พญานาคฉัพพยาปุตที่น้ำตกไนแองการ่า : หลวงปู่ชอบ ฐานสโม

ก่อนอื่น...ผมต้องขอร้องว่าถ้าใครไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แต่โปรดอย่านึกว่าหลวงปู่ชอบเด็ดขาดนะครับ ผมขอร้อง เพราะท่านเป็นพระอริยะ ถ้าไม่เชื่อก็อย่าอ่านต่อเลย เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลวงปู่ชอบท่านถูกนิมนต์ไปอเมริกาครับ



ชีวประวัติ พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
วัดป่าโคกมน-สัมมานุสรณ์ บ.โคกมน ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
เขียนบันทึกโดย..ครูบากล้วย พระวีระศักดิ์ โพธิสัตย์
จากบันทึก หลวงปู่ชอบ ฐานสโม จำพรรษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ปี ๒๕๓๔

ตอน พญานาคฉัพพยาปุต ที่น้ำตกไนท์แองการ่า

วันอังคาร ที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๓๔ พระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม รับนิมนต์จากลูกศิษย์เมืองบัฟฟาโร่เดินทางไปชม น้ำตกไนท์แองการ่า คณะติดตามองค์ท่านไปชมน้ำตกไนท์แองการ่ามี ท่านเจ้าคุณมหาสมาน วัดธรรมบูชา ท่านเจ้าคุณมหาประสาท วัดสังฆะบูชา พระอาจารย์เฉลียว วรกิจโจ พระอาจารย์แสง จิรวัฒฑโก พระอาจารย์อำนวย กันตจาโร พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท(ครูบากล้วยผู้บันทึก) ลูกศิษย์ฆราวาสติดตามมี คุณแม่จ้อย(อาจารย์จันทน์นวล พรมมาส) ท้าวกุ้ง ชาวลาวสัญชาติอเมริกัน และโยมชาวลาวอยู่เมืองบัฟฟาโร่อีกสี่คนร่วมเดินทางไปชมน้ำตกไนท์แองการ่า..

ออกเดินทางจากเมืองบัปฟาโร่มาที่น้ำตกไนท์แองการ่าใช้เวลาประมาณสี่สิบนาที วันนี้แสงแดดแรงมากจนองค์ท่านหลวงปู่ชอบบอกให้เอาแว่นตากันแดดใส่ให้องค์ท่าน ก่อนถึงน้ำตกไนท์แองการ่าอีกไม่กี่ไมล์เริ่มเห็นไอน้ำลอยฟ่องบนอากาศโยมที่มาด้วยชี้บอกพิกัดของน้ำตกให้องค์ท่านหลวงปู่ชอบดู หลวงปู่ชอบท่านมองดูไอน้ำบนอากาศอย่างสนใจไม่พูดจากับใครจนเดินทางมาถึงน้ำตกไนท์แองการ่า..

ถึงน้ำตกไนท์แองการ่าสังเกตดูองค์ท่านเงียบขรึมไม่พูดจากับใคร ไม่ว่าโยมว่าพระจะถามอะไรองค์ท่านก็ไม่อู้จาด้วย หลังคณะองค์ท่านหลวงปู่ชอบอยู่ที่นี่ได้พักหนึ่งฟ้าที่แจ้งจางปางก็ครึ้มฝน มองดูรอบบริเวณน้ำตกไนท์แองการ่ามีแสงแดดส่องตามปรกติเพียงแต่บริเวณที่หลวงปู่ชอบอยู่เท่านั้นมีเมฆมัวมาจากทางฝั่งประเทศแคนนาดา..

เมฆก้อนนี้ก่อตัวขึ้นมาได้ไม่นานฝนก็ตกลงมาคณะทั้งหมดจึงพากันเข้าไปหลบฝนที่ร้านซูวีเนี่ยขายของที่ระลึกให้กับนักท่องเที่ยว หลบฝนกันอยู่ที่นี่ประมาณสิบนาทีฝนก็ซาเซาแต่เมฆมัวเหนือน้ำตกไนท์แองการ่ายังเค้ารูปแม่เบี้ย ผู้บันทึกท้วงเมฆทรงงูแผ่แม่เบี้ยถูกองค์ท่านหลวงปู่ชอบว่าให้ “ อยู่ซื่อๆแน่อย่าปากหลาย บ่เคยเห็นบ่ (อยู่เฉยๆอย่าพูดมาก ไม่เคยเห็นหรือ) ” องค์ท่านบอกให้เราสำรวมปากสำรวมคำ..

พอฝนหยุดตกพากันออกจากร้านซูวีเนี่ยเลาะชมน้ำตกไนท์แองการ่า เลาะชมน้ำตกไนท์แองการ่าได้ไม่ถึงสิบนาทีฝนก็เทลงมาอีกรอบ ฝนครั้งที่สองนี้ตกหนักยังกับฝนนางแมวเซิ้งบั้งไฟ คณะทั้งหมดจึงพาองค์ท่านหลวงปู่ชอบเข้าไปหลบฝนที่อาคารเช่าชุดนักท่องเที่ยวลงไปชมน้ำตก ระหว่างหลบฝนกันอยู่ที่นี่องค์ท่านบอกกลับเดี๋ยวนี้ เรียนองค์ท่านว่าให้ฝนหยุดตกก่อนแล้วค่อยกลับกัน ถูกท่านว่าให้ “ ย่านอีหยังกับฝน ฝนมันบ่ซึมเข้าไปในใจคนคือกิเลสดอก ”..



พอฝนหยุดตกแล้วคณะที่กลับพร้อมกับองค์ท่านหลวงปู่ชอบมีพระอาจารย์แสง พระอาจารย์อำนวย และโยมชาวลาวเมืองบัฟฟาโร่อีกสี่คน คณะอยู่ชมน้ำตกมีท่านเจ้าคุณมหาสมาน ท่านเจ้าคุณมหาประสาท อาจารย์เหลียว ผู้บันทึก แม่จ้อย ท้าวกุ้ง พากันอยู่ที่น้ำตกไนท์แองการ่าร่วมสองชั่วโมงจึงกลับมาสมทบกับองค์ท่านหลวงปู่ชอบที่บ้านโยมชาวลาวเมืองบัพฟาโร่..

