BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2976
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 17, 2015 13:19
[Part2]ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2
***ความเดิมจากตอนที่แล้ว http://www.soccersuck.in.th/boards/topic/1239739/1/#29602952


Part 2 ยุทธศาสตร์ทางสงครามไทย vs พม่า

ฝ่ายพม่า

ในปี 2307 หรืออีก 4 ปี ให้หลัง พระเจ้ามังระพระมหากษัตริย์องค์ใหม่แห่งอาณาจักรพม่า ได้สั่งการให้แม่ทัพเนเมียวสีหบดี หนึ่งใน "ทหารที่โดดเด่นที่สุด" คุมทัพไปปราบกบฏที่ล้านนาเชียงใหม่ จากนั้นก็ยกทัพไปกวาดอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งในธุระทางการทหารเพื่อเตรียมจะเปิดศึกใหญ่กับอยุธยาต่อไป

1 ป้องกันการโดนอาณาจักรทางเหนือตีขนาบระหว่างที่เข้าตีอยุธยา
2 ใช้เมืองทางเหนือเป็นเมืองค่าย คอยส่งเสบียง ยุทโธปกรณ์ และกำลังสนุบสนุน (ลำเลียงลงมาตามแม่น้ำ)ในการเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา
3 รวบรวมเชลยของเมืองที่ตีแตกมาเป็นไพร่ราบทหารเลว จัดเป็นทัพหน้าไว้ปะทะกับทางเรา


**ท้ายที่สุดกองทัพผสมของแม่ทัพเนเมียวสีหบดี ที่ได้มาจาก ล้านนา ล้านช้าง(ลาว) ฉาน ฯลฯ มีกำลังพลประมาณ 40,000 นาย ใช้เวลาเตรียมความพร้อมก่อนเข้าตีอยุธยา 2 ปี



ในปี พศ 2308 พระเจ้ามังระได้ประชุมวางแผนการศึก และได้สั่งการให้แม่ทัพมังมหานรธาเป็นผู้บัญชาการกองทัพเสริม 30000 นาย ยกเข้ามาทางด่านสิงขร(ที่พระเจ้าอลองพญาเปิดเส้นทางรบไว้) ไล่ตีมาตั้งแต่เมืองเย เมืองทวาย และเข้ายึดเมืองมะริด
จากนั้นแม่ทัพมังมหานรธา แยกทัพเป็น 2 ส่วน

ทัพแรก เข้าตีทางพระประแดง ธนบุรี ตะลุยทัพย้อนขึ้นด้านบน เป้าหมายเพื่อคุมเส้นทางน้ำ ไม่ได้อยุธยาได้รับความช่วยเหลือ หรือหนีรอดออกมาจากเมืองได้

ทัพที่2 เข้าตีจากทวายไปกาญจนบุรี (**บ้างก็ว่ามีอีกทัพ มาทางเส้นด่านพระเจดีย์สามองค์ ตัดเข้าทางสุพรรณบุรี) หมายปิดล้อมเมืองทางทิศตะวันตก




**อยุธยาโดนปิดล้อม ทั้งทางเหนือ ใต้ และตะวันตก (ท้ายที่สุดพระเจ้ากรุงธนบุรีใช้เส้นทางทิศตะวันออก หลบหนีออกมาได้)

ทัพเสริมที่มาทางใต้นี้ ค่อนข้างจะไร้การต่อต้านจากหัวเมืองต่างๆ (อาจจะมีการปะทะหนักบ้างแถวเพชรบุรี) ทำให้ทัพของมังมหานรธาเดินทางมาถึงก่อนทัพทางเหนือของทัพเนเมียวสีหบดี ดังนั้นมังมหานนรธาจึงสร้างค่ายขนาดใหญ่บริเวณวัดสีกุก(ทิศใต้ของเกาะอยุธยา) ยั้งทัพรอทัพทางเหนือเดืนทางมาสบทบ เพื่อแปรขบวนทัพเข้าล้อมอยุธยาต่อไป


**พม่าใช้วิธีการเชือดไก่ให้ลิงดู คือถ้าเมืองไหนต่อต้าน ทัพพม่าจะเผาเมืองจับผู้คนประหารอย่างโหดเหี้ยม(โดยมากพม่าใช้วิธีการจับย่างสดๆ) ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่เมืองที่คิดจะแข็งข้อ กองทัพทางทิศไต้นี้จะใหญ่ขึ้น จากการได้เชลยทหารของเมืองที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อพม่า

