ผู้ตั้ง
ข้อความ
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 6171
ที่อยู่: KU
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 10:43 am
ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"


ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"




http://pantip.com/topic/35603586

ปล. พอมาอ่านเรื่องนี้แล้วนึกถึงตอนเด็กๆ ที่ขอแม่เรียนวนศาสตร์ แล้วแม่บอกว่า
ถ้าหาค่าเทอม ค่ากินเองได้ เอาเลยลูกแม่สนับสนุนเต็มที่ แต่ถ้าจะขอตังแม่ แม่ขอ
เป็นเกษตร / ประมงนะ สุดท้ายก็ไปเรียนวิทยาแทน แต่ก็ตังแม่อยู่ดี ปัจจุบันก็
จบมาทำงานได้จะสองปีละ แม่ก็บอกว่าบุญคุณไม่ต้องทดแทนก็ได้ ไม่ต้องมาเลี้ยง
พ่อกับแม่ตอนแก่หรอก แค่ขอ 7แสนที่ใช้ตอนเรียนมหาลัยคืนก็พอ ตอนอนุบาล-
มัธยม กับค่าเรียนพิเศษ ค่าเรียนว่ายน้ำ ไม่ต้องคืนก็ได้ แบบนี้ผมขอเป็นหนี้บุญคุณ
พ่อแม่ต่อดีกว่า

0
0
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2176
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 10:56 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
สิ่งนึงที่ผมจะทำกับลูกคือ ถ้าอยากเรียนอะไรเรียนไปเลย ไม่บังคับ

เพราะตัวเองโดนบังคบแล้วมาอยู่ในคณะที่ไม่ชอบไม่ถนัดเลย

เลยรู้สึกว่า เราต้องทำงานสายแบบนี้ไปตลอดชีวิตเลยหรือเนี่ย
เข้าร่วม: 12 Aug 2014
ตอบ: 7243
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 10:59 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
คนไทยยึดถือเรื่องความกตัญญูครับ ถ้าใครเรียนจบแล้วมีงานทำแล้ว สามารถทดแทนบุญคุณพ่อแม่ได้ก็ทำเถอะครับ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่เป็นภาระให้ท่าน
เข้าร่วม: 31 Oct 2014
ตอบ: 6160
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:00 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
ไม่รู้สิ ไม่เคยมองเรื่องพวกนี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว

พ่อแม่ยืมตังเกิน 10K ผมยังเขียนสัญญากู้เลย ซื้อคอนโดยังให้พ่อจ่ายค่าเช่าเลย

เพราะผมถือว่าเป็นหน้าที่พ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อสังคม

ในการส่งเสียให้ลูกได้รับการศึกษา(ม.6-ป.ตรี)+มีคุณภาพชีวิต ในระดับที่ไม่เป็นภาระต่อสังคม

ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าคิดจะมี ทำได้ก็ไม่ใช่บุญคุณ มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว
เรื่องที่สวยงามมักเป็นเช่นฟองสบู่อยู่เสมอมา
ปรากฏวูบก็หายวับ หากคิดจะฝืนกำลังไปเหนี่ยวรั้งมันไว้
ที่แลกได้มา มักเป็นความเจ็บช้ำและเคราะห์กรรมเสมอ
เข้าร่วม: 01 Jun 2016
ตอบ: 7923
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:00 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
พันทิปนี้คนคุณภาพจริงๆ ใส่กันยับเลย
1
0
เข้าร่วม: 25 Mar 2010
ตอบ: 1632
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:00 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
ผมว่าต้องสร้างจิตสำนึกใหม่ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ

ไม่ต้องสร้างให้เชื่อเรื่องบุญ บาป ไม่ต้องทำดีหวังผล
1
0



เข้าร่วม: 31 Jan 2014
ตอบ: 8035
ที่อยู่: My home
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:03 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
หลักการ เหตุผล อ่อนมาก
ทำให้เห็นว่าคนทำขึ้นมาโลกยังแคบอยู่มาก มองเห็นโลกแค่ด้านเดียว

จำใว้เสมอ คนเราทำอะไรให้คนอื่น เค้าไม่ได้มองเรื่องบุญคุณ เป็นอันดับหนึ่ง
คนส่วนใหญ่เค้ามองไปที่ *ความรัก*
พ่อแม่ทำทุกอย่างให้เราเพราะท่านรักเรา
วันนึงเมื่อท่านแก่เฒ่าเราก็อยากจะดูแลท่านเพราะเรารักท่านเช่นกัน
แต่คุณกลับมองเรื่องพวกนี้เป็นเรื่อง *บุญคุณ* น่าเศร้านะที่คุณมองโลกแบบนั้น

เรื่องอื่นๆก็เหมือนกัน ผมไม่ได้ได้ตอบแทนประเทศนี้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะผมเป็นหนี้บุณคุณ
แต่เพราะผมรักประเทศนี้ รักในศาสนาของผม รักในพระมหากษัตริย์ ของผม
ผมเลยมีความสุข ที่จะให้แก่คนอื่นๆ

มันน่าตกใจเหมือนกันนะ ที่มีคนมองเรื่องความรักของพ่อแม่เป็นเรื่องบุญคุณ
หรือแม้แต่เรื่องทุกอย่างรอบตัว ทั้งที่เรื่องทุกอย่างรอบตัวเรา ผมกลับมองว่าขับเคลื่อนไปด้วยเรื่อง ความรักมากกว่า
ถ้าตีความทุกอย่างในชีวิตเป็นแค่เรื่องบุญคุณ แค่คิดก็สยองแล้ว

จำใว้เสมอครอบครัวไม่ได้ผูกพันธสัญญากันด้วยคำว่าบุญคุณ
ถ้าคุณตีความผิดตั้งแต่แรก ผมก็สงสารครอบครัวคุณจริงๆ

Cr : ความคิดเห็นที่ 3

เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 6171
ที่อยู่: KU
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:04 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
คนแคระทั้งเจ็ด พิมพ์ว่า:
ไม่รู้สิ ไม่เคยมองเรื่องพวกนี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว

พ่อแม่ยืมตังเกิน 10K ผมยังเขียนสัญญากู้เลย ซื้อคอนโดยังให้พ่อจ่ายค่าเช่าเลย

เพราะผมถือว่าเป็นหน้าที่พ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อสังคม

ในการส่งเสียให้ลูกได้รับการศึกษา(ม.6-ป.ตรี)+มีคุณภาพชีวิต ในระดับที่ไม่เป็นภาระต่อสังคม

ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าคิดจะมี ทำได้ก็ไม่ใช่บุญคุณ มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว  


โอ้โห้ ปริญญาตรีเลยเหรอครับ แบบนี้บ้านไหนค่อนไปทางจนหน่อย นี่เหมือน
้เป็นทาสลูกเลยนะครับ
1
0
เข้าร่วม: 30 Oct 2014
ตอบ: 11973
ที่อยู่: ไม่เสือกดิ :D
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:05 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
อยากมีลูก ควรมีเพราะอยากจะมี และดูสภาพตัวเองด้วย

ไม่ใช่อยากมีเพราะ จะได้มีคนไว้เลี้ยงตัวเองยามแก่
เข้าร่วม: 16 Oct 2007
ตอบ: 6194
ที่อยู่: ไม่รู้
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:07 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
เห็นแก่ตัว
1
0
สุดท้าย คนเราพบกันเพื่อลาจาก แค่นี้ใช่ไหม

เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 6171
ที่อยู่: KU
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:07 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
MADNESS... พิมพ์ว่า:
อยากมีลูก ควรมีเพราะอยากจะมี และดูสภาพตัวเองด้วย

ไม่ใช่อยากมีเพราะ จะได้มีคนไว้เลี้ยงตัวเองยามแก่
 


ถ้าพ่อแม่มีมรดกเยอะๆ เอามั้ยครับ

0
0
เข้าร่วม: 31 Oct 2014
ตอบ: 6160
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:09 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
Negrito พิมพ์ว่า:
คนแคระทั้งเจ็ด พิมพ์ว่า:
ไม่รู้สิ ไม่เคยมองเรื่องพวกนี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว

พ่อแม่ยืมตังเกิน 10K ผมยังเขียนสัญญากู้เลย ซื้อคอนโดยังให้พ่อจ่ายค่าเช่าเลย

เพราะผมถือว่าเป็นหน้าที่พ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อสังคม

ในการส่งเสียให้ลูกได้รับการศึกษา(ม.6-ป.ตรี)+มีคุณภาพชีวิต ในระดับที่ไม่เป็นภาระต่อสังคม

ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าคิดจะมี ทำได้ก็ไม่ใช่บุญคุณ มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว  


โอ้โห้ ปริญญาตรีเลยเหรอครับ แบบนี้บ้านไหนค่อนไปทางจนหน่อย นี่เหมือน
้เป็นทาสลูกเลยนะครับ  

ม.6ก็ได้ครับ เพราะป.ตรีมีพวก กยศ.รองรับ แต่ต่ำๆยังไงก็ต้องม.6/ปวช.อ่ะครับ
0
0
เรื่องที่สวยงามมักเป็นเช่นฟองสบู่อยู่เสมอมา
ปรากฏวูบก็หายวับ หากคิดจะฝืนกำลังไปเหนี่ยวรั้งมันไว้
ที่แลกได้มา มักเป็นความเจ็บช้ำและเคราะห์กรรมเสมอ
เข้าร่วม: 30 Oct 2014
ตอบ: 11973
ที่อยู่: ไม่เสือกดิ :D
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:10 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
Negrito พิมพ์ว่า:
MADNESS... พิมพ์ว่า:
อยากมีลูก ควรมีเพราะอยากจะมี และดูสภาพตัวเองด้วย

ไม่ใช่อยากมีเพราะ จะได้มีคนไว้เลี้ยงตัวเองยามแก่
 


ถ้าพ่อแม่มีมรดกเยอะๆ เอามั้ยครับ

 


มีมรดกเยอะๆก็ดีไปอย่างนึง




0
0
เข้าร่วม: 12 Aug 2015
ตอบ: 222
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:11 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
noneluck พิมพ์ว่า:
หลักการ เหตุผล อ่อนมาก
ทำให้เห็นว่าคนทำขึ้นมาโลกยังแคบอยู่มาก มองเห็นโลกแค่ด้านเดียว

จำใว้เสมอ คนเราทำอะไรให้คนอื่น เค้าไม่ได้มองเรื่องบุญคุณ เป็นอันดับหนึ่ง
คนส่วนใหญ่เค้ามองไปที่ *ความรัก*
พ่อแม่ทำทุกอย่างให้เราเพราะท่านรักเรา
วันนึงเมื่อท่านแก่เฒ่าเราก็อยากจะดูแลท่านเพราะเรารักท่านเช่นกัน
แต่คุณกลับมองเรื่องพวกนี้เป็นเรื่อง *บุญคุณ* น่าเศร้านะที่คุณมองโลกแบบนั้น

เรื่องอื่นๆก็เหมือนกัน ผมไม่ได้ได้ตอบแทนประเทศนี้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพราะผมเป็นหนี้บุณคุณ
แต่เพราะผมรักประเทศนี้ รักในศาสนาของผม รักในพระมหากษัตริย์ ของผม
ผมเลยมีความสุข ที่จะให้แก่คนอื่นๆ

มันน่าตกใจเหมือนกันนะ ที่มีคนมองเรื่องความรักของพ่อแม่เป็นเรื่องบุญคุณ
หรือแม้แต่เรื่องทุกอย่างรอบตัว ทั้งที่เรื่องทุกอย่างรอบตัวเรา ผมกลับมองว่าขับเคลื่อนไปด้วยเรื่อง ความรักมากกว่า
ถ้าตีความทุกอย่างในชีวิตเป็นแค่เรื่องบุญคุณ แค่คิดก็สยองแล้ว

จำใว้เสมอครอบครัวไม่ได้ผูกพันธสัญญากันด้วยคำว่าบุญคุณ
ถ้าคุณตีความผิดตั้งแต่แรก ผมก็สงสารครอบครัวคุณจริงๆ

Cr : ความคิดเห็นที่ 3  


คุณและคนที่คุณเอาโพสต์มา คงไม่เคยเห็นครอบครัวที่มีลูกโดยความผิดพลาด ลูกโตมาพอทำโน่นนี่ได้หน่อย ก็ทวงบุญคุณกันเป็นว่าเล่น
เข้าร่วม: 28 Oct 2008
ตอบ: 8992
ที่อยู่: anfield road
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:12 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
จริงๆ ถ้าเค้าเห็นแก่ตัวขนาดนี้
คิดในใจก็พอนะ

ไม่ต้อง Present ออกมาก็ได้

แต่ถ้า Present ออกมาก็ดี เรียกแขกดี มันน่าตื่นเต้น


มนุดนี่ ตอนแก่มานี่ ลำบากนะ
ไปดูได้ ตามโรงบาล ตามห้างก็มี คนที่เข็นรถเข็นพาพ่อแม่เที่ยว

( ผมก็มีเรื่อง งอนพ่อแม่ตัวเองเหมือนกันนะ แต่ไม่เคยคิดถึงขนาดนี้
ลำบาก เงิน 6 หมื่นเอาไปเลย ผมหาใหม่ได้ไม่เปนไร รถ 3 คันให้น้องสาวใช้เลยดูแลกัน เด๋วผมไปหาเอง ขอบคุณที่ส่งเรียนหาลัย และมัธยม มันเปนชีวิตที่สนุกมาก )

1
0
การไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนาในบางคราว ก็เป็นพรอันประเสริฐ - องค์ทะไลลามะ
เข้าร่วม: 19 May 2011
ตอบ: 6171
ที่อยู่: KU
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:12 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
คนแคระทั้งเจ็ด พิมพ์ว่า:
Negrito พิมพ์ว่า:
คนแคระทั้งเจ็ด พิมพ์ว่า:
ไม่รู้สิ ไม่เคยมองเรื่องพวกนี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว

พ่อแม่ยืมตังเกิน 10K ผมยังเขียนสัญญากู้เลย ซื้อคอนโดยังให้พ่อจ่ายค่าเช่าเลย

เพราะผมถือว่าเป็นหน้าที่พ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อสังคม

ในการส่งเสียให้ลูกได้รับการศึกษา(ม.6-ป.ตรี)+มีคุณภาพชีวิต ในระดับที่ไม่เป็นภาระต่อสังคม

ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าคิดจะมี ทำได้ก็ไม่ใช่บุญคุณ มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว  


โอ้โห้ ปริญญาตรีเลยเหรอครับ แบบนี้บ้านไหนค่อนไปทางจนหน่อย นี่เหมือน
้เป็นทาสลูกเลยนะครับ  

ม.6ก็ได้ครับ เพราะป.ตรีมีพวก กยศ.รองรับ แต่ต่ำๆยังไงก็ต้องม.6/ปวช.อ่ะครับ
 

ผมก็คิดแบบนี้แหละครับ ป.ตรีนี่หนักจริงครับ ที่รู้ไม่ใช่ไรหรอก แค่ส่งแฟนเรียน
ปี4ปีเดียวก็อ้วกละครับ

เข้าร่วม: 31 Oct 2014
ตอบ: 6160
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:12 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
MADNESS... พิมพ์ว่า:
อยากมีลูก ควรมีเพราะอยากจะมี และดูสภาพตัวเองด้วย

ไม่ใช่อยากมีเพราะ จะได้มีคนไว้เลี้ยงตัวเองยามแก่
 

"จะได้มีคนไว้เลี้ยงตัวเองยามแก่"
ถ้าคิดอย่างนั้นนี่ผมว่าเหมือนเปิดฟาร์มมนุษย์
ไม่ต่างจากเลี้ยงเป็ดไก่อ่ะ
1
0
เรื่องที่สวยงามมักเป็นเช่นฟองสบู่อยู่เสมอมา
ปรากฏวูบก็หายวับ หากคิดจะฝืนกำลังไปเหนี่ยวรั้งมันไว้
ที่แลกได้มา มักเป็นความเจ็บช้ำและเคราะห์กรรมเสมอ
เข้าร่วม: 12 Jan 2011
ตอบ: 2222
ที่อยู่: สักแห่งบนโลกใบนี้ในที่ที่ยังมีความหวัง
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:18 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
ผม เชื่อ ใน ทฤษฎี Ecoism นะ คือมนุษย์ทุกคน มีความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งสิ้น
สัญชาตญาณของมนุษย์คือการเอาตัวรอด
เราทำอะไรไปเรามักจะหวังผลตอบแทน ไม่ทางใดก้ทางหนึ่ง

- ทำดีกับใคร ก็หวังที่จะให้คนนั้นดีกับเรา
- เรา รักใครก็หวังเพื่อที่จะให้เขารักตอบ
- พ่อแม่ส่งเสีย เลี้ยงดู ลูก เพื่อที่ในภายภาคหน้า ลูกจะได้ดูแลตนบ้าง ไม่ทิ้งให้โดดเดี่ยว
- หรือแม้กระทั่งคนที่ทำบุญ ทำทาน ก็ยังหวังที่ให้ผลบุญที่ตัวเองก่อ ช่วยให้ตนสถขสบายในชาตินี้หรือชาติหน้าก็แล้วแต่

งั้นก็ไม่แปลก ที่คนเราจะติดอยู่กับว่า หนี้บุญคุณ ซะส่วนใหญ่

แต่สำหรับผม จะตอบแทนพ่อแม่ หรือไม่ตอบแทน จะมองข้าม ในเรื่อง การกระทำเพื่อหวังผลไป

แต่เพราะผมรักพ่อรักแม่ผม ไม่อยากให้ท่านลำบาก ง่ายๆ แค่นั้นเอง



เข้าร่วม: 10 Jun 2007
ตอบ: 7841
ที่อยู่: Jamaica Rd. London
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:22 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
มันมองได้หลายมุมนะ เรื่องพ่อแม่เอาเปรียบลูกก็เจอมากับคนใกล้ตัว แต่ที่เจอเยอะกว่าแล้วรู้สึกได้เลยคือลูกเอาเปรียบพ่อแม่นี่แหละ ถ้าไม่มองเรื่องความรัก บุญคุณระหว่างกันมันต้องมีอยู่แล้ว โดยเฉพาะกับเด็กไทยบางคน ที่เอาเปรียบพ่อแม่มาเกือบครึ่งชีวิต บางคนจบตรีไม่พอ เรียกร้องขอต่อโทเพราะไม่อยากทำงาน บางคนกว่าจะจบปาไปสามสิบ บางคนอยากต่อนอก บางคนอยากใช้ชีวิตไปเที่ยวก่อนจะทำงาน ใช้จ่ายเงินบนน้ำพักน้ำแรงของพ่อแม่เกินกว่าเวลาที่เหมาะสม กว่าจะกลับมาทำงานอีกที กว่าจะเริ่มมีภาระหน้าที่ ยังไม่ทันจะได้ตั้งตัว พ่อแม่ก็แก่เฒ่า แล้วก็ไปมองเค้าเป็นภาระ ภาระที่ตัวเองเอาเปรียบเค้ามาทั้งชีวิต พลาญเงินที่เค้าควรจะเก็บไว้ใช้ชีวิตของเค้าไปตั้งเท่าไหร่ เมื่อถึงเวลาต้องดูแลท่านบ้างกลับมองว่าท่านเป็นภาระแทนไป ถ้าไม่อยากจะคิดเรื่องบุญคุณเนี่ย ควรจะออกไปทำงานพาร์ทไทม์ตั้งแต่มัธยมปลายเก็บเงินเที่ยวเตร่ซื้อของที่ตัวเองอยากได้ มหาลัยก็ช่วยทำงานส่งเสียตัวเองเรียนแบบเด็กเมืองนอกเค้าได้แล้ว จะได้ไม่ต้องมานั่งมีบุญคุณต่อกัน ดูแลกันด้วยความรักความผูกพันที่มีต่อกันพอ ถ้าไม่มีความรักต่อกันก็จะได้ไม่ต้องมานั่งมีบุญคุณอะไรต่อกันอีก
เข้าร่วม: 26 May 2011
ตอบ: 1491
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:22 am
ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"
ชอบคห.ที่113

เลี้ยงหมา มันยังรู้จักช่วยเฝ้าบ้าน

โดยที่ไม่ต้องไปทวงบุญคุณค่าข้าวที่เลี้ยงมัน

เกิดเป็นคนทั้งทีก็อย่าให้อายหมา


ปล.คห.นี้มันโดนจริงๆ
เข้าร่วม: 01 Jun 2010
ตอบ: 2987
ที่อยู่: สะพานแสตมฟอร์ด
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:24 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
ผมให้พ่อแม่ ตามกำลังทรัพย์โดยไม่เดือร้อนตัวเอง ตั้งแต่มีรายได้ครับ

ให้เพราะรัก ไม่ได้ให้เพราะสำนึกบุญคุณอะไร


อารมณ์พ่อแม่อั๊ว เรื่องของอั๊ว ญาติๆนี่ตัวดีเชียว

ทำไมให้แม่แค่นี้ ทำไมไม่ค่อยช่วยที่บ้าน

อยากตะโกนไปดังๆว่า เสือ กอ จินๆ


1
0
เข้าร่วม: 19 Dec 2006
ตอบ: 1383
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:26 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
info นี่โอเคแต่สื่อออกมากำกวมในบริบทของมันเอง ตอนแรกก็จะว่าเห็นแก่ตัวแล้วถ้าอ่านแค่หน้าแรกๆ พอมีหน้าสุดท้ายก็โอเครู้ละต้องการสื่ออะไร

ใจความสำคัญเหมือนเค้าจะสื่อว่า --> ถ้าจะทำอะไรให้ขอให้ทำจากใจอย่าคิดว่าเป็นหน้าที่หรือบุญคุณ ขอให้ทำด้วยความรัก
เข้าร่วม: 12 Aug 2009
ตอบ: 4566
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:41 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
โอโห เรามาถึงจุดนี้แล้วเหรอ

ผมว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับพันธนาการหรือทฤษฏีบ้าบออะไรหรอก

มันอยู่ที่จิตสำนึกล้วน ๆ

มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาแล้วไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเองถ้าไม่มีคนดูแลนะครับ

และสิ่งที่ผูกพันกับเราอันนั้นแหละที่พอจะเปรียบได้กับคำว่า "รัก" ที่เราตามหากัน

ผมอยู่ในโลกที่ค่อนข้างมืด ๆ นะ ก็ได้รับการศึกษาตามมีตามเกิดแค่พอพื้นฐานเท่านั้น

(นอกนั้นไปหาเรียนรู้ด้วยลำแข้งตัวเอง)

แต่ไม่เคยคิดเอามาประเด็นในการตอบแทนนะ ก็เลี้ยงครอบครัวเหมือนกับที่เขาเคยเลี้ยงเรานั้นแหละ

มันคือจุดเชื่อมต่อเล็กๆที่เราอาจจะไม่รู้สึกตอนนี้ แต่เมื่อขาดไปสักวันเราจะรู้ได้ด้วยบทเรียนราคาแพง



เข้าร่วม: 13 Mar 2008
ตอบ: 5481
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 11:50 am
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
อันนี้แล้วแต่พื้นฐานครอบครัวจริงๆ

ครอบครัวผมคนจีน เน้นเรื่องความกตัญญูมากๆ

และการที่ผมทำงานแล้วและจะเลี้ยงดูพ่อแม่ก็ไม่ได้เป็นการผืนใจหรือลำบากใจแต่ประการใด

และรู้สึกมีความสุขเมื่อได้อยู๋พร้อมหน้าพร้อมตา

สรุป ของแบบนี้คงอยู่ที่ ความสบายใจที่จะทำ
1
0
https://writer.dek-d.com/narasixtenbunshe/story/view.php?id=1391214 >>ตำนานเพชรอำพัน [ไทป์มูน]
เข้าร่วม: 12 Feb 2011
ตอบ: 10681
ที่อยู่: บ้านปิ๊คเก้ บ้านอิเฮน
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 12:40 pm
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
สำหรับเรามันไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ มันคือจิตสำนึกล้วนๆ จะเรียกว่าหน้าที่ก็ไม่อยากพูดเต็มปาก

จิตสำนึกล้วนๆเรื่องนี้

ดารา ตปท ดังๆ เขาก็รักครอบครัว เลี้ยงพ่อแม่ กันเยอะแม้ไม่ออกสื่อ หรือ ครอบครัวทั่วๆไปก็มี เราถึงบอกไง มันคือจิตสำนึกล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับอะรเลย

ถ้าคุณมีคุณก็ทำ ถ้าคุณไม่มี ก็ไม่ต้องทำ
1
0
♥ลิเวอร์พูล ♥บาเซโลน่า ♥ยูเวนตุส ♥ฮันโนเวอร์96 ♥ทีมชาติเยอรมัน

♥Tiffany : SNSD ♥Wendy : RVV ♥Rose+Lisa : BlackPink
♥Dahyun+Mina : Twice ♥Seungri : BigBang



เข้าร่วม: 19 Nov 2008
ตอบ: 3083
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 1:26 pm
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
คนแคระทั้งเจ็ด พิมพ์ว่า:
ไม่รู้สิ ไม่เคยมองเรื่องพวกนี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว

พ่อแม่ยืมตังเกิน 10K ผมยังเขียนสัญญากู้เลย ซื้อคอนโดยังให้พ่อจ่ายค่าเช่าเลย

เพราะผมถือว่าเป็นหน้าที่พ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อสังคม

ในการส่งเสียให้ลูกได้รับการศึกษา(ม.6-ป.ตรี)+มีคุณภาพชีวิต ในระดับที่ไม่เป็นภาระต่อสังคม

ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าคิดจะมี ทำได้ก็ไม่ใช่บุญคุณ มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว  


นี่นายพูดเล่นใช่มั๊ย
0
0
เข้าร่วม: 31 Oct 2014
ตอบ: 6160
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 1:39 pm
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
P42 พิมพ์ว่า:
คนแคระทั้งเจ็ด พิมพ์ว่า:
ไม่รู้สิ ไม่เคยมองเรื่องพวกนี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว

พ่อแม่ยืมตังเกิน 10K ผมยังเขียนสัญญากู้เลย ซื้อคอนโดยังให้พ่อจ่ายค่าเช่าเลย

เพราะผมถือว่าเป็นหน้าที่พ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อสังคม

ในการส่งเสียให้ลูกได้รับการศึกษา(ม.6-ป.ตรี)+มีคุณภาพชีวิต ในระดับที่ไม่เป็นภาระต่อสังคม

ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าคิดจะมี ทำได้ก็ไม่ใช่บุญคุณ มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว  


นี่นายพูดเล่นใช่มั๊ย  

พูดจริงสิ เพราะถ้าผมมีลูก ผมก็ไม่ได้คาดหวังให้ลูกมาสำนึกบุญคุณหรือต้องตอบแทนอะไร
แล้วต้องมีความสามารถพอที่จะเลี้ยงเขาด้วย อย่างน้อยก็ต้องส่งเรียนโรงเรียนวัดยันม.6แหละ
เรื่องความเขี้ยวสัญญาเงินกู้ อันนี้ก็จริง
(ไม่งั้นเขาก็ไม่มีวินัยการเงินสักที ถ้าผมตายก่อน ไม่ต้องพังพินาศทางการเงินไปเลยเรอะ)
เรื่องให้พ่อจ่ายค่าเช่าคอนก็จริง
(ผมดาวน์ เพราะคิดว่าอยากให้แกสบายนั่นแหละ แต่ให้ฟรีๆมันดูไร้ค่าไป
เหมือนสอนพิเศษแล้วไม่เก็บตัง เดี๋ยวเด็กจะไม่ตั้งใจเรียน
แล้วผมก็เอาตังจากที่แกเช่านี่แหละ+กับโปะเพิ่มนิดหน่อยไปผ่อน)
2
0
เรื่องที่สวยงามมักเป็นเช่นฟองสบู่อยู่เสมอมา
ปรากฏวูบก็หายวับ หากคิดจะฝืนกำลังไปเหนี่ยวรั้งมันไว้
ที่แลกได้มา มักเป็นความเจ็บช้ำและเคราะห์กรรมเสมอ
เข้าร่วม: 05 Aug 2010
ตอบ: 8174
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 1:41 pm
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
แต่ละคนเจอประสบการณ์ไม่เหมือนกัน คนที่เคยเจอครอบครัวที่ดีๆ อาจจะนึกไม่ถึงว่าจะมีครอบครัวที่แย่ๆ อยู่ พอได้ยินคนพูดถึงครอบครัวแบบนั้นก็เอาเรื่องกตัญญูมาโจมตีทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้เห็นว่าเค้าเจอะไรมา นั่นแหละครับเลยคุยกันไม่รู้เรื่อง


ส่วนตัวครอบครัวผมดี แต่มีคนรอบตัวอย่างน้อย 3-4 คนที่ผ่านครอบครัวแบบวิกฤติมา แล้วมาเล่าให้ผมฟัง ผมเลยพอรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันมีจริงๆ เลยไม่ได้รู้สึกว่าคนที่พูดดูแย่อะไร แค่ประสบการณ์ในชีวิตมันต่างกัน

มีคนนึง ชีวิตครอบครัวพัง เพียงเพราะแม่ตัวเองติดการพนันจัด และเอาใจน้องชาย เรียกร้องเอาเงินจากพี่สาวที่ทำงานคนเดียวและแต่งงานออกไปแล้ว เพื่อไปใช้หนี้พนันและใช้จ่าย เอาเรื่องบุญคุณที่เลี้ยงมาอ้าง จนสุดท้ายสามีก็เลิกพาลูกหนีไป ชีวิตก็พังทลาย ทุกวันนี้เหมือนกึ่งๆ เป็นคนวิกลจริตไปแล้ว (คือเวลาปกติก็เหมือนคนทั่วไป แต่วันดีคืนดีก็จะเพี้ยนเป็นอีกคนไปเลย)
2
0
เข้าร่วม: 14 Aug 2012
ตอบ: 610
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 1:51 pm
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
ผมเป็นคนนึงที่เป็นพ่อของลูกสาวสองคน ในวัยที่กำลัง เรียนอยู่ทั้งคู่ ได้อ่านข้อความจากกระทู้ในบางท่าน ที่ทำให้รู้สึกอึ้ง จุกๆในอกขึ้นมาบ้างเหมือนกัน เมื่อมาคิดว่า นี่คือความคิดของคนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มจะเป็น เจนเนอเรชันต่อไปในอนาคต

ผมขอพูดถึงในแง่ความรู้สึกของผมล้วนๆเลยแล้วกัน อาจไม่เรียกได้ว่าพูดแทนพ่อแม่ทั้งหมด แต่ผมเชื่อว่ามีพ่อแม่ส่วนมากคิดเช่นกันกับผมแน่นอน

-ผมไม่เคยคิดว่าการส่งลูกเรียนเป็น"หน้าที่"นะครับ แต่เป็นเพราะความรักที่ผมมีต่อลูก อยากจะให้ลูกได้มีความรู้เพื่อที่จะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างทัดเทียมไม่โดนคนอื่นดูถูก

-ผมไม่เคยขีดเส้นให้ลูกผมเดิน ผมจะแนะนำลูกผมว่า การเรียนอย่างนี้ลูกจะต้องทำอะไร เพื่ออะไร แล้วให้เค้าเป็นคนเลือกว่า จะเรียนอะไรต่อไปให้เค้าเรียนอย่างมีความสุขที่สุด

-ผมไม่เคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็น"บุญคุณ" และสิ่งที่ผมมอบให้เป็น "หน้าที่" ผมทำเพราะผมรักลูก อยากดูแลลูก อยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำให้เค้าได้

-ผมไม่เคยหวังจะเค้าต้องมาดูแลผมตอนแก่ ผมกับเมียดูแลกันและกันเองได้ และเราพอใจที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างเงียบสงบกันสองคน จนกว่าจะจากกัน



เมื่อได้เห็นความคิดของบางท่านในกระทู้นี่แล้ว ทำให้รู้สึกอึ้งๆจุกๆไปบ้างเหมือนกัน

เชื่อไหมครับว่า ในสถานที่ที่ผมทำงานอยู่ มีคนแก่ถูกทอดทิ้งอยู่มากมาย ทั้งๆที่เค้าเหล่านั้นเคยมี"ครอบครัว" แต่เมื่อถามพวกเค้าเหล่านั้น ว่าทำไมไม่มีใครมาดูแลบ้าง พวกเค้าไม่เคยให้ร้ายลูกหลานเค้าเลยนะครับ พวกเค้าบอกเพียงแค่ว่า "ลูกเค้าไม่ว่างหรอก มีงานมีการต้องทำ แค่นี้เอง ตา/ยาย ดูแลตัวเองได้" แกพูดทั้งที่จะลุกไปห้องน้ำกันเองยังไม่ไหวเลยนะครับ


บางทีการมองโลกของแต่ละเจนเนอเรชั่น รอยต่อนี้มันขยายมากขึ้นทุกทีนะครับ จนทำให้สังคมมีความแตกแยกได้เลยหล่ะ ส่วนนึงที่สังคมทุกวันนี้มันเป้นอย่างนี้ ผมมองว่าเพราะช่องว่างรอยต่อเจนเนอเรชันนี่แหล่ะเป้นสาเหตุนึง

บริบทในสังคมหนึ่งไม่สามารถใช้เป็นบรรทัดฐานให้อีกสังคมนึงได้หรอกครับ มันอาจดูสวยงามดูดี เป็นสังคมในฝัน แต่ถ้าเราลืมพื้นฐาน ลืมกระทั่งรากเหง้าของเราเอง ในที่สุดไอ้สิ่งที่เราอยากจะไปให้ถึงได้มันแค่เป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้นเอง
เข้าร่วม: 25 Oct 2010
ตอบ: 429
ที่อยู่: สติ คือ ที่อยู่ของจิต
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 2:06 pm
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
โลกเราแบ่งมนุษย์ให้เป็น 2 อย่างครับ คือ ผู้ให้ กับ ผู้รับ
ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักแก่ผู้รับ
ผู้รับ(มากเกินไป)ย่อมเป็นที่เอือมระอาของผู้ให้

ผู้ให้ไม่หวังสิ่งตอบแทน คือ ผู้ประเสริฐ
ผู้รับตอบแทนผู้ให้ คือ กตัญญู
ผู้ให้หวังสิ่งตอบแทน คือ พวกทวงหนี้บุญคุณ(อาจทำให้ผู้รับขยาดกลัว ไม่กล้ารับ)
ผู้รับไม่ได้ตอบแทนผู้ให้ คือ พวกเห็นแก่ตัว

เพราะฉะนั้นคำตอบมันก็ตายตัวอยู่แล้วนะครับ ถ้าใครเป็นตามนี้ก็ต้องยอมรับบริบทของมันครับ ไม่ใช่หาเหตุผลเพื่อเลี่ยงบาลี คิดเพื่อให้ตัวเอง ถูกเสมอ
1
0
Gentleman Teamwork

www.facebook.com/thaihaxball
เข้าร่วม: 19 Nov 2008
ตอบ: 3083
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 2:29 pm
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
คนแคระทั้งเจ็ด พิมพ์ว่า:
P42 พิมพ์ว่า:
คนแคระทั้งเจ็ด พิมพ์ว่า:
ไม่รู้สิ ไม่เคยมองเรื่องพวกนี้อยู่ในสายตาอยู่แล้ว

พ่อแม่ยืมตังเกิน 10K ผมยังเขียนสัญญากู้เลย ซื้อคอนโดยังให้พ่อจ่ายค่าเช่าเลย

เพราะผมถือว่าเป็นหน้าที่พ่อแม่ที่จะต้องรับผิดชอบต่อสังคม

ในการส่งเสียให้ลูกได้รับการศึกษา(ม.6-ป.ตรี)+มีคุณภาพชีวิต ในระดับที่ไม่เป็นภาระต่อสังคม

ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าคิดจะมี ทำได้ก็ไม่ใช่บุญคุณ มันเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้ว  


นี่นายพูดเล่นใช่มั๊ย  

พูดจริงสิ เพราะถ้าผมมีลูก ผมก็ไม่ได้คาดหวังให้ลูกมาสำนึกบุญคุณหรือต้องตอบแทนอะไร
แล้วต้องมีความสามารถพอที่จะเลี้ยงเขาด้วย อย่างน้อยก็ต้องส่งเรียนโรงเรียนวัดยันม.6แหละ
เรื่องความเขี้ยวสัญญาเงินกู้ อันนี้ก็จริง
(ไม่งั้นเขาก็ไม่มีวินัยการเงินสักที ถ้าผมตายก่อน ไม่ต้องพังพินาศทางการเงินไปเลยเรอะ)
เรื่องให้พ่อจ่ายค่าเช่าคอนก็จริง
(ผมดาวน์ เพราะคิดว่าอยากให้แกสบายนั่นแหละ แต่ให้ฟรีๆมันดูไร้ค่าไป
เหมือนสอนพิเศษแล้วไม่เก็บตัง เดี๋ยวเด็กจะไม่ตั้งใจเรียน
แล้วผมก็เอาตังจากที่แกเช่านี่แหละ+กับโปะเพิ่มนิดหน่อยไปผ่อน)  


คือผมไม่เคยมองว่าเป็น"หน้าที่"อ่ะครับ
ถ้ายังเลี้ยงลูก-เมียไม่ได้ ผมก้อไม่คิดจะมีครอบครัว


ตั้งแต่ผมได้เงินเดือนๆแรก ผมก็ไม่เคยใช้เงินพ่อ-แม่อีกเลย มีแต่ให้ท่าน
ท่านจะเอาไปใช้จ่ายยังไงก็แล้วแต่ มันไม่ถึงกะพังพินาศทางการเงิน

ท่านอาจจะรู้สึกว่าให้ฟรีเหมือนไร้ค่า แต่ถ้ามองในมุมผู้รับแล้วมันต่างกัน
ผมเห็นพ่อผมมองๆรถใหม่มาแทนคันเก่า ผมก็ซื้อให้แกเลย
ถ้าพ่อผมซื้อเอง แกก็คงรู้สึกเฉยๆปกติ
แต่ถ้าผมซื้อให้ แกจะมีความสุข+ภูมิใจมากกว่า


ทั้งนี้ทั้งนั้นมันเป็นเรื่องของแนวความคิด ไม่มีใครผิดใครถูก
เข้าร่วม: 25 Apr 2009
ตอบ: 10217
ที่อยู่: นนทบุรี
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 3:07 pm
ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"
พ่อแม่ผมบอก มึงไม่ต้องตอบแทนกูหรอกตอนแก่ แต่เมื่อไหร่มึงจะมีหลานให้กู
1
0
เข้าร่วม: 15 Mar 2010
ตอบ: 708
ที่อยู่: stamford bridge & camp nou
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 3:26 pm
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
ในสังคมไทยพ่อแม่ที่ทวงบุญคุณลูก เกาะลูก ทั้งๆที่เลี้ยงลูกไม่ดี ไม่ได้รักลูกจริง มีอยู่เยอะนะครับ ตามต่างจังหวัดจะเห็นเยอะ ทำลูกออกมาเพื่อให้ช่วยงาน ให้เลี้ยงยามแก่ ทั้งๆที่ตัวเองแค่ทำมาหากินเลี้ยงตัวให้รอดยังไม่รอด คนมีเงินมีความรู้กว่าจะมีลูกกันสักคนคิดแล้วคิดอีก

เพราะฉะนั้นสำหรับผมการแค่มี sex แล้วคลอดลูกออกมาไม่ใช่บุญคุณครับ คุณต้องให้ความรักเขา ดูแลเขา โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน นี่แหละคือบุญคุณที่แท้จริง

1
0
เข้าร่วม: 10 Sep 2009
ตอบ: 1936
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 4:18 pm
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
Fat boy slim พิมพ์ว่า:
ผมเป็นคนนึงที่เป็นพ่อของลูกสาวสองคน ในวัยที่กำลัง เรียนอยู่ทั้งคู่ ได้อ่านข้อความจากกระทู้ในบางท่าน ที่ทำให้รู้สึกอึ้ง จุกๆในอกขึ้นมาบ้างเหมือนกัน เมื่อมาคิดว่า นี่คือความคิดของคนรุ่นใหม่ที่มีแนวโน้มจะเป็น เจนเนอเรชันต่อไปในอนาคต

ผมขอพูดถึงในแง่ความรู้สึกของผมล้วนๆเลยแล้วกัน อาจไม่เรียกได้ว่าพูดแทนพ่อแม่ทั้งหมด แต่ผมเชื่อว่ามีพ่อแม่ส่วนมากคิดเช่นกันกับผมแน่นอน

-ผมไม่เคยคิดว่าการส่งลูกเรียนเป็น"หน้าที่"นะครับ แต่เป็นเพราะความรักที่ผมมีต่อลูก อยากจะให้ลูกได้มีความรู้เพื่อที่จะใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างทัดเทียมไม่โดนคนอื่นดูถูก

-ผมไม่เคยขีดเส้นให้ลูกผมเดิน ผมจะแนะนำลูกผมว่า การเรียนอย่างนี้ลูกจะต้องทำอะไร เพื่ออะไร แล้วให้เค้าเป็นคนเลือกว่า จะเรียนอะไรต่อไปให้เค้าเรียนอย่างมีความสุขที่สุด

-ผมไม่เคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็น"บุญคุณ" และสิ่งที่ผมมอบให้เป็น "หน้าที่" ผมทำเพราะผมรักลูก อยากดูแลลูก อยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำให้เค้าได้

-ผมไม่เคยหวังจะเค้าต้องมาดูแลผมตอนแก่ ผมกับเมียดูแลกันและกันเองได้ และเราพอใจที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างเงียบสงบกันสองคน จนกว่าจะจากกัน



เมื่อได้เห็นความคิดของบางท่านในกระทู้นี่แล้ว ทำให้รู้สึกอึ้งๆจุกๆไปบ้างเหมือนกัน

เชื่อไหมครับว่า ในสถานที่ที่ผมทำงานอยู่ มีคนแก่ถูกทอดทิ้งอยู่มากมาย ทั้งๆที่เค้าเหล่านั้นเคยมี"ครอบครัว" แต่เมื่อถามพวกเค้าเหล่านั้น ว่าทำไมไม่มีใครมาดูแลบ้าง พวกเค้าไม่เคยให้ร้ายลูกหลานเค้าเลยนะครับ พวกเค้าบอกเพียงแค่ว่า "ลูกเค้าไม่ว่างหรอก มีงานมีการต้องทำ แค่นี้เอง ตา/ยาย ดูแลตัวเองได้" แกพูดทั้งที่จะลุกไปห้องน้ำกันเองยังไม่ไหวเลยนะครับ


บางทีการมองโลกของแต่ละเจนเนอเรชั่น รอยต่อนี้มันขยายมากขึ้นทุกทีนะครับ จนทำให้สังคมมีความแตกแยกได้เลยหล่ะ ส่วนนึงที่สังคมทุกวันนี้มันเป้นอย่างนี้ ผมมองว่าเพราะช่องว่างรอยต่อเจนเนอเรชันนี่แหล่ะเป้นสาเหตุนึง

บริบทในสังคมหนึ่งไม่สามารถใช้เป็นบรรทัดฐานให้อีกสังคมนึงได้หรอกครับ มันอาจดูสวยงามดูดี เป็นสังคมในฝัน แต่ถ้าเราลืมพื้นฐาน ลืมกระทั่งรากเหง้าของเราเอง ในที่สุดไอ้สิ่งที่เราอยากจะไปให้ถึงได้มันแค่เป็นแค่ภาพลวงตาเท่านั้นเอง  


อ่านดูแล้วทำไมรู้สึกว่ามันย้อนแย้งกันเองทั้งๆที่บอกว่า "ผมไม่เคยหวังจะเค้าต้องมาดูแลผมตอนแก่ ผมกับเมียดูแลกันและกันเองได้ และเราพอใจที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างเงียบสงบกันสองคน จนกว่าจะจากกัน" แต่พอเห็นคนแก่กลับคาดหวังว่าต้องให้ลูกๆเขามาดูแล

0
0


เข้าร่วม: 10 Sep 2009
ตอบ: 1936
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 4:31 pm
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
sirarmania พิมพ์ว่า:
โลกเราแบ่งมนุษย์ให้เป็น 2 อย่างครับ คือ ผู้ให้ กับ ผู้รับ
ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักแก่ผู้รับ
ผู้รับ(มากเกินไป)ย่อมเป็นที่เอือมระอาของผู้ให้

ผู้ให้ไม่หวังสิ่งตอบแทน คือ ผู้ประเสริฐ
ผู้รับตอบแทนผู้ให้ คือ กตัญญู
ผู้ให้หวังสิ่งตอบแทน คือ พวกทวงหนี้บุญคุณ(อาจทำให้ผู้รับขยาดกลัว ไม่กล้ารับ)
ผู้รับไม่ได้ตอบแทนผู้ให้ คือ พวกเห็นแก่ตัว

เพราะฉะนั้นคำตอบมันก็ตายตัวอยู่แล้วนะครับ ถ้าใครเป็นตามนี้ก็ต้องยอมรับบริบทของมันครับ ไม่ใช่หาเหตุผลเพื่อเลี่ยงบาลี คิดเพื่อให้ตัวเอง ถูกเสมอ
 


ถ้าเราเลือกที่จะไม่รับ ก็จะไม่เกิดการเห็นแก่ตัวใช่มั้ยครับ

0
0


เข้าร่วม: 25 Oct 2010
ตอบ: 429
ที่อยู่: สติ คือ ที่อยู่ของจิต
โพสเมื่อ: Tue Sep 20, 2016 9:28 pm
[RE: ปลดปล่อยเด็กๆจากคำว่า"บุญคุณ"]
UzE พิมพ์ว่า:
sirarmania พิมพ์ว่า:
โลกเราแบ่งมนุษย์ให้เป็น 2 อย่างครับ คือ ผู้ให้ กับ ผู้รับ
ผู้ให้ย่อมเป็นที่รักแก่ผู้รับ
ผู้รับ(มากเกินไป)ย่อมเป็นที่เอือมระอาของผู้ให้

ผู้ให้ไม่หวังสิ่งตอบแทน คือ ผู้ประเสริฐ
ผู้รับตอบแทนผู้ให้ คือ กตัญญู
ผู้ให้หวังสิ่งตอบแทน คือ พวกทวงหนี้บุญคุณ(อาจทำให้ผู้รับขยาดกลัว ไม่กล้ารับ)
ผู้รับไม่ได้ตอบแทนผู้ให้ คือ พวกเห็นแก่ตัว

เพราะฉะนั้นคำตอบมันก็ตายตัวอยู่แล้วนะครับ ถ้าใครเป็นตามนี้ก็ต้องยอมรับบริบทของมันครับ ไม่ใช่หาเหตุผลเพื่อเลี่ยงบาลี คิดเพื่อให้ตัวเอง ถูกเสมอ
 


ถ้าเราเลือกที่จะไม่รับ ก็จะไม่เกิดการเห็นแก่ตัวใช่มั้ยครับ

 


ถ้าสิ่งที่ท่านอยากได้ไม่เกินกว่าที่เขาจะให้ถือว่าไม่เห็นกว่าตัวครับ ผู้ให้ยินดี ผู้รับยินดี ถือว่าครบองค์ประกอบครับ แต่เรื่องแต่ละเรื่องย่อมมีความรู้สึกมาเกี่ยวข้อง อันนี้ต้องใช้วิจารณญาณด้วยตัวเราเองครับ
1
0
Gentleman Teamwork

www.facebook.com/thaihaxball