คืนนี้คณะทั้งหมดพากันพักที่บ้านของโยมชาวลาวเมืองบัฟฟาโร่..

หลังทำวัตรสวดมนต์ตอนเย็นแล้วองค์ท่านหลวงปู่ชอบบอกคืนนี้ถ้าใครง่วงก็ให้ไปนอนที่อื่นอย่ามานอนข้างเรา รุ่นพี่แต่ละท่านบอกมื้อนี่เมื่อยหลายกล้วยขอไปพักที่อื่นก่อนรอบดึกถึงจะเข้ามาช่วยดูแลพ่อแม่ครูบาอาจารย์ (ปรากฏรุ่นพี่ไม่มีใครมาซักคน) ตนเองจึงได้อยู่เป็นนายเวรพาพ่อแม่ครูอาจารย์ออกไปจงกรมอยู่ถนนหน้าที่พักจนถึงสี่ทุ่มองค์ท่านจึงบอกเลิกกลับที่พัก..

ระหว่างนวดเส้นถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านถามว่าอยู่น้ำตกท่านเห็นอะไรไหม..

ตนเองถามท่านอยู่ที่นั่นมีอะไรหรือขอรับ

องค์ท่านบอก “ อยู่น้ำตก(ไนท์แองการ่า)มีพวกอินเดียนพวกฝรั่งตายเพราะรบกันอยู่นั่นหลาย พวกนี้พากันมาขอให้เราอุทิศบุญให้ ผู้มีวาสนาต่อกันเรากะโปรดเอาได้ ผู้บ่มีวาสนาต่อกันเรากะโปรดเขาบ่ได้ เราโปรดสัตว์อยู่นั่นให้ไปจุติใหม่เป็นพัน ผู้มีกรรมดีกะได้เกิดเป็นมนุษย์ ผู้มีกรรมบาปหยาบหนามาจองจึงกะได้ไปเกิดเป็นเดรัจฉาน เกิดเป็นกากะมี เกิดเป็นกระต่ายกระรอกกระแตกะมี เกิดเป็นนกเป็นหนูกะมี ผู้บ่มีชนกกรรมนำเกิดกะยังอยู่นั่นอีกต่อไปรอผู้มีวาสนามาโปรดเอาหรือรอพ้นกรรม ”..

องค์ท่านบอก “ อยู่น้ำตกมีพญานาคตระกูลฉัพพยาปุตพ่อลูกขึ้นมาอนุโมทนาบุญตอนเราแผ่เมตตาโปรดสัตว์ผู้ข้องคาอยู่นั่น พญานาคสองพ่อลูกแสดงอนุโมทนาแผ่พังพานบังแดดบันดาลฝน ฝนที่ตกใส่พวกเราคือฝนเกิดจากพญานาคแสดงเทวะฤทธิ์บ่แม่นฝนโลกฤดูกาล พญานาคฉัพพยาปุตเขาเแสดงเทวะฤทธิ์ให้พวกท่านเห็นเป็นพยาน ”..



ผู้เขียนนึกถึงที่ท่านเคยเล่าไว้ครั้งหนึ่งนานมาแล้วว่า คราวหนึ่งท่านอยู่กับหลวงปู่แหวนที่วัดห้วยน้ำริน จังหวัดเชียงใหม่ ปีนั้นเชียงใหม่แห้งแล้งอย่างมาก พวกญาติโยมก็พากันมาอ้อนวอนท่าน ขอให้เมตตา ต้นผลหมากรากไม้จะเหี่ยวแห้งแล้งกันตายหมดแล้ว สวนลำไย นาข้าวจะล่มหมดแล้ว ตุ๊เจ้าไม่ช่วยคงจะแย่ไปตามกัน ท่านทั้งสองเห็นใจญาติโยมที่หน้าแห้งอกไหม้ไส้ขม พากันมาร้องทุกข์ด้วยน้ำตาปริ่มตา ก็ช่วยกันสวดมนต์ขอให้ฝนตก

ท่านเล่าว่า ฝนตกหนักติดต่อกันสามวันสามคืน น้ำท่วมเชียงใหม่ทั้งเมือง "ขอพญานาคเขา เขามาช่วยกันเต็มที่ ทั้งพ่อ ทั้งแม่ ลูกเล็กเด็กแดง ตัวเล็กตัวน้อย ชูคอพ่นน้ำกันเป็นฝอย เต็มไปหมด" จริง...พญานาคมา ฝนก็มา

พอได้ยินหลวงปู่ชอบท่านบอกที่น้ำตกไนท์แองการ่ามีพญานาคตนเองประหลาดใจมากในเรื่องนี้ ถ้าเป็นเรื่องเทพเทวดามากราบเยี่ยมขอฟังธรรมกับองค์ท่านที่ วัดพุทธรัตนาราม เมืองแคลเลอร์ รัฐแท๊กซัส เรื่องนี้องค์ท่านจะบอกให้ทราบแทบทุกวันจนตนเองบันทึกบ้างไม่บันทึกบ้าง แต่วันนี้ตนเองประหลาดใจที่พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านบอกอยู่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมืองฝรั่งมังค่าก็มี “ พญานาค ”..

เรียนถามองค์ท่านว่าทำไมพญานาคถึงมาอยู่ที่อเมริกา ทำไมพวกเขาไม่ไปอยู่ทางเมืองไทยหรือประเทศชาติบ้านเมืองที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา เมืองฝรั่งดั่งโมนิโกรดั่งแมบอย่างอเมริกานี้เขาก็ไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนาเป็นหลักเป็นฐานเหมือนกับพวกเราทำไมพญานาคเขาถึงได้มาเกี่ยวข้องด้วย..



องค์ท่านบอก “ เกี่ยวที่กรรม พญานาคตระกูลฉัพพยาปุตผู้นี้เขาอยู่ที่นี่มาก่อนที่ผู้คนจะเข้ามาอยู่เสียอีก พญานาคอยู่น้ำตก(ไนท์แองการ่า)เขามีอายุได้สามหมื่นปีแล้ว ประเทศอเมริกาพึ่งตั้งมาไม่กี่ร้อยปีเอง ท่านคิดเอาว่าใครมาอยู่ที่นี่ก่อนกัน ”..

คิดตามองค์ท่านประเทศสหรัฐอเมริกาพึ่งตั้งประเทศมาได้ประมาณสองร้อยกว่าปีเศษที่ผ่านมา อายุประเทศชาติบ้านเมืองของเขานั้นไม่เกินกันมากกับ “ กรุงรัตนะโกสินทร์ศรีสยาม ” ของประเทศไทยเรา..

พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านบอก “ ดึกคืนนี้พญานาคฉัพพยาปุตเขาจะพาบริวารมาฟังธรรมกับเรา ให้ท่านสำรวมไว้อย่าเป็นลิงเป็นค่างตามใจตนเอง ถ้าง่วงก็ให้ผิงฝาหลับเอาอย่ามานอนเป็นตะเข้ขวางคลองข้างเราเป็นอันขาดพวกเทพเทวดาเขาจะตำหนิในสมณะสารูปของพระเณรเราเอาได้ ”..

เฝ้าองค์ท่านอยู่ถึงตีสี่กว่าได้ยินเสียงพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเคาะกระโถนดังก๊อกๆบอกสันญาณ ท่านบอกนั่งฐาน(เข้าห้องน้ำ) พาองค์ท่านนั่งฐานเอาผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดหน้าเช็ดตัวจัดโกทาไม้เกียให้องค์ท่านขัดเหงือกแปรงฟัน พาองค์ท่านมานั่งเก้าอี้นวดเส้นถวายกายภาพ ระหว่างนวดเส้นถวายพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านเล่าเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมาให้ฟัง..

ท่านบอก พญานาคฉัพพยาปุต จำแลงเป็นมนุษย์ผู้ชายแต่งกายด้วยผ้าหม้อฮ่อมพาบริวารชายหญิงมาหาเรา พวกนาคาหญิงนั่งทางซ้าย พวกนาคาชายนั่งทางขวา พญานาคฉัพพยาปุตขอให้เราแสดงธรรม “ เปตะพลีบุญ ” ให้ฟัง..

เรียนถามองค์ท่านว่า “ เปตะพลีบุญ ” คือธรรมอะไรหรือขอรับ..

พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านบอก “ เปตะพลีบุญ คือบุญที่เราอุทิศให้กับบรรพบุรุษญาติมิตรผู้เกี่ยวข้อง ต้นทางสายบุญทั้งหลายนั้นเกิดจากจิตที่เป็นกุศล คำว่าจิตเป็นกุศลคือจิตมีปัญญาในการทำความดี บุญทุกอย่างนั้นเริ่มต้นจากเจตนาที่ดีก่อนเปรียบดั่งสาครไหลลงทะเลหลวง บุญกุศลทั้งหลายที่กระทำมานั้นสุดท้ายปลายทางจะไหลลงไปรวมกันที่มหาสมุทรทะเลหลวง นิพพานธาตุ ”..



ท่านบอกพอคณะ พญานาคฉัพพะยาปุต ลาจากไปมีเทวดานางหนึ่งแต่งกายด้วยอาภรณ์นุ่งขาวเข้ามานมัสการองค์ท่าน เทวดาตนนี้บอกท่านว่าข้าพเจ้าเป็นเทวดามาจากสวรรค์ตาวะติงสา(สวรรค์ชั้นดาวดึงส์) นางเทวดาตนนี้บอกองค์ท่านว่าชาติที่แล้วตอนเป็นมนุษย์ตนเองเกิดเป็นคนชาวเมืองอุตรดิตถ์ นางเทวดาตนนี้ทราบจากหมู่เทพเทวดาว่าองค์ท่านจะเดินทางไปเมตตาพุทธบริษัทที่เมืองวอชิงตัน นางเทวดาตนนี้จึงมานิมนต์องค์ท่านให้ไปโปรดลูกสาวเขาที่เป็นคนไทยอาศัยอยู่ในเมืองวอชิงตัน แม่นางเทวดาตนนี้ได้จำแลงรูปร่างหน้าตาลูกสาวเขาให้องค์ท่านเห็นในนิมิต..

คืนนี้ (๑๐ กันยายน ๒๕๓๔) พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านบอก “ เฮาบ่ได้นอนเลยโบ้ย เฮาโปรดสัตว์ภายในภูมิต่างๆอยู่เบิ่ดคืน ตั้งแต่มาจำพรรษาอยู่อเมริกาคืนนี้หมู่เทพเทวดาเขาพากันมาหาเฮาหลายกว่าทุกครั้ง พระยาอินทร์กะมา มื่ออื่นพระยาอินทร์เขาจะพาบริวารมาหาเฮาอยู่วัดญาณรังษี ”..

ท่านบอกความนัย “ ถ่าเฮาชี้มือใส่ผู้ใดให้ท่านเอิ้นเขาเข้ามาหาเฮา ” ตนเองรู้ตามที่องค์ท่านบอกแต่เพียงว่าผู้หญิงคนนี้เป็นชาวไทยอายุ ๖๒ ปี รูปร่างท้วมผิวคล้ำ องค์ท่านบอกถ้าไปวัดญาณรังษีให้สังเกตุคนที่มีรูปร่างวัยแบบนี้เอาไว้ อย่าหนีไปไหนไกลให้อยู่ข้างๆใกล้เรา ..

กำหนดการวันนี้ ๑๑ กันยายน ๒๕๓๔ องค์ท่านหลวงปู่ชอบพร้อมคณะศิษย์เดินทางไป " วัดญาณรังษี " วัดสาขาของ องค์ท่านหลวงปู่เทสก์ เทสรังษี เมืองวอชิงตัน เวลาบ่ายสอง..

บันทึกเมื่อวันพุธ ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๓๔ ที่ เมืองบัฟฟาโร่ USA ครูบากล้วย

ผมมีคำถาม....



พญานาคอยู่มา 3 หมื่นปี....ทำไมอินเดียนแดงที่อยู่มาก่อนหรืออมเริกันในยุคต่อมาไม่มีใครเคยเห็นพญานาค???


...ไม่มีแม้ประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพญานาค

ส่วนตัวผมว่าเพ้อเจ้อครับ
แต่ผมเกรงใจ จขกท บอกว่าคิดไม่เหมือนกันละกัน

นอกเรื่องนิด วิวสวยมาก ยิ่งมีสายฟ้านี่สุดๆเลย

ไม่เชิงว่าเชื่อหรอกนะ
แต่ผมชอบอ่านแนวนี้ พระดังๆหลายท่านมักจะเล่าเรื่อง ที่ได้เคยเจอกับพยานาค ผมอ่านตอนเด็กๆสนุกดี มีหลายท่านมาก ที่เล่าเกี่ยวกับการได้เจอ
ถึีงผมจะไม่เชื่อชอบอ่านเพราะสนุก แต่มีสิ่งนึงที่ผมคิดว่ามันย้อนแย้งคือ ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องไม่จริง แล้วท่านเอามาเล่าไม่ผืดศิลหรอ

ขออนุญาติบอกตรงแบบไม่อ้อมค้อมนะครับ อ่านละตลก พญานาคก็ไม่ต่างอะไรกับมังกรหรอก

คนสมัยนั้นคงไปเห็นกระดูกไดโนเสาร์หรือสัตว์ดึกดำบรรพ์จนเอามาจินตนาการเป็นพญานาค มังกร ทั้งหลายแหล่

เอามาหากินได้ตลอดอะเรื่องแบบนี้

น่าจะบุญไม่ถึงมั้งครับ หลวงปู่ชอบท่านน่าจะบรรลุถึงขั้นพระอรหันต์แล้ว ระดับการรับรู้ของคนธรรมดากับพระอรหันต์คงต่างกันมากๆ

เอิ่ม....พญานาคเป็นเดรัจฉานนะครับ

The first American sea serpent, reported from Cape Ann, Massachusetts, in 1639.

Source: Ellis, R. 1994. Monsters of the Sea. Robert Hale Ltd.

เดี๋ยวหาวันหยุดว่างๆ ผมจะลองขับรถไปดูครับ ว่าจะเห็นสักตัวบ้างหรือป่าว

แต่ไกลชิบ เกือบ 500 ไมล์ จากบ้านตัวเอง

ความหมายของคำว่าพระอริยเจ้าคืออะไรครับในความคิดท่าน พยายามอย่าใส่ความเห็นตัวเองครับเพราะถ้าไม่ถูกต้องตามความหมายจริงๆ จะเสียหายต่อศาสนานะครับ

ไม่แปลกที่ชาวพุทธส่วนใหญ่ไม่เคยฟังเรื่องพญานาค เรื่องผีเทวดา เพราะพระในเมืองที่ท่านกราบไหว้ล้วนยังตัดกิเลสไม่ขาดบ้างก็เรื่องชู้สาว บ้างก้เรื่องเงิน พระพวกนี้เวลาเทศก็วนๆ อยู่แต่เรื่องทางโลกเช่นเป็นคนดีนะหลานๆ เชื่อฟังพ่อแม่นะ อย่าเล่นยาเล่นการพนัน พระเหล่านี้จะไม่มีทางพูดเรื่องพญานาค เทพเทวดา นรก สวรรค์เลย เพราะไม่เคยได้ไปเห็น ไปสัมผัส

เอาจริงๆ ผมก็วัยรุ่นคนนึงนี่แหละ แต่พ่อแม่ผมเขาเติบโตมากับวัดเลยชอบเข้าวัดเข้าวา ผมก็เลยต้องเข้าวัดบ่อย เรียกได้ว่าวันหยุดที่เด้ดๆ ผมต้องไปอยู่วัดละกัน วันปีใหม่สวดมนต์ข้ามคืน นอนวัด วันสงกรานต์ก็ไปอยู่วัดกว่าจะได้เล่นกะเพื่อนก้วันสุดท้าย ก็เลยซึมซับเรื่องทำนองนี้เยอะ

สุดท้ายผมจะบอกแค่ว่าเรื่องความเชื่อมันละเอียดอ่อนมาก ส่วนตัวผมไม่เคยเห็นแต่ก็เชื่อ ใครจะไม่เชื่อก็แล้วแต่เขาครับ ไม่ว่ากัน

เรื่องเล่าแต่พระพุทธกาลก็เคยขึ้นมาบวช จนต้องถามก่อนบวชไงครับว่า มนุสโสสิ ไงครับ

ไนแองการา???

ขอตอบของท่านนะครับเพราะเช้านี้พิมพ์มือถือมันไม่ค่อยสะดวกนัก

เรื่องอินเดียนแดงไม่เห็นผมว่าปกติครับ ลองเราจิตไม่ละเอียดแถมไม่รู้ที่มา

หมายถึงคนถิ่นนั้นไม่ได้รับรู้โลกตามที่เป็นจริง ก็ยากจะสื่อถึงกันได้ครับ

เหมือนหลายๆคนรู้ว่าพรุ่งนี้มีแน่ๆ แต่ให้ยกวันพรุ่งนี้มาแสดงให้ดูก็ทำไม่ได้


เรื่องนี้ผมจั่วหัวตามที่มา อาจดูแรงนิดๆเหมือนอยากยั่วโทสะ แต่ผมเจตนาดีครับ

ทั้งนี้ก็เพื่อความเป็นกลางต่อทุกๆฝ่าย เรื่องนี้ละเอียดจริงๆครับ

อาจโผล่มาผิดจริตบางคนก็ต้องขออภัยท่านด้วยนะครับ

ครั้นจะโพสเรื่องต่างดาวที่มิติพอๆกันช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรใหม่ๆ

ล่าสุดกดๆไปแผล่บดันหมดโควต้าซะงั้น ต้องขออภัยบางท่านครับ-*-

เอาตรงๆ ไม่อ้อมค้อมนะ ไร้สาระ

พระเจ้าสร้างสิ่งๆนี้ขึ้นมาด้วยเหรอ แล้วทำไมถึงไม่มีให้คนทั่วไปเห็น

พระสายปฏิบัติ เคร่งในพระวินัย ไม่โกหก
แต่ บ้างอย่างเป็น ความรู้ได้จาก ญาณ เป็นสิ่งที่พึ่งรู้ได้เอง กรรม ของแต่ล่ะ บุคคล
ปัญญาน้อย กิเลศมาก ก็รับฟัง ใช้ความคิด ติดตาม เอาที่เป็นประโยชน์ ที่เรานำมาปฏิบัติ ได้

ทุกอย่างอธิบายได้ด้วยเหตุผล
พญานาค สัมพันธ์ กับแหล่งน้ำขนาดใหญ่
ชุมชนมนุษย์ ที่อยู่เกื้อกูล ใกล้ชิดน้ำ มักมีเรื่องเล่า งูขนาดใหญ่ สัตว์ตัวใหญ่
แล้วความจริง ยังเป็นจริง แต่สิ่งที่เห็น มาแปลงมา ก็ ตามกรรมแต่ล่ะ บุคคล จะแปลไป

ถ้าจะเจาะจงไนแองการ่าก็ลองไล่ดูนะ
https://en.wikipedia.org/wiki/List_of_reported_lake_monsters
เห็นว่ามีคำถาม ก็เลยลองค้นหาดู แค่นั้น
ข้อมูลทั้งหมดจริงไม่จริงไม่รู้ แต่หาได้ง่ายๆจากgoogle

คนไม่รู้พูดจนตายก็ผิด อย่าความรู้ของคนธรรมดาไปเทียบกับพระอรหันต์เลยครับ เทียบไม่ติด

อ่านไป ผมก็คิดเอาว่า พญานาค หรือสิ่งเร้นลับน่ะมีจริง

แต่สัตว์ที่ท่านบอกเป็นพญานาค
อาจจะเป็นพลังงานบางอย่างที่เป็นลักษณะเหมือน งู

ซึ่งบ้านเรา หรือความเชื่อแบบพุทธ สัตว์ชนิดนั้นคือพญานาค
แต่บ้านเค้า ต่างชาติ ต่างภาษา ต่างศาสนา อาจจะเรียกอีกแบบนึง

การสื่อสารกับพลังงานสิ่งเร้นลับ ก็อาจไม่ได้พูดกันแบบปกติเหมือนเราคุยกัน

ผมว่าเป็นการคุยถึงระดับจิตคุยกันมากกว่า
เหมือนกับท่านโปรดวิญญานเหล่านั้นด้วยธรรมะระดับสูง

โดยใช้จิตในการโปรดสัตว์เหล่านั้น ให้พ้นทุขเวทนามากกว่า

ปล. ตอนที่ผมบวชเคยอ่านจากหนังสือธรรมะเก่าๆจากกุฏินี่แหละครับ

ปล.2 เป็นความเชื่อส่วนบุคคลครับ โปรดใช้วิจารณญาน

เรื่องบางเรื่อง พูดไปก็เท่านั้น เหมือนปลาคุยกับกบไง กบมันขึ้นไปบนบกเล่าว่ามีอะไรต่อมิอะไร ปลาก็ไม่เชื่อ เพราะมันไม่เคยขึ้นไปบนบก

เรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นมันละเอียดอ่อน ไม่ใช่ที่ทุกคนจะมาเห็นหรือรู้เหมือนกันได้ คนไม่เคยเจอกับตัวก็ไม่เชื่อเป็นเรื่องปกติ เจ้าของกระทู้ก็เอาประวิติหลวงปู่มาให้อ่านก็อนุโมทนาด้วยครับ บางทีผมว่าเอาปฏิปทาการปฏิบัติของพระท่านมาให้อ่านจะดีกว่าที่เป็นอภินิหารของหลวงปู่ท่านนะครับ

ปล.ผมนับถือหลวงปู่จามท่านสนิทกับหลวงปู่ชอบ ท่านพ่อลี หลวงปู่ตื้อ ท่านเจ้าคุณจูม และนับถือครูบากล้วยเช่นกันครับ

ปล2. เรื่องอภิญญาถ้ามีคนไปเจอพระที่มีอภิญญาระดับนึงเขาจะรู้เองหล่ะครับว่าเรื่องพวกนี้มีจริง ประมาณว่าแค่ "คุณคิดไม่ต้องพูดท่านก็รู้" แต่ไม่ใช่ไปหมิ่นประมาทเอานะ บาปตายเลย

สุดท้ายคำกล่าวหลวงปู่จาม "นรกไม่เต็มนะ สวรรค์ไม่เต็มนะ บาปมีนะ บุญมีนะ เจ้าสิไปไสคิดให้ถี่ถ้วน"

พระอริยะ ทุกรูป ผมเชื่อทุกรูปครับ เพราะว่าท่านไม่มุสาเเน่นอน


จิตของท่านละเอียดกว่า คน( ปุถุชนทั่วไปเยออะมาก ) กิเลสหนาอย่างเราๆ



ไม่ได้เห็นเเน่นอนครับ ไครไม่เชื่อผมเชื่อ เพราะศึกษาเเละปฎิบิตพุทธมาพอสมควร

ผมไม่รู้ว่ามีจริงไหม แต่ในบทสวดพระธรรมคุณมีบอกไว้ว่า

"ปัจจัสตังเวทิตัพโพ" แปลว่า พระพุทธเจ้าได้แสดงไว้แล้ว ผู้ปฏิบัติพึงรู้ได้ตนเอง จึงพิสูจน์ไม่ได้

ถ้าอยากรู้ว่าจริงไม่จริงก็ลองไปปฏิบัติดูครับ

ปล.ไม่ต้องบอกให้ผมลองไปปฏิบัตินะครับ ผมบอกเลยว่าไม่ไป เพราะนี่ไม่ใช่เป้าหมายชีวิตผม

สัตว์เดรัจฉานธรรมดาไม่มีอิทธิฤทธิ์ครับ พญานาคน่าจะเป็นเทพกึ่งสัตว์เดรัจฉานมากกว่า

ไม่แปลกที่คนธรรมดาที่จะมองไม่เห็น พญานาคเป็นสัตว์ในโลกทิพย์ การที่จะเห็นโดยตาธรรมดานั้นย่อมมองไม่เห็น ต้องใช้ตาทิพย์ ขออนุญาตนำคำพูดขององค์พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงปู่หาที่ท่านเคยพูดให้ฟังว่า

(ตัดเฉพาะ)
หลวงปู่ ; (หลวงปู่ยกขวดนมเปรี้ยวชนิดหนึ่งขึ้น) ในนี้มีอะไรคุณ

โยม ; แลคโตบาซิลลัส เจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; ไอ้ ลัดๆ นี่มันคืออะไร

