เอาบทความดีดี เกี่ยวกับพระพุทธเจ้าและศาสนาพุทธมาให้อ่านกันครับ
คำเตือน: ความแรงระดับ 8/10
วันนี้ขอบังอาจพูดเรื่อง พุทธแท้
หากจะอ่านต่อ กรุณาเปิดใจ
หากทำไม่ได้ กรุณาหยุดอ่าน
หากข้าพเจ้าผิดพลาด วานแก้ไข
แต่อย่าใช้ อคติ ในการพิจารณา
.
.
.
.
เมืองไทยเป็นเมืองพุทธ
ใช่หรือ?
คุณนับถือศาสนาพุทธ
ใช่หรือ?
.
.
คุณไหว้พระพรหม พระพิฆเนศ พระตรีมูรติ พระ... หรือไม่?
คุณรู้ใช่ไหมว่าเทพเจ้าเหล่านั้น เป็นความเชื่อของศาสนาพราหมณ์/ฮินดู
คุณรู้ใช่ไหมว่าศาสนาพุทธไม่มีเทพเจ้า
คุณรู้ใช่ไหมว่าพระพุทธเจ้าทรงห้ามไม่ให้ไหว้รูปปั้น
คุณรู้ใช่ไหมว่าในสมัยพุทธกาลไม่มีพระพุทธรูป
คุณรู้ใช่ไหม?
.
.
พระพุทธรูปถูกสร้างขึ้นครั้งแรกหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วกว่า 500 ปี
เพื่อให้เป็นสิ่งแทนตัว ให้เราระลึกถึงพระพุทธองค์
แต่ถามจริงๆเถอะ
คุณคิดอะไรเวลากราบไหว้พระพุทธรูป?
คุณ
"ขอ" อะไรหรือเปล่า?
.
.
ทำไมคุณถึงขอ
แท่งทองเหลืองนั่นให้สิ่งที่คุณต้องการได้ด้วยหรือ
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งการปฏิบัติ
ไม่ใช่ศาสนาแห่งการขอ
คุณอยากได้อะไรล่ะ
อยากได้เงินทอง ก็จงขยันทำมาหากิน
อยากได้คนรัก ก็จงทำตัวให้ดีขึ้น
อยากให้สุขภาพดี ก็จงออกกำลังกาย และบริโภคสิ่งที่มีประโยชน์
อยากให้คนที่คุณรักมีความสุข ก็จงไปทำให้เขามีความสุขสิ
เหตุและผล ชัดเจนอยู่แล้ว
ยังจะไปขออะไรจากแท่งทองเหลืองอีกล่ะ
.
.
.
แท่งทองเหลืองนั่น มีไว้แทนตัวพระพุทธองค์
หากคุณได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธองค์
คุณจะเอ่ยขอสิ่งต่างๆจากพระพุทธองค์งั้นรึ
แน่นอนว่าไม่
คุณก็คงไปนั่งฟังสิ่งที่พระพุทธองค์สอน
แต่ตอนนี้เราไม่สามารถฟังพระพุทธองค์สอนได้อีกแล้ว
งั้นทำไงดีล่ะ
คำสอนของพระพุทธองค์ ไม่ได้หายไปไหน
เคยอ่านกันบ้างไหม พระไตรปิฎก
หรือไม่งั้น ก็ฟังคำสอนจากศิษย์ของพระพุทธองค์กันบ้างนะ
หมายถึงศิษย์แท้
ไม่ใช่ศิษย์เทียม ที่ใบ้หวย ปลุกเสกพระเครื่อง ชี้นำเราไปผิดทาง
ชาวพุทธแท้ต้องใช้ปัญญา
กรุณาอย่างมงาย
.
.
.
คุณเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมไหม?
เชื่อไหมว่า ชาตินี้เป็นแบบนี้ เพราะชาติที่แล้วไปทำอะไรไว้
มีเจ้ากรรมนายเวร คอยตามจองเวรอยู่
สำหรับคนที่เชื่อเช่นนั้น เคยถามตัวเองไหมว่า
คุณได้ใช้ปัญญาแล้วรึยัง?
.
.
.
กฏแห่งกรรมมีจริง
แต่ไม่ใช่คุณแย่งแฟนเขา แล้วใครจะมาแย่งแฟนคุณ
คุณคิดแย่งแฟนเขา คุณก็ตกนรกแล้วในทันทีที่คุณคิด
คุณให้ทานคนที่ขาดแคลน ไม่ใช่ว่าชาติหน้าคุณจะเกิดมาร่ำรวย
แต่ทันทีที่คุณคิดให้ทาน
โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
คุณขึ้นสวรรค์แล้ว
สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ
มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
.
.
.
พระพุทธเจ้าไม่เคยสอนว่า
"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่"
ในทางตรงข้าม พระองค์สอนให้พิสูจน์ก่อนที่จะเชื่อ
แม้กระทั่งคำสอนของพระองค์เอง
ก็ไม่เคยบอกให้ต้องเชื่ออย่างงมงาย
แต่ให้ใช้สติปัญญาพิจารณาก่อนที่จะเชื่อ
สิ่งหนึ่งที่พระพุทธองค์สอน คือ กาลามสูตร มี 10 ข้อ
1. อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา
2. อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำสืบๆ กันมา
3. อย่าได้ยึดถือโดยตื่นข่าวว่า ได้ยินอย่างนี้
4. อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา
5. อย่าได้ยึดถือโดยเดาเอาเอง
6. อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน
7. อย่าได้ยึดถือโดยความตรึกตามอาการ
8. อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฐิของตัว
9. อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้
10. อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา
"ไม่เชื่ออย่าลบหลู่" เป็นเพียงคำพูดของคนขลาด คนเขลาที่งมงายเท่านั้น
"ไม่เชื่อต้องพิสูจน์" น่าจะเป็นสิ่งที่ตรงตามคำสอนของพระพุทธองค์มากกว่า
ว่าไหม?
.
.
.
ลองเปลี่ยนบรรยากาศ เข้าเว็บธรรมะดูบ้างไหม
อาจได้แง่คิดบางอย่าง ที่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่ในหัวเราไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
ไม่ลองไม่รู้ ไม่เชื่อต้องพิสูจน์
---------------------------------------------------------------
Cr.
http://mynameist.exteen.com/20091115/entry
กาลามสูตร จาก
-
http://www.dopa.go.th/religion/tammar.html
-
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=4930&Z=5092
edit: เพิ่มเติมจากที่ผมดูเรื่องพระพุทธเจ้ามาอย่างละเอียด บทความนี้พูดถูกทุกประการ
ฝากอีกนิด
"ถ้าเจ้าชายสิทธัทถะไม่ลบหลู่พราหมณ์ที่ตั้งตัวเองเป็นพระเจ้า ศาสนาพุทธจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน"