
เข้าร่วม: 01 Jun 2014
ตอบ: 2811
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 10:58 am
[RE: AC MILAN]
EnterSandman พิมพ์ว่า:
P2INCE พิมพ์ว่า:
การบริหาร



ว่าแต่ปีร์โล่มีปัญหาไรรึป่าวกับป๋าแบร์  


สรุปง่ายๆใน3บรรทัด

1. ขัดขวางย้ายไปมาดริดทีมในฝัน
2. ขัดขวางย้ายไปบาซ่ายุคเป้บ(ยื่นมา2ครั้งแอบเอาแฟคไปทิ้งเนียนๆไม่บอกใคร)
3. ที่ไม่ย้ายเพราะแบร์เอาเชคมาให้ใส่ค่าเหนื่อยเองเลย ปีร์โล่คิดว่าสโมสรเห็นคุณค่าตัวเองเลยอยุ่ต่อ สุดท้ายอย่างที่เหนพอฟอร์มเริ่้มดรอปโดนบีบให้ย้ายไปเล่นมิดฟิลด์ฝั่งขวาเลยย้ายเลย  
ข้อ2 ทำไมไม่เคยได้ยินเลยครับ
ขอแหล่งหน่อยได้ไหมครับ มันดูเกินไปไหม แล้วบาซ่าเป๊ปจะเอาปีโล่ไปทำไม มีชาบี้วางบอล หรือจะตัดเกมจะสู้บุสเก็ทได้หรอ
0
0
เข้าร่วม: 20 Mar 2008
ตอบ: 2165
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 11:02 am
[RE: AC MILAN]
ZLATAN~ พิมพ์ว่า:
EnterSandman พิมพ์ว่า:
P2INCE พิมพ์ว่า:
การบริหาร



ว่าแต่ปีร์โล่มีปัญหาไรรึป่าวกับป๋าแบร์  


สรุปง่ายๆใน3บรรทัด

1. ขัดขวางย้ายไปมาดริดทีมในฝัน
2. ขัดขวางย้ายไปบาซ่ายุคเป้บ(ยื่นมา2ครั้งแอบเอาแฟคไปทิ้งเนียนๆไม่บอกใคร)
3. ที่ไม่ย้ายเพราะแบร์เอาเชคมาให้ใส่ค่าเหนื่อยเองเลย ปีร์โล่คิดว่าสโมสรเห็นคุณค่าตัวเองเลยอยุ่ต่อ สุดท้ายอย่างที่เหนพอฟอร์มเริ่้มดรอปโดนบีบให้ย้ายไปเล่นมิดฟิลด์ฝั่งขวาเลยย้ายเลย  
ข้อ2 ทำไมไม่เคยได้ยินเลยครับ
ขอแหล่งหน่อยได้ไหมครับ มันดูเกินไปไหม แล้วบาซ่าเป๊ปจะเอาปีโล่ไปทำไม มีชาบี้วางบอล หรือจะตัดเกมจะสู้บุสเก็ทได้หรอ  


https://www.theguardian.com/football/2014/apr/15/andrea-pirlo-pep-guardiola-tried-to-sign-me-barcelona-autobiography

เป๊บอยากเอาไปสลับกับซาบี้ครับทำทุกอย่างเพื่อจะได้เลยอันนี้เป็นแค่ส่วนนึงในหนังสือ ถ้าอยากฟินไปซื้ออ่านเลยครับโคตรมัน ปากอย่างจัด
1
0
เข้าร่วม: 01 Jun 2014
ตอบ: 2811
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 11:04 am
[RE: AC MILAN]
EnterSandman พิมพ์ว่า:
ZLATAN~ พิมพ์ว่า:
EnterSandman พิมพ์ว่า:
P2INCE พิมพ์ว่า:
การบริหาร