ฝ่ายไทย
อยุธยาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงสมัยพระนเรศวรฯ มักจะใช้ยุทธวิธีรับศึกพม่าโดยตั้งรับอยู่ในเมืองเป็นสำคัญ โดยใช้ข้อได้เปรียบทางธรรมชาติให้เป็นประโยชน์ นั่นคือ น้ำท่วม อย่างที่เรารู้กันว่า พอเข้าฤดูฝน อยุธยาจะเกิดน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี ดังนั้นหากพม่าไม่สามารถตีเมืองเราแตกได้ก่อนถึงฤดูน้ำหลาก ทัพพม่าจำเป็นต้องถอยทัพร่นกลับเพื่อหนีน้ำ จากนั้นจะโดนทัพไทยไล่ตีไล่ตามหลัง ซึ่งไทยเราใช้ยุทธศาสตร์นี้รักษาเมืองมาโดยตลอด




พอสำนักอยุธยารับข่าวว่าพม่ายกทัพ เข้ามาตามเส้นทางต่างๆ จึงสั่งการให้หัวเมืองต่างๆรอบอยุธยาถอนกำลังไพล่พล อพยพเข้าสู่อยุธยาเพื่อเตรียมการรับศึกใหญ่กับพม่าตามยุทธศาสตร์การรบที่ใช้มาโดยตลอด ว่ากันว่าขณะนั้นในอยุธยามีประชากรประมาณ 2 แสนคนเลยทีเดียว


**แผนผังเกาะอยุธยา


เนเมียวสีหบดี เดินทัพมาถึงชานพระนครเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2309 หลังจากยึดหัวเมืองหลักทั้งเหนือคือ สุโขทัยและพิษณุโลกได้เป็นผลสำเร็จ

เมื่อทัพเนเมียสีหบดี เข้ามารวมกับทัพของมังมหานรธาที่ปักหลักรออยู่ก่อนหน้าแล้ว พม่าจึงเริ่มแปรขบวณเตรียมการขยับทัพคืบคลานเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา



......เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร โปรดติดตามตอนต่อไป





ศึกครานี้ใหญ่หลวงนัก.....


ขอบคุณที่สละเวลาอ่าน ผิดพลาดประการขออภัย
เรียบเรียงให้อ่านโดยผมเอง ข้อมูลอ้างอิง จากซีดีบรรยาย คุยเฟื่องเรื่องอยุธยา โดย ดร สุเนตร ชุตินธรานนท์ กับอาจารย์ วีระ ธีรภัทร และเวป wikipedia



โหวตเป็นกระทู้แนะนำ
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: ทีมดาวิใบเฟิร์น
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 60896
ที่อยู่: สเปอร์ส&ชมรมคนรักหนัง&เนย
โพสเมื่อ: Wed Jun 17, 2015 13:21
[RE: [Part2]ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
ตอนเช้าที่ผมไปใส่บาตรเจอพม่าอีกแล้วครับ

Spoil
พระมา  
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2976
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 17, 2015 13:24
[RE: [Part2]ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
kalakasong พิมพ์ว่า:
ตอนเช้าที่ผมไปใส่บาตรเจอพม่าอีกแล้วครับ

Spoil
พระมา  
 

พระมา
Spoil
ปลากินมด ไอ่ตัวย่างกุ้งเมื่อวานใช่มั้ย  
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์ฟุตบอลโลก
Status: Pain peko
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 31 Oct 2014
ตอบ: 20516
ที่อยู่: แถวๆนี้แหละครับ
โพสเมื่อ: Wed Jun 17, 2015 13:24
[RE: [Part2]ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
และล่าสุด พม่าก็พ่ายแก่พวกเรา

ถึง3-0

เอ้า เฮ

1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ซุปตาร์โอลิมปิก
Status: ทีมดาวิใบเฟิร์น
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Oct 2012
ตอบ: 60896
ที่อยู่: สเปอร์ส&ชมรมคนรักหนัง&เนย
โพสเมื่อ: Wed Jun 17, 2015 13:25
[RE: [Part2]ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
jofromhell พิมพ์ว่า:
kalakasong พิมพ์ว่า:
ตอนเช้าที่ผมไปใส่บาตรเจอพม่าอีกแล้วครับ

Spoil
พระมา  
 

พระมา
Spoil
ปลากินมด ไอ่ตัวย่างกุ้งเมื่อวานใช่มั้ย  
 


ป่าวครับ ผมเพิ่งมาเล่นมุ้แรก จริงๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลถ้วย ค.
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2109
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 17, 2015 13:26
[RE: [Part2]ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
รอๆ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 45298
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Wed Jun 17, 2015 13:46
[RE: [Part2]ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
จริงๆ การตั้งรับแบบ full def แบบนี้ไม่ค่อยประยุกต์เท่าไหร่ เพราะเสี่ยงเหลือเกิน การนำทัพออกไปยันแต่ละกองทัพหรือกลศึกจริงๆเหมาะสมกว่า แบบในสงคราม 9 ทัพ การรอให้มารวมกันฟูลทีมของพม่า + ปัญหาภายในก็อาการหนักงี้แล
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 Dec 2005
ตอบ: 653
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 17, 2015 17:10
[RE: [Part2]ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
จริง ๆ แล้ว การใช้พระนครตั้งรับแล้วรอน้ำหลากนี่เป็นทางเลือกในการป้องกันหลักของอยุธยาเลยทีเดียว แต่การที่จะใช้วิธีนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบนั้น จำเป็นต้องมีทัพหัวเมืองมากระหนาบด้วย ดังเช่นตอนที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิรับศึกพระเจ้าหงสาวดีตะเบ็งชเวตี้ พระองค์ยึดพระนครเป็นฐาน แล้วใช้ทัพเรือระดมยิงปืนใหญ่ต่อต้านทัพพม่า รอท่าสมเด็จพระมหาธรรมราชานำกำลังจากเมืองเหนือมากระหนาบ ทำให้พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้ต้องถอยทัพกลับไปอย่างบอบช้ำ

แม้แต่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ถึงพระองค์จะนิยมนำทัพออกจากพระนครไปสกัดกั้นข้าศึกแทบทุกครั้ง เช่น คราขับไล่ทัพพระยาละแวก ศึกพระยาพสิมกับพระเจ้าเชียงใหม่ เหล่านี้ก็ตาม แต่หากเป็นทัพใหญ่ที่เตรียมการมาดีอย่างทัพพระเจ้านันทบุเรงที่ยกมาราว 250000 (จำนวนอาจเกินจริง) พระองค์ก็ใช้วิธีเทครัวหัวเมืองเหนือมาที่อยุธยา แล้วใช้พระนครเป็นฐานรับศึกเช่นกันครับ ในกรณีของการศึกยุทธหัตถีที่ทรงนำทัพไปต้านพระมหาอุปราชา เมงจีสวา ทั้งที่อีกฝ่ายมีจำนวนถึง 240000 นั้น ก็เพราะว่าทัพเมงจีสวาถึงแม้จะมีเป็นจำนวนมาก แต่ก็เป็นกองทัพที่เร่งรัดกะเกณฑ์อย่างเร่งด่วน มีทั้งคนแก่และเด็กปะปนอยู่ด้วยไม่น้อย ถึงจะมีจำนวนมหาศาล แต่ก็ขาดซึ่งประสิทธิภาพ ดังนั้นหากจะยกทัพออกไปยันไม่ให้เข้ามาถึงชานพระนครก็น่าจะทำได้ แม้ยันไม่ไหวก็ถอยมาใช้พระนครเป็นฐานป้องกันก็ยังได้

แต่คราวเสียกรุงครั้งที่สอง พม่ามาแบบคีมหนีบยึดหัวเมืองเหนือและใต้ไว้ได้แล้ว อยุธยาจึงไม่อาจใช้วิธีนำทัพหัวเมืองมากระหนาบหลังได้อย่างแต่ก่อน ทำได้เพียงตั้งรับอาศัยชัยภูมิที่เป็นเกาะเมืองยันทัพข้าศึก แต่ปัญหาคืออยุธยาไม่อาจรักษาเส้นทางออกสู่ทะเลไว้ได้อีกแล้ว ทำให้ไม่มียุทธปัจจัยและเสบียงใด ๆ มาเพิ่มขณะถูกปิดล้อม เมื่อเสบียงและกระสุนดินดำหมด พม่าก็ตีเมืองแตก
แก้ไขล่าสุดโดย Gorge เมื่อ Sat Aug 20, 2016 15:20, ทั้งหมด 3 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status: แค่มองเผินๆ ไม่ได้ลงมาสัมผัสเอง แล้วทำเป็นรู้ดี บอ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 1819
ที่อยู่: League Of Legends
โพสเมื่อ: Fri Aug 19, 2016 19:50
[RE: [Part2]ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
Spoil
jofromhell พิมพ์ว่า:
***ความเดิมจากตอนที่แล้ว http://www.soccersuck.in.th/boards/topic/1239739/1/#29602952


Part 2 ยุทธศาสตร์ทางสงครามไทย vs พม่า

ฝ่ายพม่า

ในปี 2307 หรืออีก 4 ปี ให้หลัง พระเจ้ามังระพระมหากษัตริย์องค์ใหม่แห่งอาณาจักรพม่า ได้สั่งการให้แม่ทัพเนเมียวสีหบดี หนึ่งใน "ทหารที่โดดเด่นที่สุด" คุมทัพไปปราบกบฏที่ล้านนาเชียงใหม่ จากนั้นก็ยกทัพไปกวาดอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งในธุระทางการทหารเพื่อเตรียมจะเปิดศึกใหญ่กับอยุธยาต่อไป

1 ป้องกันการโดนอาณาจักรทางเหนือตีขนาบระหว่างที่เข้าตีอยุธยา
2 ใช้เมืองทางเหนือเป็นเมืองค่าย คอยส่งเสบียง ยุทโธปกรณ์ และกำลังสนุบสนุน (ลำเลียงลงมาตามแม่น้ำ)ในการเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา
3 รวบรวมเชลยของเมืองที่ตีแตกมาเป็นไพร่ราบทหารเลว จัดเป็นทัพหน้าไว้ปะทะกับทางเรา


**ท้ายที่สุดกองทัพผสมของแม่ทัพเนเมียวสีหบดี ที่ได้มาจาก ล้านนา ล้านช้าง(ลาว) ฉาน ฯลฯ มีกำลังพลประมาณ 40,000 นาย ใช้เวลาเตรียมความพร้อมก่อนเข้าตีอยุธยา 2 ปี



ในปี พศ 2308 พระเจ้ามังระได้ประชุมวางแผนการศึก และได้สั่งการให้แม่ทัพมังมหานรธาเป็นผู้บัญชาการกองทัพเสริม 30000 นาย ยกเข้ามาทางด่านสิงขร(ที่พระเจ้าอลองพญาเปิดเส้นทางรบไว้) ไล่ตีมาตั้งแต่เมืองเย เมืองทวาย และเข้ายึดเมืองมะริด
จากนั้นแม่ทัพมังมหานรธา แยกทัพเป็น 2 ส่วน

ทัพแรก เข้าตีทางพระประแดง ธนบุรี ตะลุยทัพย้อนขึ้นด้านบน เป้าหมายเพื่อคุมเส้นทางน้ำ ไม่ได้อยุธยาได้รับความช่วยเหลือ หรือหนีรอดออกมาจากเมืองได้

ทัพที่2 เข้าตีจากทวายไปกาญจนบุรี (**บ้างก็ว่ามีอีกทัพ มาทางเส้นด่านพระเจดีย์สามองค์ ตัดเข้าทางสุพรรณบุรี) หมายปิดล้อมเมืองทางทิศตะวันตก




**อยุธยาโดนปิดล้อม ทั้งทางเหนือ ใต้ และตะวันตก (ท้ายที่สุดพระเจ้ากรุงธนบุรีใช้เส้นทางทิศตะวันออก หลบหนีออกมาได้)

ทัพเสริมที่มาทางใต้นี้ ค่อนข้างจะไร้การต่อต้านจากหัวเมืองต่างๆ (อาจจะมีการปะทะหนักบ้างแถวเพชรบุรี) ทำให้ทัพของมังมหานรธาเดินทางมาถึงก่อนทัพทางเหนือของทัพเนเมียวสีหบดี ดังนั้นมังมหานนรธาจึงสร้างค่ายขนาดใหญ่บริเวณวัดสีกุก(ทิศใต้ของเกาะอยุธยา) ยั้งทัพรอทัพทางเหนือเดืนทางมาสบทบ เพื่อแปรขบวนทัพเข้าล้อมอยุธยาต่อไป


**พม่าใช้วิธีการเชือดไก่ให้ลิงดู คือถ้าเมืองไหนต่อต้าน ทัพพม่าจะเผาเมืองจับผู้คนประหารอย่างโหดเหี้ยม(โดยมากพม่าใช้วิธีการจับย่างสดๆ) ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่เมืองที่คิดจะแข็งข้อ กองทัพทางทิศไต้นี้จะใหญ่ขึ้น จากการได้เชลยทหารของเมืองที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อพม่า

