lazia23 พิมพ์ว่า:
Spoil
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
identity พิมพ์ว่า:
lazia23 พิมพ์ว่า:
สตาร์ดังๆเยอะมากแต่ก่อน ยุค90นี่ กัลโช่ครองโลกจริงๆ
จริงๆ คือ 80+90+2000 ตอนต้นๆ เลยต่างหาก
(ปล. อาจจะเวอร์ไปนิดนึงนะครับ
)
อ่าครับ 80-90 ถึงต้นๆ2000
ส่วน 2000-ปลายๆ 2009/2010
ส่วน ปัจจุบัน 2010-2016 ลาลีก้าครองโลก
แหม่
ใครจะครองโลกยุคไหน สำหรับผมมันเริ่มมาจาก Tactic Evolution เลยนะครับ
อย่างที่อิตาลี่ ปลายยุค 80 คือ เริ่มพัฒนาจาก
คาเตนัคโช่เดิมๆ
เป็น Zone Press ของมิลาน ที่มีกฎแนวรับกับแนวรุกต้องไม่มีระยะห่างกันเกิน 25 เมตร
ยุคต้น 90 ครัฟฟ์เริ่มปฏิวัติระบบเยาวชนสโมสร ลามาเซีย และปรัชญาการเล่นฟุตบอลแบบบาร์เซโลน่า ยุคใหม่
ต่อมา
ทางด้านอิตาลี่ ก็มีปฎิวัติ บทบาทนักเตะเบอร์ 10 อย่างบาจโจ้ ที่เล่นแนว 9.5 (ก่อนเป็น False 9 ในปัจจุบัน)
บราซิล ก็มีโด้อ้วน กับ โรมาริโอ้
ปฎิวัติรูปแบบการเล่นของกองหน้า คือเป็นกองหน้าที่เล่นนอกกรอบได้ดีขึ้น
ยุค 90 นี่เริ่มเปลี่ยนจาก หลังสามมาเป็นหลังสี่ กันแทบทั้งหมดเลย มีการนำกับดักล้ำหน้ามาใช้เยอะมาก (เริ่มจาก มิลานก่อนเป็นทีมแรก)
พอมายุค 2000
มู เริ่มมาใช้แท็กติกแบบ 4-3-3 หรือ 4-5-1 แบบเน้นเกมรับ เป็นคนแรกๆ ที่ใช้กลางรับสองตัว อิทธิพลของมู ต่อลีกอังกฤษสมัยนั้น ผมว่าพอๆ กับที่เป๊บมีต่อ บอลลาลีก้าเลย ผมยังจำได้ดีว่าสมัยก่อน สยามกีฬาเรียกมูริญโญ่ว่า เฮียเครียด หน้าเป้าเริ่มมีหน้าที่พักบอลให้แถวสองขึ้นมาเติมมากขึ้น
ฝั่งอังกฤษเต็มไปด้วย มิดฟิลที่ยิงแถวสอง ดี
ทางด้าน อิตาลี่
Pirlo ก็ได้ให้นิยามสำหรับ Deep lying Playmaker อะ แนวทางการเล่นของ มิลาน ที่เล่น แบบ Narrow ใช้มิดฟิลตัวทำเกมตรงกลางเยอะๆ
แปลกมั้ย ยูเวนตุสกับอินเตอร์ได้แชมป์ลีกในช่วงนั้นเยอะกว่ามิลาน แต่ทำไมคนกลับพูดถึงมิลานมากกว่า
ก็เพราะรูปแบบการเล่นของมิลานชุดนั้น มันพิเศษกว่าทีมอื่นๆ
เยอรมนี
(เริ่มที่ยุคคลิ้นสมันส์) ก็เริ่มเล่นบอลวันทัช High Speed และเน้นเรื่องฟิตเนสมากขึ้น (มีการสร้างฟิตเนสใหม่ขึ้นมาหลายแห่งในสโมสรแห่งเยอรมนี)
พอ ปลายยุค 2000 /2008+
ก็ยุคเป๊บปฏิวัติ
เมสซี่พัฒนาจาก 9.5 ==> False 9
ใช่ครับการปฎิวัติแทคติคมีผลอย่างมากต่อภาพรวมของทั้งลีก ที่ลาลีก้าผงาดขึ้นมาได้ขนาดนี้ หลายๆคนในวงการก็ขอบคุณเป๊บกัน ทั้งการรื้อทำเพลสซิ่งใหม่หมดจนเป็นต้นแบบและทำให้การเล่นเพลสซิ่งกลับมาบูมอีกครั้ง (ทุกวันนี้ทีมที่เล่นเน้นคุมโซนอย่างเดียวกลายเป็นของหายากในลาลีก้าไปแล้ว) โมเดิร์นฟุตบอลก็เป็นต้นแบบให้หลายๆทีมในลีก และหลายๆทีมนอกลีกด้วย แต่จริงๆก็มีอีกปัจจัยที่ทำให้ลาลีก้าครองโลกก็คือ เมล็ดพันธุ์ลามาเซีย มันแตกหน่อออกผลสมบูรณ์แบบด้วย ส่วนทางฝั่งเมืองหลวง กาแลคติกอส ภาค2 ก็ได้เปเรซที่ชนะการเลือกตั้ง มองเห็นปัญหาของภาคแรก แก้ไขให้มันลงตัวจนแล่นฉิว
เรียกว่าพอ2พี่ใหญ่ของลีกเข็มแข็ง ทีมอื่นๆก็เข็มแข็งตาม ทั้งพี่หมี เซบีญ่า เรือดำน้ำ(เริ่มกลับมาแล้ว) ถึงตัวเก๋าอย่างค้างคาวจะหล่นไปอย่างน่าเสียดายแต่ ก็มีคลื่นลูกใหม่หน้าเก่ามาแทนที่ นอกจากนี้ก็คือการใส่ใจกับรากฐานที่สำคัญที่สุดอย่างอคาเดมี่ ที่มีการแจ้งเกิดของดาวรุ่งอย่างต่อเนื่องไม่ขาดตอน (มีกระทั่งอคาเดมี่สุดโต่งอย่างบิลเบา)
โอเคแหละครับทีมใหญ่จริงๆก็มี3ทีม +กลางค่อนใหญ่อีก3(+1) ไม่เยอะขนาดยุคทองของกัลโช่ แต่2ยักษ์ใหญ่ก็ใหญ่เบิ้มจริงๆ อีกเรื่องที่ผมชอบก็คือบอลเอนเตอเทนดีครับ บอลบุกมันอยู่ในสายเลือดของคนสเปนจริงๆ มีแม้กระทั่ง แพ้ไม่ว่าแต่อย่าอุด ทีมเล็กบางทีมมาเยือนบ้านมาดริด-บาร์ซ่าแท้ๆยังจะบุกสวน(ชนะมั่งแพ้มั่งว่ากันไป) ใจมันได้จริงๆ55
เรื่องฟอลไนท อันนี้ผมไม่แน่ใจนิยามของ9.5นะครับ แต่ของเมส ต้นฉบับฟอลไนทจริงๆ มาจากปู่ครัฟฟ์ ยุค70นู่นเลยนะ(เป๊บเคยบอก) เพราะเมสเองถึงตอนเด็กๆจะเคยเล่นกองกลาง แต่ตั้งแต่เดบิวท์กับชุดใหญ่ก็เล่นกองหน้าตัวริมเส้นเป็นหลัก แต่เนื่องจากเป๊บเห็นว่า -นักเตะที่วิชั่นดีมากขนาดนี้ไม่ควรไปเล่นริมเส้น(วลียอดฮิตของแกละ)
ซึ่งปู่ครัฟฟ์แกก็เคยพูดถึงเรื่องเมสไว้ครั้งนึงเหมือนกันครับ ประมาณ -ผมไม่คิดว่าจะมีใครเล่นตำแหน่งนี้ได้ดีกว่าผม จนกระทั่งได้เห็นเมสซี่เล่นนี่แหละ
ประมาณนี้ครับเรื่องฟอลไนท แต่จริงๆถึงจะบอกว่าเล่นฟอลไนทเหมือนกัน แต่ภาคแทคติคแล้วผมว่าฟอลไนทก็ยังมีหลากหลายรูปแบบย่อยไปอีก จากที่ติดตามดูฟอลไนทคนอื่นๆเล่น
จะว่าไงดีล่ะครับคือ
9.5 กับ False 9 นี่ มันก้ำกึ่งกัน
แต่ False 9 นี่ เหมือนจะเหมาะกับระบบ หน้าเดี่ยว (หรือหน้าสามก็ตาม) ตาม ระบบ Halland
คือระบบนี้ ยังเน้นการทำเกมจาก กองกลางเป็นหลัก ตามความเข้าใจของผม คือตามหน้ากระดาษก็ยืนหน้าเป้านั้นแหละ แต่ชอบลงต่ำลงมาอิสระ ทำเกมกับกองกลางได้
แต่ 9.5 แบบบาจโจ้นี่ ต้องเริ่มจาก หน้าคู่ก่อนครับ
จริงๆ มันคือเบอร์สิบที่เล่นหลังกองหน้า แต่ถูกดันไปเล่นข้างหน้าเสียเอง แต่ก็ยังไม่ใช่หน้าตัวหลักอย่างดี
เพราะจะมีกองหน้าตัวหลักคอยค้ำหรือเป็น Fox in the box อยู่
ที่ผมไม่มองว่า ครัฟฟ เป็นต้นแบบ False 9 เพราะผมถือว่า Total Football จริงๆ ควรจะสลับตำแหน่งกันได้หมดเลย ดังเช่นจะเห็นได้ว่า นักเตะดัชท์หลายคนเล่นได้ดีในหลายตำแหน่งมากๆ ไม่ว่าจะเป็น กุลลิท โคคู หรือ เซดอร์ฟ หรืออย่างเอ็นริเก้ สมัยเป็นนักเตะ ก็เป็นนักเตะสารพัดตำแหน่ง หรือแม้แต่โปรโดก็ดี ซึ่งผมมองว่านักเตะพวกนี้อันตรายที่สุดก็คือการเคลื่อนตำแหน่ง กับตอนไม่มีบอล
ซึ่งผมมองว่านักเตะอย่าง 9.5 หรือ False 9 นี่คือนักเตะที่อันตราบทีสุดตอนมีบอลครับ
อย่างบาจโจ้เอง ตำแหน่งที่ถนัดที่สุด
คือหลังกองหน้านั่นแหละ แต่ด้วยแทคติก สมัยนั้นก็เลยต้องยืนคู่กับกองหน้าอีกตัว เป็นหลักครับ
สมัยที่พี่แจ้ คุมปาร์ม่า (ตั้งแต่ปี 1997 นู่น) บาจโจ้เคยเสนอตัวขอย้ายไปเล่นให้ปาร์ม่า
แต่มีข้อแม้ว่าต้องเล่นในตำแหน่งหลังกองหน้า
แต่เนื่องจากพี่แจ้ ชอบวิธีการทำทีมของซาคคี่มาก(พี่แจ้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมอิตาลี่ ชุดบอลโลก 1994 ที่มีซาดคคี่เป็นเทรนเนอร์ด้วยครับ) และตอนนั้นยึดติดกับ 4-4-2 (แบบมิดฟิลทุกตัวยืนอยู่ในแนวเดียวกัน) จึงบอกบาจโจ้ว่า ต้องเล่นในระบบ 4-4-2 และเป็นศูนย์หน้าเท่านั้น (เน้นทำประตูเป็นหลัก)
สุดท้ายบาจโจ้ เลยปฎิเสธย้ายจาก มิลานไปโบโลญญ่าแทน โดยฤดูกาลนั้นทำประตุได้ตั้ง 22 ประตู และแอสซิสอีกจำนวนมาก (ยิงเกิน 20 ลูก ในกัลโช่สมัยนั้นคือ ปรากฎการณ์)
ด้วยความยุ่งยากของบทบาทของบาจโจ้ในสนามนี่แหละ จึงทำให้บาจโจ้มีปัญหากับผจก. ทีมในสมัยนั้นหลายคน เลยได้รางวัลในระดับสโมสรน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ภายหลัง พี่แจ้ก็เลยยอมรับว่า นี่คือความผิดพลาดที่สุดในการเป็นผู้จัดการทีม (การที่ไม่ยอมเซ็นต์ บาจโจ้ และไม่ยอมให้บาจโจ้เล่นในบทบาทที่ทำเกมได้อย่างอิสระ)
จนภายหลัง มาคุมมิลาน แกให้อิสระทางความคิดนักเตะมากขึ้น จนสามารถใส่ นักเตะที่แต่เดิมเล่นในฐานะ เบอร์ 10 Classic (ปิร์โล่ เซดอร์ฟ สมัยดาวรุ่งแจ้งเกิดในฐานะ 10 Classic ครับ )หลายคน มาเล่นในตำแหน่งที่แตกต่างกัน พร้อมกันได้หลายคน
ส่วนเรื่อง 9.5 ==> False 9 มั้ยอันนี้แล้วแต่มุมมองครับ แต่ถ้าจะถามว่านักเตะคนไหนเล่นได้ไกล้เคียงเมสซี่ที่สุดในยุคก่อน สำหรับผมคือ บาจโจ้แหละ (มาราโดน่า สำหรับผมคือ 10 Classic ตำแหน่งเดียวกันกับ Laudrup คนพี่ ครับ เน้นทำเกมมากกว่า ยิงเอง (มากๆ))