โยม ; ภาษาเค้าเจ้าค่ะ คือเบคทีเรีย เป็นสัตว์ตัวเล็กๆเจ้าค่ะ

หลวงปู่ ; ทำไมคุณรู้ว่ามีหล่ะ

โยม ; ก็นักวิทยาศาสตร์เขาใช้กล้องส่องดูเจ้าค่ะ ดูด้วยตาเปล่าๆ ไม่เห็น

หลวงปู่ ; เออ การดูของแบบนี้ต้องใช้อุปกรณ์ดู ดูพญานาคก็ต้องใช้อุปกรณ์ดู
นาคเป็นสัตว์ในโลกทิพย์ ก็ต้องใช้ตาทิพย์ดู ไม่มีตาทิพย์ก็ไม่เห็นของทิพย์
ไม่มีหูทิพย์ก็ไม่ได้ยินเสียงทิพย์ ไม่มีกายทิพย์ก็ไม่ได้ไปโลกทิพย์
เราไม่เห็นก็ไม่ได้แสดงว่าไม่มี
..............

กราบสาธุครับ

นี่ก็เพ้อเจ้อครับ พระจ้งพระเจ้ามีที่ไหน

ผมก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะว่ามีไหม แต่ก็อยากรู้ว่าทำไมคนกว่าครึ่งโลกเขาคิดว่ามี

ทั้งคริสต์ อิสลาม ยิว แล้วเราฉลาดกว่าเขาหรอ คิดว่าท่านน่าจะเป็นพุทธน่ะ

ผีมีจริงไหม ทำไมเราไม่เห็น แต่คนอื่นเห็น เราจะว่าไมมีหรือ??? ในประเทศไทยมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีเต็มไปหมด แต่...ต่างประเทศก็มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับผีเต็มไปหมดเหมือนกัน ทำไมมันคล้ายกัน ของบางอย่างมันมีอยู่แต่เราไม่สามารถรับรู้ได้ก็มีครับ อยากรู้อยากเห็นสิ่งไหนให้ใส่แว่นตาชนิดนั้นดู อย่าใส่แว่นตาชนิดเดียวแล้วคิดว่าเราเห็นทุกสิ่งครับ

เเล้วปัจจุบัน ที่ศาสนาท่านกล่าวมา มันสงบใหม ต่างคนต่างความเชื่อ ถ้าไม่เชื่อพุทธเชื่อพระเจ้า

ก็ไม่ต้องเม้นท์ก็ได้ เพราะไงคำตอบท่านมันก็เเย้งกับพุทธอยู่เเล้ว คนที่ไม่ปฎิบัติก็ไม่มีวันรู้หรอก มีเเต่อ้อนวอนขอพระเจ้า พุทธเน้นสอนให้ปฎิบัติทางจิต ไม่ใช่ให้เชื่อพระเจ้าเเบบศาสนาอื่นครับ คนครึ่งโลกที่เขาเชื่อ ก็เป็นความเชื่อของเขา ไม่ได้เกี่ยวครับว่า ถ้ามีคนเชื่อว่าพระเจ้ามีจริง เยอะกว่าคนไม่เชื่อ เเล้วพระเจ้าจะมีจริงชีวิตจะดีเสมอไป


ไม่ว่าศาสนาไหน ถ้าทำชั่ว ชีวิตก็ไม่เจริญหรอก เเม้พระเจ้า หรือพระพุทธเจ้า ก็ช่่วยไม่ได้ ถ้าทำเเต่ความชั่ว

เอิ่มมมม ผมตอบเม้นของคนนั้นน่ะ ที่เขามากล่าวหาว่าเรื่องพระเจ้าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อนี่สมควรหรอ

ลองนึกถึงในมุมของศาสนาอื่นที่เค้าเชื่อในพระเจ้าถ้ามีคนมาบอกว่าสิ่งที่คุณยึดเหนี่ยวจิตใจเป็นเรื่องเพ้อเจ้อจะรู้สึกยังไง

ผมก็ตอบไปปกติไม่ได้พาดพิงอะไรถึงพุทธเลย แล้วคุณมาอะไรกับผมมาบอกว่าไม่ต้องเม้นก็ได้ทำไม

นี่ขนาดเชื่อคำสอนยังไม่รู้จักปล่อยวางเลย เรื่องแค่นี้ยังจะขึ้นอีก

หาแล้วครับ....ไม่เจอครับ

พระไตรปิฏกก็บอกว่า นาคเป็นเดรัจฉาน....ยังจะให้เป็นเทพอีกหรอ

ไม่รู้เหมือนกันถ้ามี ทำไมคนทั่วไปถึงไม่เห็น

เรื่องแบบนี้มันเป็น อจินไตย นะครับ....ถ้าจะคิดแบบพุทธ


แต่ถ้าจะคิดแบบคนทั่วไปเป็นกลางแม้ไม่มีศาสนามาคุยกัน...มันเหมือนชี้หน้าบอกว่าก็พวกเอ็งไม่มีบุญ


วันพรุ่งนี้มองไม่เห็นทุกคนรับรู้ได้โดยไม่ต้องใช้บุญกุศลครับ...ใครๆก็รู้วันพรุ่งนี้จะมาถึง

แม้คนกำลังจะตายก็รู้ว่าวันพรุ่งนี้มีจริงๆ...ไม่จำเป็นต้องยกมา figure อะไรทั้งนั้น

O2 มีจริงๆไหม....เคยเห็น O2 ไหม....มันก็ง่ายๆแบบนั้นแหละครับ

นี่มิใช่เรื่องอจินไตยครับ อจินไตยหมายเอาเรื่องที่เหนือวิสัยคนทั่วไปจะทำได้เท่านั้น

สำหรับการมองเห็นมิติอื่นๆ เช่น ดวงดาวที่ห่างไกล ก็ต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงขึ้น

ส่วนเรื่องในโลกเช่นภพภูมิอื่นๆนอกเหนือจากสายตาคนธรรมดาจะมองเห็น

เช่น ผี บางคนเคยเห็นมาแล้วก็บอกมี บางคนเกิดมาไม่เคยเจอเลยก็ว่าไม่มี

เรื่องเห้นไม่เห้นอยู่ที่กำลังใจในการทำสมาธิครับ ผมหมายถึงความแน่วแน่นะครับ

ใครที่สมาธิต่อเนื่องจิตใจย่อมละเอียดขึ้นๆจนสามารถมองเห็นความละเอียดในภพภูมิอื่นๆ

เวลานี้มีคนทั่วไปทำได้เป็นแสนๆไม่ถือเป็นเรื่องแปลกครับ พระท่านไม่เคยปฏิเสธว่าไม่มี

สิ่งเดียวที่ท่านบอกกับผู้ที่ยังสงสัยคือให้มาปฏิบัติดูเถิด เรื่องนี้พิสูจน์ได้ไม่ยากครับ

ถ้าเราเอาจริงเอาจังเพียงเท่านั้น หากจิตใจมั่นคงไม่ทอดธุระรับรองทุกคนทำได้แน่ครับ

ที่คุณว่ามานั่นแหละครับอจินไตย.....มันไม่ใช่วิสัยคนทั่วไปจะเห็นหรือจับต้องได้


มันเหมือนศรีธนญชัยเวลาไปคุยกันโต๊ะกลาง....ศาสนาไหนอยากเห็นมาปฏิบัติแบบพุทธสิ

ผมคิดว่าท่านที่ไม่เชื่อหรือไม่เห็นด้วยสามารถที่จะคิดได้นะครับ แต่ไม่ควรอย่างยิ่งกับการว่ากล่าวต่อพระอริยสงฆ์ ทั้งใจและวาจาครับ

แล้วที่มาบอกว่าเพ้อเจ้อนี่..........

คนโตๆกันแล้วเค้าไม่พูดอย่างนั้นนะเพราะเรื่องของศาสนามันเป็นเรื่องสำคัญ ละเอียดอ่อน

ถ้าผมตีความคุณผิดผมก็ขอโทษด้วย

การทำสมาธิแม้ผู้ไม่มีศีลไม่มีศาสนาก็ทำได้ครับ มิได้หมายถึงต้องทำแบบพุทธเท่านั้น

เรื่องอจินไตยเป็นวิสัยของพระพุทธเจ้า พระอริยะเจ้า เป็นมุมมองของท่านที่พ้นโลกแล้ว

แต่การเห็นมิติอื่นๆแม้ผู้ที่มิได้ทำตนเพื่อความหลุดพ้นก็ยังมีโอกาสรับรู้มองเห็นได้ครับ

เหมือนกับคนที่ไม่เคยไปดวงจันทร์แต่เราก็มีโอกาสมองเห็นเนื้อแร่ดินหินจากดวงจันทร์ได้

ทั้งนี้อาจมาจากวิดีโอที่เขาบันทึกมา หรือบางคณะก็ได้นำก้อนแร่นั้นกลับมายังโลก

หรือบางครั้งตรวจพบก้อนหินประหลาดที่ไปๆมาๆก็มีคนบอกเราว่ามาจากดาวดวงอื่นนั่นเอง

ที่ผมจะสื่อก็คือเรื่องเหล่านี้ล้วนมีวิธีการในการเข้าถึงครับ มิใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมของปุถุชน

มานะของผมก็คือความผิดหวังที่ทำไมพวกเราไม่ลองพยายามกันทั้งๆที่วิธีการนั้นมีอยู่มาก

ยุคนี้ทุกๆคนต่างเข้าถึงข้อมูลทุกชนิดที่ตนเองอยากรู้หากแต่ทำไมเราไม่พยายามกันเลย

การเอาชนะกันด้วยวาจาสุดท้ายผลลัพธ์ที่ได้ก็มีเพียงอากาศมิอาจจับต้องอะไรใดๆได้

ส่วนการพิสูจน์ทั้งในเรื่องนี้คือความพยายามปรับปรุงจิตใจตนให้ละเอียดขึ้นเรากลับละเลย

บางคนให้เหตุผลคือไม่สนใจ แต่กลับเอาความใส่ใจไปพุ่งใส่เรื่องอะไรที่ทำให้ใจเร่าร้อน

หนทางการรับรู้มิติที่ละเอียดกว่าคือการทำให้ใจสงบ ละเอียด หลีกหนีธรรมฃาติอันลามก

ส่วนนี้ดูจะขัดกับกิเลสในใจเราที่พยายามยุให้ตนขนแต่ความอยากภายนอกมารุมสุมใจเสมอๆ

เมื่อจิตใจคนเรารุ่มร้อนด้วยไฟแห่งความอยากทั้งกลางคืนและกลางวันมันจึงยากที่จะรับรู้ได้

คนโบราณเน้นหนักเรื่องความสงบใจ 7ค่ำ8ค่ำ14ค่ำ15ค่ำไม่ว่าขึ้นหรือแรมเราต้องห่างกามคุณ

ท่านว่าใครทำได้เทวดาก็รักษา คนสมัยนี้อาจมองเป็นอุบายเพื่อให้ใจสงบซึ่งยุคก่อนเป็นทั้งคู่

คือเป็นทั้งคู่ทฤษฏีและปฏิบัติคือคนที่ทำใจก็สงบพอใจสงบก็มองเห็นสิ่งที่ปกติตนรับรู้ไม่ได้

ที่พิมพ์มาทั้งหมดมีใจความอยู่ที่วรรคท้ายๆเรื่องการถอนใจจากไฟร้อนสักระยะเท่านั้นครับ

อจินไตย คือ สิ่งที่ไม่ควรคิด หรือหมายถึง สิ่งที่ไม่มนุษย์ทั่วไปไม่อาจเข้าใจได้ด้วยตรรกะสามัญปุถุชนธรรมดา

พุทธวิสัย วิสัยแห่งความมหัศจรรย์ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ฌานวิสัย วิสัยแห่งอิทธิฤทธิ์ของผู้มีฌาน ทั้งมนุษย์ และเทวดา
กรรมวิสัย วิสัยของกฎแห่งกรรม และวิบากกรรม คือการให้ผลของกรรมที่สามารถติดตามไปได้ทุกชาติ
โลกวิสัย วิสัยแห่งโลก คือการมีอยู่ของสวรรค์ นรก และสังสาระวัฏ[1]