ฝ่ายไทย
อยุธยาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงสมัยพระนเรศวรฯ มักจะใช้ยุทธวิธีรับศึกพม่าโดยตั้งรับอยู่ในเมืองเป็นสำคัญ โดยใช้ข้อได้เปรียบทางธรรมชาติให้เป็นประโยชน์ นั่นคือ น้ำท่วม อย่างที่เรารู้กันว่า พอเข้าฤดูฝน อยุธยาจะเกิดน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี ดังนั้นหากพม่าไม่สามารถตีเมืองเราแตกได้ก่อนถึงฤดูน้ำหลาก ทัพพม่าจำเป็นต้องถอยทัพร่นกลับเพื่อหนีน้ำ จากนั้นจะโดนทัพไทยไล่ตีไล่ตามหลัง ซึ่งไทยเราใช้ยุทธศาสตร์นี้รักษาเมืองมาโดยตลอด




พอสำนักอยุธยารับข่าวว่าพม่ายกทัพ เข้ามาตามเส้นทางต่างๆ จึงสั่งการให้หัวเมืองต่างๆรอบอยุธยาถอนกำลังไพล่พล อพยพเข้าสู่อยุธยาเพื่อเตรียมการรับศึกใหญ่กับพม่าตามยุทธศาสตร์การรบที่ใช้มาโดยตลอด ว่ากันว่าขณะนั้นในอยุธยามีประชากรประมาณ 2 แสนคนเลยทีเดียว


**แผนผังเกาะอยุธยา


เนเมียวสีหบดี เดินทัพมาถึงชานพระนครเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2309 หลังจากยึดหัวเมืองหลักทั้งเหนือคือ สุโขทัยและพิษณุโลกได้เป็นผลสำเร็จ

เมื่อทัพเนเมียสีหบดี เข้ามารวมกับทัพของมังมหานรธาที่ปักหลักรออยู่ก่อนหน้าแล้ว พม่าจึงเริ่มแปรขบวณเตรียมการขยับทัพคืบคลานเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา



......เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร โปรดติดตามตอนต่อไป





ศึกครานี้ใหญ่หลวงนัก.....


ขอบคุณที่สละเวลาอ่าน ผิดพลาดประการขออภัย
เรียบเรียงให้อ่านโดยผมเอง ข้อมูลอ้างอิง จากซีดีบรรยาย คุยเฟื่องเรื่องอยุธยา โดย ดร สุเนตร ชุตินธรานนท์ กับอาจารย์ วีระ ธีรภัทร และเวป wikipedia



 
 


part3 อยู่ไหนเหรอท่านผมเพิ่งมาเจอ อ่านเพลินเลย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2976
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Fri Aug 19, 2016 20:31
[RE: [Part2]ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
Ezreal พิมพ์ว่า:
Spoil
jofromhell พิมพ์ว่า:
***ความเดิมจากตอนที่แล้ว http://www.soccersuck.in.th/boards/topic/1239739/1/#29602952


Part 2 ยุทธศาสตร์ทางสงครามไทย vs พม่า

ฝ่ายพม่า

ในปี 2307 หรืออีก 4 ปี ให้หลัง พระเจ้ามังระพระมหากษัตริย์องค์ใหม่แห่งอาณาจักรพม่า ได้สั่งการให้แม่ทัพเนเมียวสีหบดี หนึ่งใน "ทหารที่โดดเด่นที่สุด" คุมทัพไปปราบกบฏที่ล้านนาเชียงใหม่ จากนั้นก็ยกทัพไปกวาดอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งในธุระทางการทหารเพื่อเตรียมจะเปิดศึกใหญ่กับอยุธยาต่อไป

1 ป้องกันการโดนอาณาจักรทางเหนือตีขนาบระหว่างที่เข้าตีอยุธยา
2 ใช้เมืองทางเหนือเป็นเมืองค่าย คอยส่งเสบียง ยุทโธปกรณ์ และกำลังสนุบสนุน (ลำเลียงลงมาตามแม่น้ำ)ในการเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา
3 รวบรวมเชลยของเมืองที่ตีแตกมาเป็นไพร่ราบทหารเลว จัดเป็นทัพหน้าไว้ปะทะกับทางเรา


**ท้ายที่สุดกองทัพผสมของแม่ทัพเนเมียวสีหบดี ที่ได้มาจาก ล้านนา ล้านช้าง(ลาว) ฉาน ฯลฯ มีกำลังพลประมาณ 40,000 นาย ใช้เวลาเตรียมความพร้อมก่อนเข้าตีอยุธยา 2 ปี



ในปี พศ 2308 พระเจ้ามังระได้ประชุมวางแผนการศึก และได้สั่งการให้แม่ทัพมังมหานรธาเป็นผู้บัญชาการกองทัพเสริม 30000 นาย ยกเข้ามาทางด่านสิงขร(ที่พระเจ้าอลองพญาเปิดเส้นทางรบไว้) ไล่ตีมาตั้งแต่เมืองเย เมืองทวาย และเข้ายึดเมืองมะริด
จากนั้นแม่ทัพมังมหานรธา แยกทัพเป็น 2 ส่วน

ทัพแรก เข้าตีทางพระประแดง ธนบุรี ตะลุยทัพย้อนขึ้นด้านบน เป้าหมายเพื่อคุมเส้นทางน้ำ ไม่ได้อยุธยาได้รับความช่วยเหลือ หรือหนีรอดออกมาจากเมืองได้

ทัพที่2 เข้าตีจากทวายไปกาญจนบุรี (**บ้างก็ว่ามีอีกทัพ มาทางเส้นด่านพระเจดีย์สามองค์ ตัดเข้าทางสุพรรณบุรี) หมายปิดล้อมเมืองทางทิศตะวันตก




**อยุธยาโดนปิดล้อม ทั้งทางเหนือ ใต้ และตะวันตก (ท้ายที่สุดพระเจ้ากรุงธนบุรีใช้เส้นทางทิศตะวันออก หลบหนีออกมาได้)

ทัพเสริมที่มาทางใต้นี้ ค่อนข้างจะไร้การต่อต้านจากหัวเมืองต่างๆ (อาจจะมีการปะทะหนักบ้างแถวเพชรบุรี) ทำให้ทัพของมังมหานรธาเดินทางมาถึงก่อนทัพทางเหนือของทัพเนเมียวสีหบดี ดังนั้นมังมหานนรธาจึงสร้างค่ายขนาดใหญ่บริเวณวัดสีกุก(ทิศใต้ของเกาะอยุธยา) ยั้งทัพรอทัพทางเหนือเดืนทางมาสบทบ เพื่อแปรขบวนทัพเข้าล้อมอยุธยาต่อไป


**พม่าใช้วิธีการเชือดไก่ให้ลิงดู คือถ้าเมืองไหนต่อต้าน ทัพพม่าจะเผาเมืองจับผู้คนประหารอย่างโหดเหี้ยม(โดยมากพม่าใช้วิธีการจับย่างสดๆ) ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่เมืองที่คิดจะแข็งข้อ กองทัพทางทิศไต้นี้จะใหญ่ขึ้น จากการได้เชลยทหารของเมืองที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อพม่า

ฝ่ายไทย
อยุธยาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงสมัยพระนเรศวรฯ มักจะใช้ยุทธวิธีรับศึกพม่าโดยตั้งรับอยู่ในเมืองเป็นสำคัญ โดยใช้ข้อได้เปรียบทางธรรมชาติให้เป็นประโยชน์ นั่นคือ น้ำท่วม อย่างที่เรารู้กันว่า พอเข้าฤดูฝน อยุธยาจะเกิดน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี ดังนั้นหากพม่าไม่สามารถตีเมืองเราแตกได้ก่อนถึงฤดูน้ำหลาก ทัพพม่าจำเป็นต้องถอยทัพร่นกลับเพื่อหนีน้ำ จากนั้นจะโดนทัพไทยไล่ตีไล่ตามหลัง ซึ่งไทยเราใช้ยุทธศาสตร์นี้รักษาเมืองมาโดยตลอด




พอสำนักอยุธยารับข่าวว่าพม่ายกทัพ เข้ามาตามเส้นทางต่างๆ จึงสั่งการให้หัวเมืองต่างๆรอบอยุธยาถอนกำลังไพล่พล อพยพเข้าสู่อยุธยาเพื่อเตรียมการรับศึกใหญ่กับพม่าตามยุทธศาสตร์การรบที่ใช้มาโดยตลอด ว่ากันว่าขณะนั้นในอยุธยามีประชากรประมาณ 2 แสนคนเลยทีเดียว


**แผนผังเกาะอยุธยา


เนเมียวสีหบดี เดินทัพมาถึงชานพระนครเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2309 หลังจากยึดหัวเมืองหลักทั้งเหนือคือ สุโขทัยและพิษณุโลกได้เป็นผลสำเร็จ

เมื่อทัพเนเมียสีหบดี เข้ามารวมกับทัพของมังมหานรธาที่ปักหลักรออยู่ก่อนหน้าแล้ว พม่าจึงเริ่มแปรขบวณเตรียมการขยับทัพคืบคลานเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา



......เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร โปรดติดตามตอนต่อไป





ศึกครานี้ใหญ่หลวงนัก.....


ขอบคุณที่สละเวลาอ่าน ผิดพลาดประการขออภัย
เรียบเรียงให้อ่านโดยผมเอง ข้อมูลอ้างอิง จากซีดีบรรยาย คุยเฟื่องเรื่องอยุธยา โดย ดร สุเนตร ชุตินธรานนท์ กับอาจารย์ วีระ ธีรภัทร และเวป wikipedia



 
 


part3 อยู่ไหนเหรอท่านผมเพิ่งมาเจอ อ่านเพลินเลย  

ผมลืมเขียนตอนจบครับ เมื่อวานก็มีสมาชิก PM มาถามเหมือนกัน เดียวถ้าว่างๆจะเขียนตอนจบนะครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status: แค่มองเผินๆ ไม่ได้ลงมาสัมผัสเอง แล้วทำเป็นรู้ดี บอ
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 05 Sep 2013
ตอบ: 1819
ที่อยู่: League Of Legends
โพสเมื่อ: Fri Aug 19, 2016 22:15
[RE: [Part2]ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
jofromhell พิมพ์ว่า:
Ezreal พิมพ์ว่า:
Spoil
jofromhell พิมพ์ว่า:
***ความเดิมจากตอนที่แล้ว http://www.soccersuck.in.th/boards/topic/1239739/1/#29602952


Part 2 ยุทธศาสตร์ทางสงครามไทย vs พม่า

ฝ่ายพม่า

ในปี 2307 หรืออีก 4 ปี ให้หลัง พระเจ้ามังระพระมหากษัตริย์องค์ใหม่แห่งอาณาจักรพม่า ได้สั่งการให้แม่ทัพเนเมียวสีหบดี หนึ่งใน "ทหารที่โดดเด่นที่สุด" คุมทัพไปปราบกบฏที่ล้านนาเชียงใหม่ จากนั้นก็ยกทัพไปกวาดอาณาจักรล้านช้าง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งในธุระทางการทหารเพื่อเตรียมจะเปิดศึกใหญ่กับอยุธยาต่อไป

1 ป้องกันการโดนอาณาจักรทางเหนือตีขนาบระหว่างที่เข้าตีอยุธยา
2 ใช้เมืองทางเหนือเป็นเมืองค่าย คอยส่งเสบียง ยุทโธปกรณ์ และกำลังสนุบสนุน (ลำเลียงลงมาตามแม่น้ำ)ในการเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา
3 รวบรวมเชลยของเมืองที่ตีแตกมาเป็นไพร่ราบทหารเลว จัดเป็นทัพหน้าไว้ปะทะกับทางเรา


**ท้ายที่สุดกองทัพผสมของแม่ทัพเนเมียวสีหบดี ที่ได้มาจาก ล้านนา ล้านช้าง(ลาว) ฉาน ฯลฯ มีกำลังพลประมาณ 40,000 นาย ใช้เวลาเตรียมความพร้อมก่อนเข้าตีอยุธยา 2 ปี



ในปี พศ 2308 พระเจ้ามังระได้ประชุมวางแผนการศึก และได้สั่งการให้แม่ทัพมังมหานรธาเป็นผู้บัญชาการกองทัพเสริม 30000 นาย ยกเข้ามาทางด่านสิงขร(ที่พระเจ้าอลองพญาเปิดเส้นทางรบไว้) ไล่ตีมาตั้งแต่เมืองเย เมืองทวาย และเข้ายึดเมืองมะริด
จากนั้นแม่ทัพมังมหานรธา แยกทัพเป็น 2 ส่วน

ทัพแรก เข้าตีทางพระประแดง ธนบุรี ตะลุยทัพย้อนขึ้นด้านบน เป้าหมายเพื่อคุมเส้นทางน้ำ ไม่ได้อยุธยาได้รับความช่วยเหลือ หรือหนีรอดออกมาจากเมืองได้

ทัพที่2 เข้าตีจากทวายไปกาญจนบุรี (**บ้างก็ว่ามีอีกทัพ มาทางเส้นด่านพระเจดีย์สามองค์ ตัดเข้าทางสุพรรณบุรี) หมายปิดล้อมเมืองทางทิศตะวันตก