ว่าแต่ปีร์โล่มีปัญหาไรรึป่าวกับป๋าแบร์  


สรุปง่ายๆใน3บรรทัด

1. ขัดขวางย้ายไปมาดริดทีมในฝัน
2. ขัดขวางย้ายไปบาซ่ายุคเป้บ(ยื่นมา2ครั้งแอบเอาแฟคไปทิ้งเนียนๆไม่บอกใคร)
3. ที่ไม่ย้ายเพราะแบร์เอาเชคมาให้ใส่ค่าเหนื่อยเองเลย ปีร์โล่คิดว่าสโมสรเห็นคุณค่าตัวเองเลยอยุ่ต่อ สุดท้ายอย่างที่เหนพอฟอร์มเริ่้มดรอปโดนบีบให้ย้ายไปเล่นมิดฟิลด์ฝั่งขวาเลยย้ายเลย  
ข้อ2 ทำไมไม่เคยได้ยินเลยครับ
ขอแหล่งหน่อยได้ไหมครับ มันดูเกินไปไหม แล้วบาซ่าเป๊ปจะเอาปีโล่ไปทำไม มีชาบี้วางบอล หรือจะตัดเกมจะสู้บุสเก็ทได้หรอ  


https://www.theguardian.com/football/2014/apr/15/andrea-pirlo-pep-guardiola-tried-to-sign-me-barcelona-autobiography

เป๊บอยากเอาไปสลับกับซาบี้ครับทำทุกอย่างเพื่อจะได้เลยอันนี้เป็นแค่ส่วนนึงในหนังสือ ถ้าอยากฟินไปซื้ออ่านเลยครับโคตรมัน ปากอย่างจัด  
โห้ ไม่น่าเชื่อ
กองกลางก็มีดีๆเยอะ ปิร์โล่ไปเป็นสำรองชาบี้หรอ เจ้าตัวจะอยากสำรองหรอ
ชาบี้ อินิเอียสต้า บุสเก็ต ผมยังไม่คิดว่าใครจะแทรกได้เลย
เข้าร่วม: 20 Mar 2008
ตอบ: 2165
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 11:13 am
[RE: AC MILAN]
ZLATAN~ พิมพ์ว่า:
EnterSandman พิมพ์ว่า:
ZLATAN~ พิมพ์ว่า:
EnterSandman พิมพ์ว่า:
P2INCE พิมพ์ว่า:
การบริหาร



ว่าแต่ปีร์โล่มีปัญหาไรรึป่าวกับป๋าแบร์  


สรุปง่ายๆใน3บรรทัด

1. ขัดขวางย้ายไปมาดริดทีมในฝัน
2. ขัดขวางย้ายไปบาซ่ายุคเป้บ(ยื่นมา2ครั้งแอบเอาแฟคไปทิ้งเนียนๆไม่บอกใคร)
3. ที่ไม่ย้ายเพราะแบร์เอาเชคมาให้ใส่ค่าเหนื่อยเองเลย ปีร์โล่คิดว่าสโมสรเห็นคุณค่าตัวเองเลยอยุ่ต่อ สุดท้ายอย่างที่เหนพอฟอร์มเริ่้มดรอปโดนบีบให้ย้ายไปเล่นมิดฟิลด์ฝั่งขวาเลยย้ายเลย  
ข้อ2 ทำไมไม่เคยได้ยินเลยครับ
ขอแหล่งหน่อยได้ไหมครับ มันดูเกินไปไหม แล้วบาซ่าเป๊ปจะเอาปีโล่ไปทำไม มีชาบี้วางบอล หรือจะตัดเกมจะสู้บุสเก็ทได้หรอ  


https://www.theguardian.com/football/2014/apr/15/andrea-pirlo-pep-guardiola-tried-to-sign-me-barcelona-autobiography

เป๊บอยากเอาไปสลับกับซาบี้ครับทำทุกอย่างเพื่อจะได้เลยอันนี้เป็นแค่ส่วนนึงในหนังสือ ถ้าอยากฟินไปซื้ออ่านเลยครับโคตรมัน ปากอย่างจัด  
โห้ ไม่น่าเชื่อ
กองกลางก็มีดีๆเยอะ ปิร์โล่ไปเป็นสำรองชาบี้หรอ เจ้าตัวจะอยากสำรองหรอ
ชาบี้ อินิเอียสต้า บุสเก็ต ผมยังไม่คิดว่าใครจะแทรกได้เลย  


เป๊บบอกว่าปีร์โล่เป็นน้ำตาลไอซิ่งส่วนผสมสุดท้ายในการแต่งหน้าเค้กให้สมบูรณ์ในทีมเขา ความหมายก็คงไปสำรองจริงๆแหละครับ ผมก็ยังงงไปแล้วจะให้ลงตรงไหน
0
0
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 8594
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 12:14 pm
[RE: AC MILAN]
EnterSandman พิมพ์ว่า:
ZLATAN~ พิมพ์ว่า:
EnterSandman พิมพ์ว่า:
ZLATAN~ พิมพ์ว่า:
EnterSandman พิมพ์ว่า:
P2INCE พิมพ์ว่า:
การบริหาร



ว่าแต่ปีร์โล่มีปัญหาไรรึป่าวกับป๋าแบร์  


สรุปง่ายๆใน3บรรทัด

1. ขัดขวางย้ายไปมาดริดทีมในฝัน
2. ขัดขวางย้ายไปบาซ่ายุคเป้บ(ยื่นมา2ครั้งแอบเอาแฟคไปทิ้งเนียนๆไม่บอกใคร)
3. ที่ไม่ย้ายเพราะแบร์เอาเชคมาให้ใส่ค่าเหนื่อยเองเลย ปีร์โล่คิดว่าสโมสรเห็นคุณค่าตัวเองเลยอยุ่ต่อ สุดท้ายอย่างที่เหนพอฟอร์มเริ่้มดรอปโดนบีบให้ย้ายไปเล่นมิดฟิลด์ฝั่งขวาเลยย้ายเลย  
ข้อ2 ทำไมไม่เคยได้ยินเลยครับ
ขอแหล่งหน่อยได้ไหมครับ มันดูเกินไปไหม แล้วบาซ่าเป๊ปจะเอาปีโล่ไปทำไม มีชาบี้วางบอล หรือจะตัดเกมจะสู้บุสเก็ทได้หรอ  


https://www.theguardian.com/football/2014/apr/15/andrea-pirlo-pep-guardiola-tried-to-sign-me-barcelona-autobiography

เป๊บอยากเอาไปสลับกับซาบี้ครับทำทุกอย่างเพื่อจะได้เลยอันนี้เป็นแค่ส่วนนึงในหนังสือ ถ้าอยากฟินไปซื้ออ่านเลยครับโคตรมัน ปากอย่างจัด  
โห้ ไม่น่าเชื่อ
กองกลางก็มีดีๆเยอะ ปิร์โล่ไปเป็นสำรองชาบี้หรอ เจ้าตัวจะอยากสำรองหรอ
ชาบี้ อินิเอียสต้า บุสเก็ต ผมยังไม่คิดว่าใครจะแทรกได้เลย  


เป๊บบอกว่าปีร์โล่เป็นน้ำตาลไอซิ่งส่วนผสมสุดท้ายในการแต่งหน้าเค้กให้สมบูรณ์ในทีมเขา ความหมายก็คงไปสำรองจริงๆแหละครับ ผมก็ยังงงไปแล้วจะให้ลงตรงไหน  


อารมณ์ประมาณเชสก์มั้งครับ จริงๆ ยุคเป๊บ มีการโรเทตนักเตะอยู่เรื่อยๆอยู่แล้วครับ สำรองก็ได้ลงมากพอสมควรนะครับ
เข้าร่วม: 19 Aug 2008
ตอบ: 2002
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 1:25 pm
[RE: AC MILAN]
lazia23 พิมพ์ว่า:
EnterSandman พิมพ์ว่า:
ZLATAN~ พิมพ์ว่า:
EnterSandman พิมพ์ว่า:
ZLATAN~ พิมพ์ว่า:
EnterSandman พิมพ์ว่า:
P2INCE พิมพ์ว่า:
การบริหาร



ว่าแต่ปีร์โล่มีปัญหาไรรึป่าวกับป๋าแบร์  


สรุปง่ายๆใน3บรรทัด

1. ขัดขวางย้ายไปมาดริดทีมในฝัน
2. ขัดขวางย้ายไปบาซ่ายุคเป้บ(ยื่นมา2ครั้งแอบเอาแฟคไปทิ้งเนียนๆไม่บอกใคร)
3. ที่ไม่ย้ายเพราะแบร์เอาเชคมาให้ใส่ค่าเหนื่อยเองเลย ปีร์โล่คิดว่าสโมสรเห็นคุณค่าตัวเองเลยอยุ่ต่อ สุดท้ายอย่างที่เหนพอฟอร์มเริ่้มดรอปโดนบีบให้ย้ายไปเล่นมิดฟิลด์ฝั่งขวาเลยย้ายเลย  
ข้อ2 ทำไมไม่เคยได้ยินเลยครับ
ขอแหล่งหน่อยได้ไหมครับ มันดูเกินไปไหม แล้วบาซ่าเป๊ปจะเอาปีโล่ไปทำไม มีชาบี้วางบอล หรือจะตัดเกมจะสู้บุสเก็ทได้หรอ  


https://www.theguardian.com/football/2014/apr/15/andrea-pirlo-pep-guardiola-tried-to-sign-me-barcelona-autobiography

เป๊บอยากเอาไปสลับกับซาบี้ครับทำทุกอย่างเพื่อจะได้เลยอันนี้เป็นแค่ส่วนนึงในหนังสือ ถ้าอยากฟินไปซื้ออ่านเลยครับโคตรมัน ปากอย่างจัด  
โห้ ไม่น่าเชื่อ
กองกลางก็มีดีๆเยอะ ปิร์โล่ไปเป็นสำรองชาบี้หรอ เจ้าตัวจะอยากสำรองหรอ
ชาบี้ อินิเอียสต้า บุสเก็ต ผมยังไม่คิดว่าใครจะแทรกได้เลย  


เป๊บบอกว่าปีร์โล่เป็นน้ำตาลไอซิ่งส่วนผสมสุดท้ายในการแต่งหน้าเค้กให้สมบูรณ์ในทีมเขา ความหมายก็คงไปสำรองจริงๆแหละครับ ผมก็ยังงงไปแล้วจะให้ลงตรงไหน  


อารมณ์ประมาณเชสก์มั้งครับ จริงๆ ยุคเป๊บ มีการโรเทตนักเตะอยู่เรื่อยๆอยู่แล้วครับ สำรองก็ได้ลงมากพอสมควรนะครับ  


เป๊บจะเอาปิร์โล่ ไปเล่นยังไงผมก็ไม่รู้

แต่ที่แน่ๆ เป๊บจะได้มิติในเกมใหม่ ที่ทีมไม่มีคือ

1. ลูกตั้งเตะ เมสซี่ยิงฟรีคิกได้ แต่เรื่องการเปิดฟรีคลิก การคลอส ลูกเตะมุมพวกนี้ ผมว่ามั่นใจว่าพวกนี้ปิร์โล่ทำได้ดีกว่า นักเตะบาร์เซโลน่าในยุคนั้น

2. ลูกยิงจากแถวสอง

3. จังหวะสวนกลับ จะอันตรายขึ้นแน่นอน


4. เส้นทางลำเลียงบอลใหม่

ซึ่งที่ว่ามานั้นอาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ เพราะตอนแรกคนก็คาดหวังว่าซลาตันจะไปเพิ่มมิติเกมรุกให้กับ บาร์ซ่า แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นอาวุธที่ไม่จำเป็น
1
0
เข้าร่วม: 23 Sep 2010
ตอบ: 9229
ที่อยู่: The Mistletoe
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 2:36 pm
AC MILAN
กระทู้คุณภาพชัดๆ
0
0
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 8594
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Thu Dec 15, 2016 2:50 pm
[RE: AC MILAN]
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
EnterSandman พิมพ์ว่า:
ZLATAN~ พิมพ์ว่า:
EnterSandman พิมพ์ว่า:
ZLATAN~ พิมพ์ว่า:
EnterSandman พิมพ์ว่า:
P2INCE พิมพ์ว่า:
การบริหาร



ว่าแต่ปีร์โล่มีปัญหาไรรึป่าวกับป๋าแบร์  


สรุปง่ายๆใน3บรรทัด

1. ขัดขวางย้ายไปมาดริดทีมในฝัน
2. ขัดขวางย้ายไปบาซ่ายุคเป้บ(ยื่นมา2ครั้งแอบเอาแฟคไปทิ้งเนียนๆไม่บอกใคร)
3. ที่ไม่ย้ายเพราะแบร์เอาเชคมาให้ใส่ค่าเหนื่อยเองเลย ปีร์โล่คิดว่าสโมสรเห็นคุณค่าตัวเองเลยอยุ่ต่อ สุดท้ายอย่างที่เหนพอฟอร์มเริ่้มดรอปโดนบีบให้ย้ายไปเล่นมิดฟิลด์ฝั่งขวาเลยย้ายเลย  
ข้อ2 ทำไมไม่เคยได้ยินเลยครับ
ขอแหล่งหน่อยได้ไหมครับ มันดูเกินไปไหม แล้วบาซ่าเป๊ปจะเอาปีโล่ไปทำไม มีชาบี้วางบอล หรือจะตัดเกมจะสู้บุสเก็ทได้หรอ  


https://www.theguardian.com/football/2014/apr/15/andrea-pirlo-pep-guardiola-tried-to-sign-me-barcelona-autobiography

เป๊บอยากเอาไปสลับกับซาบี้ครับทำทุกอย่างเพื่อจะได้เลยอันนี้เป็นแค่ส่วนนึงในหนังสือ ถ้าอยากฟินไปซื้ออ่านเลยครับโคตรมัน ปากอย่างจัด  
โห้ ไม่น่าเชื่อ
กองกลางก็มีดีๆเยอะ ปิร์โล่ไปเป็นสำรองชาบี้หรอ เจ้าตัวจะอยากสำรองหรอ
ชาบี้ อินิเอียสต้า บุสเก็ต ผมยังไม่คิดว่าใครจะแทรกได้เลย  


เป๊บบอกว่าปีร์โล่เป็นน้ำตาลไอซิ่งส่วนผสมสุดท้ายในการแต่งหน้าเค้กให้สมบูรณ์ในทีมเขา ความหมายก็คงไปสำรองจริงๆแหละครับ ผมก็ยังงงไปแล้วจะให้ลงตรงไหน  


อารมณ์ประมาณเชสก์มั้งครับ จริงๆ ยุคเป๊บ มีการโรเทตนักเตะอยู่เรื่อยๆอยู่แล้วครับ สำรองก็ได้ลงมากพอสมควรนะครับ  


เป๊บจะเอาปิร์โล่ ไปเล่นยังไงผมก็ไม่รู้

แต่ที่แน่ๆ เป๊บจะได้มิติในเกมใหม่ ที่ทีมไม่มีคือ

1. ลูกตั้งเตะ เมสซี่ยิงฟรีคิกได้ แต่เรื่องการเปิดฟรีคลิก การคลอส ลูกเตะมุมพวกนี้ ผมว่ามั่นใจว่าพวกนี้ปิร์โล่ทำได้ดีกว่า นักเตะบาร์เซโลน่าในยุคนั้น

2. ลูกยิงจากแถวสอง

3. จังหวะสวนกลับ จะอันตรายขึ้นแน่นอน


4. เส้นทางลำเลียงบอลใหม่

ซึ่งที่ว่ามานั้นอาจจะดีหรือไม่ดีก็ได้ เพราะตอนแรกคนก็คาดหวังว่าซลาตันจะไปเพิ่มมิติเกมรุกให้กับ บาร์ซ่า แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นอาวุธที่ไม่จำเป็น  


ลูกยิงไกล ส่วนตัวผมเฉยๆ อาจจะเพราะเคยชินกับสไตล์การเข้าทำของบาร์ซ่าไปแล้ว

ส่วนเรื่องอิบรานี่...ไม่พูดดีกว่าเดี้ยวเคือง55
0
0