2. ฌานวิสัย คือ วิสัยของฌาน
จิตนั้นมนุษย์ก็มีอยู่ด้วยกันทุกๆ คน แต่มนุษย์ปุถุชนก็ไม่เคยรู้จัก
ไม่เคยเข้าใจธรรมชาติของ

จิต และการทำงานของจิตของตนเองเลย แม้แต่ความฝัน ตัวเองก็ฝันอยู่
แต่ก็ไม่เข้าใจความฝันนั้น ความรู้เรื่องจิตที่มีอยู่

ในตัวเองหรือที่เป็นตัวเองนี้ มีน้อยอย่างยิ่ง ทีนี้ สภาพจิตที่เป็นฌานนั้น
เกิดจากสมาธิที่แน่วแน่ถึงขั้นที่เรียกว่า อัปปนา เป็น

ประสบการณ์ที่เกิดจากการฝึกฝนพัฒนาจิต
ยิ่งรู้เข้าใจยากกว่าสภาพจิตสามัญ คนทั่วไปจึงไม่อาจคิดให้รู้เข้าใจได้ เป็น

เรื่องที่ต้องฝึกฝนพัฒนาขึ้นมา
แต่ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนอาจรู้เข้าใจได้ มิใช่ด้วยการคิด แต่ด้วยการทำเอา




ตรงกับที่คุณว่ามาเป๊ะว่าจะเห็นพญานาคต้องทำสมาธิ บลาๆๆๆ....มันจะไม่ใช่อจินไตยได้อย่างไร

มาถึงต้องนี้ผมก้คงต้องขออภัยที่ตีความหมายอจินไตยผิดไป

เพราะหมายเอาเพียงวิสัยของพระพุทธเจ้าและพระอริยะเจ้าเพียงเท่านั้น

ส่วนหนทางอื่นๆก็อย่างที่ผมว่าไว้คือให้ลองปฏิบัติกันดูซึ่งส่วนตัวผมมองว่าเป็นของไม่หนัก

เราทุกคนล้วนมีบารมีมากจึงได้เกิดเป็นมนุษย์อันหมายถึงผู้มีใจสูงจากกิเลสเครื่องร้อยรัด

บารมีแปลว่ากำลังใจ เป็นกำลังใจที่ทำให้ใจเข้มแข็งจากเรื่องร้อนใจในโลกตรงนี้คือบุญ

บุญหมายถึงความบริสุทธิ์แห่งจิต สำเร็จบุญได้ต้องเริ่มจากทำใจให้สงบ เมื่อใจสงบศีลเราก็สงบ

ศีลแปลว่าความปกติของใจ เมื่อเราไม่สร้างเหตุให้ใจเร่าร้อนจิตย่อมมีการรับรู้ในวิสัยของมนุษย์

สุดท้ายนี้ผมเพียงอยากย้ำว่าทุกคนมีโอกาสทำได้ไม่ยากครับ คนเราเคยดีมาก่อนเคยใจสูงมาก่อน

โลกปัจจุบันอาจแวดล้อมด้วยสิ่งมอมเมาทุกทางแต่ทุกคนเลือกหาทางเดินของตนได้ครับ

เราทุกคนต่างเคยมีดวงจิตที่สว่างมาก่อนที่จะเติบโตจนถูกเมฆหมอกสีดำเข้าปกคลุมใจ

และทุกคนก็ยังคงมีโอกาสกลับมามีใจสว่างได้อีกครั้งก็ด้วยความตั้งใจของเรานี้เองครับ

ครับ ไม่เป็นไร

ดูทะเลสาบที่เชื่อมกับไนแองการ่านะ หรือว่าต้องกลางน้ำตกเลย?

ถ้าคิดว่ารู้ว่ามีข้อมูลแปะมาเลยดีกว่าครับ.....แซะไปแซะมาไร้สาระครับ

แปะไปแล้วนะ แต่ดูไม่เป็นเอง นึกว่าจะความพยายามหาคำตอบให้กับคำถามตัวเองบ้าง
ถ้าเห็นว่าไรสาระก็ปล่อยผ่านเลย ไม่ได้จะมางัดอะไรด้วย

ผมบอกแล้วว่าหาแล้วไม่เจอ.....หรือหาไม่เจอเหมือนกัน แค่อยากคุย???

ดูที่lake ontarioนะ หาคำตอบมาให้ยังหาว่าแซะอีก

Lake Ontario. มี kingstie กับ dragon fire


ไหนครับพญานาค....หรือแบบนี้ก็เอาด้วย

ฝรั่งมันคงไม่เรียกพญานาคหรอกนะ นึกว่าอยากได้คำตอบจริงๆ เสียเวลาชิบ

โถพ่อคนเก่ง....ทร่อยากบอกว่าเสียเวลาอะผมไม่ใช่คุณ

นึกว่าจะมีข้อมูลอะไรมาโชว์สรุปมโนเอาเอง....โคตรเลอะเทอะ



พญานาคฝรั่งเขาเรียก Naga หรือ The Serpent. .....ถ้าไม่รู้ทีหลังอย่าทำโชว์แต่กลวงอีกนะครับ


นี่ยังจะกล้าแถว่าฝรั่งคงไม่เรียกพญานาค.....ถามจริงแถไม่อายบ้างหรอ ฝรั่งเขาไม่กลัวอิทธิฤทธิ์พญานาคบ้าบออะไรหรอกถึงจะไม่กล้าเรียก ขรรรม

โถพ่อคนเก่ง....ทร่อยากบอกว่าเสียเวลาอะผมไม่ใช่คุณ

นึกว่าจะมีข้อมูลอะไรมาโชว์สรุปมโนเอาเอง....โคตรเลอะเทอะ



พญานาคฝรั่งเขาเรียก Naga หรือ The Serpent. .....ถ้าไม่รู้ทีหลังอย่าทำโชว์แต่กลวงอีกนะครับ


นี่ยังจะกล้าแถว่าฝรั่งคงไม่เรียกพญานาค.....ถามจริงแถไม่อายบ้างหรอ ฝรั่งเขาไม่กลัวอิทธิฤทธิ์พญานาคบ้าบออะไรหรอกถึงจะไม่กล้าเรียก ขรรรม






เอ้าพ่อคนเก่ง....หายไปไหนละจ้ะ มาโชว์ของต่อสิจ้ะ