**อยุธยาโดนปิดล้อม ทั้งทางเหนือ ใต้ และตะวันตก (ท้ายที่สุดพระเจ้ากรุงธนบุรีใช้เส้นทางทิศตะวันออก หลบหนีออกมาได้)

ทัพเสริมที่มาทางใต้นี้ ค่อนข้างจะไร้การต่อต้านจากหัวเมืองต่างๆ (อาจจะมีการปะทะหนักบ้างแถวเพชรบุรี) ทำให้ทัพของมังมหานรธาเดินทางมาถึงก่อนทัพทางเหนือของทัพเนเมียวสีหบดี ดังนั้นมังมหานนรธาจึงสร้างค่ายขนาดใหญ่บริเวณวัดสีกุก(ทิศใต้ของเกาะอยุธยา) ยั้งทัพรอทัพทางเหนือเดืนทางมาสบทบ เพื่อแปรขบวนทัพเข้าล้อมอยุธยาต่อไป


**พม่าใช้วิธีการเชือดไก่ให้ลิงดู คือถ้าเมืองไหนต่อต้าน ทัพพม่าจะเผาเมืองจับผู้คนประหารอย่างโหดเหี้ยม(โดยมากพม่าใช้วิธีการจับย่างสดๆ) ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่เมืองที่คิดจะแข็งข้อ กองทัพทางทิศไต้นี้จะใหญ่ขึ้น จากการได้เชลยทหารของเมืองที่ยอมสวามิภักดิ์ต่อพม่า

ฝ่ายไทย
อยุธยาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงสมัยพระนเรศวรฯ มักจะใช้ยุทธวิธีรับศึกพม่าโดยตั้งรับอยู่ในเมืองเป็นสำคัญ โดยใช้ข้อได้เปรียบทางธรรมชาติให้เป็นประโยชน์ นั่นคือ น้ำท่วม อย่างที่เรารู้กันว่า พอเข้าฤดูฝน อยุธยาจะเกิดน้ำท่วมเป็นประจำทุกปี ดังนั้นหากพม่าไม่สามารถตีเมืองเราแตกได้ก่อนถึงฤดูน้ำหลาก ทัพพม่าจำเป็นต้องถอยทัพร่นกลับเพื่อหนีน้ำ จากนั้นจะโดนทัพไทยไล่ตีไล่ตามหลัง ซึ่งไทยเราใช้ยุทธศาสตร์นี้รักษาเมืองมาโดยตลอด




พอสำนักอยุธยารับข่าวว่าพม่ายกทัพ เข้ามาตามเส้นทางต่างๆ จึงสั่งการให้หัวเมืองต่างๆรอบอยุธยาถอนกำลังไพล่พล อพยพเข้าสู่อยุธยาเพื่อเตรียมการรับศึกใหญ่กับพม่าตามยุทธศาสตร์การรบที่ใช้มาโดยตลอด ว่ากันว่าขณะนั้นในอยุธยามีประชากรประมาณ 2 แสนคนเลยทีเดียว


**แผนผังเกาะอยุธยา


เนเมียวสีหบดี เดินทัพมาถึงชานพระนครเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2309 หลังจากยึดหัวเมืองหลักทั้งเหนือคือ สุโขทัยและพิษณุโลกได้เป็นผลสำเร็จ

เมื่อทัพเนเมียสีหบดี เข้ามารวมกับทัพของมังมหานรธาที่ปักหลักรออยู่ก่อนหน้าแล้ว พม่าจึงเริ่มแปรขบวณเตรียมการขยับทัพคืบคลานเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา



......เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร โปรดติดตามตอนต่อไป





ศึกครานี้ใหญ่หลวงนัก.....


ขอบคุณที่สละเวลาอ่าน ผิดพลาดประการขออภัย
เรียบเรียงให้อ่านโดยผมเอง ข้อมูลอ้างอิง จากซีดีบรรยาย คุยเฟื่องเรื่องอยุธยา โดย ดร สุเนตร ชุตินธรานนท์ กับอาจารย์ วีระ ธีรภัทร และเวป wikipedia



 
 


part3 อยู่ไหนเหรอท่านผมเพิ่งมาเจอ อ่านเพลินเลย  

ผมลืมเขียนตอนจบครับ เมื่อวานก็มีสมาชิก PM มาถามเหมือนกัน เดียวถ้าว่างๆจะเขียนตอนจบนะครับ  


ขอบคุณมากครับ ผมชอบสไตร์การเล่าเรื่องมากครับ ^ ^
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel