คืนบาปพรหมพิรามจุดต่ำสุดความเป็นมนุษย์
ย้อนรอยคดีคืนบาปพรหมพิราม คดีที่สะท้อนถึง จุดต่ำสุดของความเป็นมนุษย์ คดีนี้เป็นคดีโทรมหญิงที่มีผู้ต้องหามากที่สุดในประวัติอาชญากรรมของไทย
คืนบาปพรหมพิราม เรื่องเกิดขึ้นเมื่อราวปี พ.ศ. 2520 ผู้ถูกกระทำเธอเป็นคน บางกระทุ่ม จ พิษณุโลก มีสามีและลูกชาย 1 คน ครอบครัวน่าจะเป็นสุขดี แต่แม่ผัวไม่ชอบเธอเพราะเธอมาจากครอบครัวที่ยากจนกว่าและเกรงว่าเธอจะมาเกาะลูกชายกินจึงไล่ให้ลูกชายไปทํางานที่จังหวัดอุตรดิตถ์ หวังจะแยกเธอกับสามี แม่ผัวพยายามผลักไสไล่ส่งเธอตลอดเวลาแต่เธอก็อดทนรอเรื่อยมาจนกระทั่งสามีของเธอติดต่อและส่งที่อยู่ที่ จ อุตรดิตถ์ มาให้ทําให้แม่ผัว เธอ โกธร มาก เธอจึงตัดสินใจที่จะไปตามหาสามีที่อุตรดิตถ์แม่ผัวจึงออกอุบาย แสร้งทําเป็นหวังดีแต่ประสงค์ร้ายฝากเธอไปกับคนขับรถบรรทุก แล้วบอกคนขับที่เคยแอบชอบเธออยู่ว่าแกจะเอามันไปทิ้งไว้ที่ไหนก็ได้นะแล้วแกจะปลํ้ามันก็ได้นะคิดซะว่าเป็นค่ารถอย่าให้มันกลับมาเลยได้ยิ่งดี
คนขับรถบรรทุกเป็นคนแรกที่ข่มขืนเธอแล้วมันเอาเธอไปทิ้งไว้ที่สถานีรถไฟ พิษณุโลก โดยเธอไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว เธอเลยขึ้นรถไฟเที่ยวขี้นพิษณุโลก เชียงใหม่ โดยไม่มีตั๋วแล้วถูกนายตั๋วไล่ลงที่สถานีพรหมพิราม
ขณะที่เธอยินเก้ๆกังๆไม่รู้จะทําอย่างไรก็ดีตาแหยม ชายวัยกลางคนที่เคยต้องโทษคดียาเสพติดชาวบ้านไม่ค่อยคบหาสมาคมด้วยเข้าไปชักชวนเธอให้ไปค้างที่บ้านที่ท้ายหมู่บ้านก่อนเธอไม่มีทางเลือกเพราะฟ้าเริ่มมืดแล้ว และเธอก็ไม่รู้จักใครที่นี้ตาแหยมทิ้งให้เธอเฝ้าบ้านคนเดียวแล้วขอตัวไปทําธุระที่ หมู่บ้านอื่นคืนนั้น กลุ่มวัยรุ่นลูกชายของผู้ใหญ่บ้านมาสูบกัญชาที่บ้านของตาแหยมเมื่อเมาได้ที่พวกมันข่มขืนเธอเป็นกลุ่มแรกข่าวลือเรื่อง ไก่หลง แพร่สะพัดออกไป พวกหมาป่าหื่นกามมุ่งหน้าสู่บ้านตาแหยม
พวกมันข่มขืนเธอบนแคร่ บนเนินดิน บนหนองนํ้า เธอหนีหัวซุกหัวซุนแต่ไม่ว่าเธอจะหนีไปทางไหนก็มีแต่มนุษย์กระหื่นจ้องขยํ้าเธอไปซะทุกที ว่ากันว่าเธอพยายามกระยิ้มกระสนไปที่สถานีรถไฟเพื่อจะได้ไปให้ทันรถไฟเที่ยวขี้นแต่เธอไปไม่ถึง ในหนังสือบอกว่าพบศพเธอในสภาพที่บอบช้ามาก แต่ในความจริงโหดร้ายยิ่งกว่าเพราะในข่าวหนังสือพิมพ์ที่ทําข่าวของเธอบอกว่า เธอถูกรถไฟชนขาด 3 ท่อน จริงๆแล้วน่าจะเรียกว่ารถไฟทับมากกว่า เพราะเธอถูกพาดวางกับรางรถไฟ โดยคนร้ายที่ข่มขืนเธอเกิดกลัวความผิดแล้วออกตามหาเธอแล้วมาเจอเธอที่รางรถไฟมันทําร้ายเธอแล้วเอาเธอวางกับรางรถไฟแกล้งทําเป็นอุบัติเหตุ จากรูปการณ์แล้วน่าจะเป็นอุบัติเหตุ เพราะเธอไม่มีญาติมาร้องทุกข์ชาวบ้านและกลุ่มคนร้ายก็ไม่ให้ความร่วมมือ แล้วพยายามเบี่ยงเบนคดี
แต่ตํารวจไทยก็เก่งฉกาจรื้อฟื้นคดีมาใหม่ จากคดีซับซ้อนซ่อนเงื่อนไขคดีจนสามารถจับกุมผู้ร้ายได้เกือยทั้งหมดว่ากันว่า คดีนี้เป็นคดีโทรมหญิงที่มีผู้ต้องหามากที่สุดในประวัติอาชญากรรมของไทย และเป็นที่น่าสังเวชใจของผู้พบเห็นมาก เพราะผู้ต้องหามีทุกวัย ตั้งแต่เด็ก หนุ่มเพิ่งแตกพาน วัยหนุ่ม วัยกลางคน วัยชรา และบางคนเป็นพ่อ ลูกกันด้วย ญาติของผู้ต้องหาแห่กันมาโรงพักมากกว่างานวัดประจําปีเสียอีก และที่น่าอนาถแม้แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐคือผู้ใหญ่บ้าน แทนที่จะช่วยเหลือเธอกลับทําทารุณกลับเธอซะอีก ตามคําให้การ บอกว่า ข ณะที่พวกมันกระทํากับเธอ ๆ ไม่มีแรงแม้แต่แรงที่จะต่อสู้ ร่างของเธอสั่นเทาไปด้วยความเจ็บ ปวด จะมีก็ มีแต่เสียง แผ่วเบา พูดซํ้าไปซํ้ามา ว่า อย่าทําชั้นเลย ชั้นกลัวแล้ว ปล่อย ชั้นไปเถอะ และที่น่าสมเพทมากไปกว่านั้น มันข่มขืนเธอจนสลบ
พวกมันคิดว่าเธอตายแล้ว มันจะเอาเธอไปเผาทําลายหลักฐาน โดยว่าจ้างสัปเหร่อให้เผาภายในคืนนั้น ในขณะที่สัปเหร่อกําลังทําความสะอาดร่างของเธอ ๆ ฟื้นขึ้นมา พวกมันข่มขืนเธอ บนที่เผาศพ ไม่รู้ตอนนั้นผีห่าตัวไหนเข้าสิง พวกมันทําไปได้อย่างไรกับสภาพร่างกายที่บอบชํ้าขนาดนั้น ตํารวจจับคนร้ายได้มากกว่า 30 คน โดยแยกเป็นกลุ่มที่กระทําชําเรา และ กลุ่มที่ ฆาตกรรมเธอ คงมีอีกหลายคนที่เกี่ยวข้องและยังมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะลูกชายของเธอที่ตอนนี้คงโดเป็นผู้ใหญ่แล้วเค้าจะคิดอย่างไรที่เรื่องราวอันน่าอัปยศที่เกิดกับแม่อย่างนี้
สุดท้ายของคดีนี้ ผู้ที่ถูกจับคำเนินคดีกลับกลายเป็นชายขอท่านเร่ร่อนที่สร้างเพิงนนอนอยู่ข้างทางรถไฟคดีดังกล่าวนี้คือ ความอัปยศของชาวพรหมพิรามครับ ผู้ต้องหาอายุน้อยที่สุดในคดีคือ 9 ขวบ มากที่สุด 65
ที่มาข้อมูล
http://pantip.com/topic/33288309
ข้อความพาดหัวข่าวหน้า1นสพ.ไทยรัฐ 29ส.ค.2520
เรียงคิว 30 คน ฆาตกรสารภาพเผยนาทีฆ่าโหด "จับสาวให้ม้าเหล็กขยี้"
เผยสาวหัวขาดคดีข่มขืนโหด ผั..วยืนยัน30คนเถื่อนโทรมเมียตาย
รองนายกระบุข่มขืนสาวให้รถไฟทับโหดร้ายทารุณ"ไม่พ้นม.21แน่"
สั่งย้ายที่คุมขัง 8 มนุษย์บ้ากามพบแผนแหกโรงพักหนีคดีข่มขืนโหด
มีหลักฐานชิ้นหนึ่งที่ทำให้ตำรวจไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ คือ เหล่าทรชน ได้ทำพิธีทางไสยศาสตร์เพื่อสะกดวิญญาณศพด้วย