BLOG BOARD_B
ติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Email: sale@soccersuck.com
ไว้คราวหน้า X
ไว้คราวหน้า X
ไม่ต้องแสดงข้อความนี้อีกเลย
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
ฝากรูป
ผู้ตั้ง
ข้อความ
ออฟไลน์
ดาวเตะพรีเมียร์ลีก
Status: แก้มสั่นไหว หน้าอกก็สั่นไหว
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 12334
ที่อยู่: Olympus
โพสเมื่อ: Tue Jun 16, 2015 14:16
[RE: ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
jofromhell พิมพ์ว่า:
noat พิมพ์ว่า:
เค้าน่าจะตั้งชื่อตามพงศวดารว่า อยุธยารบอังวะ มากกว่านะครับ
สมัยนั้นยังไม่ได้เรียกว่า ไทยและพม่าเลย
 
ที่เรียกไทย กับพม่า จะให้เกิดความเข้าใจตรงกันง่ายๆ น่ะครับ เอาจริงๆในตอนนั้นก็ไม่น่าเรียกอังวะด้วย เพราะไม่ใช่ราชวงค์อังวะแล้ว เป็นราชวงศ์อลองพญา หรือคองบองมากกว่า แถมเมืองหลวงก็ไม่ใช่เมืองรัตนปุระอังวะด้วย เพราะเจ้าอลองพญาสถาปนาเมืองชะเวโบเป็นราชธานีแทน  


ฮ่าๆ แค่กลัวว่าประวัติศาสตร์จะทำให้คนทั้งสองชาติเกลียดกันน่ะซิฮะ
ความจริงพม่ารักประเทศไทยจะตาย สังเกตุว่าเข้ามาทำงานแล้วได้ตังค์กันเยอะ


2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

"once a gooner, always a gooner"
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2976
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jun 16, 2015 14:19
[RE: ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
noat พิมพ์ว่า:
jofromhell พิมพ์ว่า:
noat พิมพ์ว่า:
เค้าน่าจะตั้งชื่อตามพงศวดารว่า อยุธยารบอังวะ มากกว่านะครับ
สมัยนั้นยังไม่ได้เรียกว่า ไทยและพม่าเลย
 
ที่เรียกไทย กับพม่า จะให้เกิดความเข้าใจตรงกันง่ายๆ น่ะครับ เอาจริงๆในตอนนั้นก็ไม่น่าเรียกอังวะด้วย เพราะไม่ใช่ราชวงค์อังวะแล้ว เป็นราชวงศ์อลองพญา หรือคองบองมากกว่า แถมเมืองหลวงก็ไม่ใช่เมืองรัตนปุระอังวะด้วย เพราะเจ้าอลองพญาสถาปนาเมืองชะเวโบเป็นราชธานีแทน  


ฮ่าๆ แค่กลัวว่าประวัติศาสตร์จะทำให้คนทั้งสองชาติเกลียดกันน่ะซิฮะ
ความจริงพม่ารักประเทศไทยจะตาย สังเกตุว่าเข้ามาทำงานแล้วได้ตังค์กันเยอะ


 

จริงๆรู้สึกเหมือนพม่าเค้าจะไม่ได้เกลียดเราน่ะครับ มีแต่เราเกลียดเค้าซ่ะมากกว่า ฮ่าาา

ปลที่ไม่ค่อยชอบเราน่าจะเป็นลาว หรือเขมรมากกว่า เพราะเราไปตีเค้าบ่อย
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ผู้เยี่ยมชม
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 22 Aug 2008
ตอบ: 6604
ที่อยู่: KHON KAEN
โพสเมื่อ: Tue Jun 16, 2015 14:31
ถูกแบนแล้ว
[RE: ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
พระเจ้าอลองพญา จะบอกว่า ไม่มีเชื้อสายราชวงศ์ เลยก็ไม่ใช่นะครับ
บรรพบุรุษ เค้าเป็นนายบ้านของหมู่บ้านหนึ่ง มาหลายชั่วอายุคน
และนายบ้านหมู่บ้านนี้ สืบสายมาจากราชวงศ์พุกาม
(ราชวงศ์แรกของพม่าในการบันทึกของนักประวัติศาสตร์ ถ้าบ้านเรา ก็เหมือนนับเริ่ม ที่สุโขทัย)

เพียงแต่ก็เหมือน บรรพบุรุษหมดอำนาจวาสนา ก็หนีตายจากผู้ปกครองใหม่ มาอยู่หมู่บ้านเล็กๆ
พอตั้งตัวได้ รวมกำลังได้ สร้างบารมีใหม่(ซึ่งอาจจะหลักสิบหลักร้อยปีก็ว่าไป)
ก็กลับไปทำการเพื่อเอาอำนาจกลับมา วนเวียนๆ

อันนี้ก็ฟังพวกเรียนทางนี้เค้าเล่าให้ฟังนะครับ ไม่ได้เรียนเองแต่ประการใด
ผิดพลาดประการใด ก็เล่าสู่กันฟัง เป็นวิทยาทานได้ครับ...
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2976
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jun 16, 2015 14:33
[RE: ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
chaky_kk พิมพ์ว่า:
พระเจ้าอลองพญา จะบอกว่า ไม่มีเชื้อสายราชวงศ์ เลยก็ไม่ใช่นะครับ
บรรพบุรุษ เค้าเป็นนายบ้านของหมู่บ้านหนึ่ง มาหลายชั่วอายุคน
และนายบ้านหมู่บ้านนี้ สืบสายมาจากราชวงศ์พุกาม
(ราชวงศ์แรกของพม่าในการบันทึกของนักประวัติศาสตร์ ถ้าบ้านเรา ก็เหมือนนับเริ่ม ที่สุโขทัย)

เพียงแต่ก็เหมือน บรรพบุรุษหมดอำนาจวาสนา ก็หนีตายจากผู้ปกครองใหม่ มาอยู่หมู่บ้านเล็กๆ
พอตั้งตัวได้ รวมกำลังได้ สร้างบารมีใหม่(ซึ่งอาจจะหลักสิบหลักร้อยปีก็ว่าไป)
ก็กลับไปทำการเพื่อเอาอำนาจกลับมา วนเวียนๆ

อันนี้ก็ฟังพวกเรียนทางนี้เค้าเล่าให้ฟังนะครับ ไม่ได้เรียนเองแต่ประการใด
ผิดพลาดประการใด ก็เล่าสู่กันฟัง เป็นวิทยาทานได้ครับ...
 
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
แข้งเจลีก
Status: ควีน การ์ด
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 10 Jun 2009
ตอบ: 3625
ที่อยู่: Soi มหาดไทย
โพสเมื่อ: Tue Jun 16, 2015 15:00
[RE: ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
ขอบคุณสาระดีๆครับ
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออนไลน์
นักบอลลีกภูมิภาค
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 01 Jan 2007
ตอบ: 4824
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jun 16, 2015 15:02
[RE: ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
อันนี้เป็นข้อเขียนของ อ. นิธิ เอียวศรีวงศ์ อ. ประวัติศาสตร์รุ่นใหญ่ครับ
โดยสรุปคือ หลังการล่มสลายของหงสาวดี ทำให้พม่าปฏิรูปสังคมตัวเองยกใหญ่
และได้สร้างโครงสร้างทางสังคมที่แข็งแกร่งขึ้นมา
การที่อยุธยาพ่ายแพ้ เพราะกองทัพพม่าวางอยู่บนระบบการเมืองและสังคมที่แข็งแกร่งกว่า

คิดว่าน่าจะเพิ่มเติมจากเนื้อหาในกระทู้ได้ครับ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1431600770
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน

ออฟไลน์
นักเตะเทศบาล
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 27 May 2010
ตอบ: 2346
ที่อยู่: ตามบ้านเพื่อน
โพสเมื่อ: Tue Jun 16, 2015 17:39
[RE: ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
หนังสือเรียนประวัติศาสต์ไทยชอบเขียนว่าพระเจ้าเอกทัศเป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ เลยทำให้รบแพ้

แต่ผมว่า เป็นเพราะช่วงนั้นพม่ามีกำลังที่แข็งแกร่งมากกว่า บวกกับแม่ทัพและทหารมีความสามารถ
พม่าเตรียมการมาดี จัดเตรียมเสบียงอะไรไว้พร้อม เพราะว่าเค้าเรียนรู้จากครั้งก่อนๆ

กษัตริย์ของไทยไม่ได้อ่อนแอหรอกครับ ไม่งั้นจะยันทัพพม่าไว้ได้ไงเป็นปี เพียงแต่ว่าเราเตรียมการได้ไม่ดีเท่าเค้า
2
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
"เป็นความฝันของผู้จัดการทีมทุกคนที่จะมีนักเตะอย่าง พาร์ก จี-ซอง อยู่ในทีม และจุดอ่อนอย่างเดียวของเขา คือเขาไม่รู้เลย ว่าตัวเองคือหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก" - เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2976
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Tue Jun 16, 2015 18:24
[RE: ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
Backstreet Boy พิมพ์ว่า:
หนังสือเรียนประวัติศาสต์ไทยชอบเขียนว่าพระเจ้าเอกทัศเป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ เลยทำให้รบแพ้

แต่ผมว่า เป็นเพราะช่วงนั้นพม่ามีกำลังที่แข็งแกร่งมากกว่า บวกกับแม่ทัพและทหารมีความสามารถ
พม่าเตรียมการมาดี จัดเตรียมเสบียงอะไรไว้พร้อม เพราะว่าเค้าเรียนรู้จากครั้งก่อนๆ

กษัตริย์ของไทยไม่ได้อ่อนแอหรอกครับ ไม่งั้นจะยันทัพพม่าไว้ได้ไงเป็นปี เพียงแต่ว่าเราเตรียมการได้ไม่ดีเท่าเค้า
 

อาจารย์สุเนตร ท่านว่าบันทึกอื่นๆก็ไม่ได้กล่าวว่าพระเจ้าเอกทัศน์อ่อนแอนะครับ ออกแนวจะชื่นชมด้วยซ้ำไป แต่ก็อย่างว่า แพ้พม่าก็ต้องมีข้อแก้ต่างทางประวัติศาสตร์เป็นธรรมดา เราเป็นคนบันทึกเองนิครับ ที่ไหนก็เป็นแบบนี้หมด
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 45296
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Wed Jun 17, 2015 13:40
[RE: ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
Kagawa@7 พิมพ์ว่า:
นายท่าน III พิมพ์ว่า:
อ้างอิงจาก:
ในปี พศ 2503 พระเจ้าอลองพญาทรงได้เปิดเส้นทางการรบเส้นใหม่ คือเส้นทางด่านสิงขร โดยที่พระองค์ได้ยกทัพตีไล่มาตั้งแต่เมืองเย เมืองทวาย เข้ายึดเมืองมะริด แล้วข้ามฟากเข้าตีกุยบุรี เมืองปราน แล้วตีตะลุยย้อนขึ้นอยุธยา (**จุดนี้สำคัญ เพราะภายหลังเส้นทางนี้ จะเป็นเส้นทางสำคัญในเคลื่อนทัพพม่าเข้าล้อมกรุงศรีอยุธยา ในสงครามเสียกรุงครั้งที่ 2)  


พ.ศ.ผิดป่าว  


ช่าย เพราะ 2503 ไทยตีกันเองอยู่




 


แต่ถ้า 2504 ผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักเตะท้ายซอย
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 18 Dec 2005
ตอบ: 653
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 17, 2015 15:29
[RE: ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
jofromhell พิมพ์ว่า:
Backstreet Boy พิมพ์ว่า:
หนังสือเรียนประวัติศาสต์ไทยชอบเขียนว่าพระเจ้าเอกทัศเป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ เลยทำให้รบแพ้

แต่ผมว่า เป็นเพราะช่วงนั้นพม่ามีกำลังที่แข็งแกร่งมากกว่า บวกกับแม่ทัพและทหารมีความสามารถ
พม่าเตรียมการมาดี จัดเตรียมเสบียงอะไรไว้พร้อม เพราะว่าเค้าเรียนรู้จากครั้งก่อนๆ

กษัตริย์ของไทยไม่ได้อ่อนแอหรอกครับ ไม่งั้นจะยันทัพพม่าไว้ได้ไงเป็นปี เพียงแต่ว่าเราเตรียมการได้ไม่ดีเท่าเค้า
 

อาจารย์สุเนตร ท่านว่าบันทึกอื่นๆก็ไม่ได้กล่าวว่าพระเจ้าเอกทัศน์อ่อนแอนะครับ ออกแนวจะชื่นชมด้วยซ้ำไป แต่ก็อย่างว่า แพ้พม่าก็ต้องมีข้อแก้ต่างทางประวัติศาสตร์เป็นธรรมดา เราเป็นคนบันทึกเองนิครับ ที่ไหนก็เป็นแบบนี้หมด  


ส่วนตัวแล้วเห็นว่า แม้พระเจ้าเอกทัศน์จะไม่ได้มีพระปรีชาสามารถโดดเด่น แต่ก็ไม่ได้แย่มากมายอะไร ในรัชกาลนี้มีการปรับมาตราชั่ง ตวง วัด ให้มีมาตรฐาน ส่งผลให้การค้าค่อนข้างจะเฟื่องฟูอยู่

สาเหตุที่ต้านทัพพม่าได้เป็นแรมปี ผมคิดว่าเป็นที่ชัยภูมิของอยุธยาที่เป็นเกาะเมืองต่างหาก ประกอบกับการที่มีกำแพงเมืองสูงใหญ่แข็งแกร่ง การที่ทัพพม่าจะข้ามแม่น้ำที่มีความกว้างไม่น้อยมาประชิดกำแพงเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ เพราะต้องตกเป็นเป้าของกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายอยุธยา เราจึงยันได้จนพ้นฤดูน้ำหลาก กระทั่งเสบียงและยุทธปัจจัยร่อยหรอนั่นแหละครับ เนเมียวสีหบดีจึงส่งทหารไปประชิดขุดหลุมจุดไฟสุมรากกำแพงเมืองจนพังลง แล้วส่งทหารเข้าตีเมืองได้

จะว่าการทหารอยุธยาอ่อนแอเข้มแข็งก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะแต่ละทัพที่ส่งไปยันทัพพม่าต่างก็แตกพ่ายย่อยยับกลับเข้ากรุงเสียทุกทัพไป การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการกักตุนเสบียงใช้พระนครเป็นฐานตั้งรับ โดยมีค่ายรายล้อมเป็นตัวถ่วงเวลาให้ทางพระนครเตรียมการป้องกัน ซึ่งจุดนี้ถือว่าอยุธยาทำได้ตามเป้าอยู่ครับ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าน้ำหลากมา พม่าจะไม่ถอยกลับ ทีนี้เสร็จเลย เพราะเสบียงกับดินดำมีเท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่มีเพิ่ม จะพึ่งเส้นทางออกทะเลทางใต้ก็หมดสิทธิ์ เพราะไม่อาจรักษาเส้นทางลำเลียงเส้นนี้ไว้ได้แล้ว ผลจึงออกมาอย่างที่เห็นครับ

จริง ๆ สาเหตุแห่งการเสียกรุง ผมคิดว่าส่วนหนึ่งมาจากการลดอำนาจของหัวเมืองชายแดนลง ขนาดพิษณุโลกแท้ ๆ ยังมีทหารเพียงหลักพัน ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งและมั่นคงของส่วนกลาง แต่ผลที่ได้ทำให้หัวเมืองสำคัญ ๆ อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด พม่าจึงบุกมาอย่างสะดวกโยธิน พบการต้านทานน้อยมาก

อีกทั้งอยุธยาในตอนนั้นไม่สามารถสั่งการข้าราชการหัวเมืองได้แล้ว ถึงขนาดเจ้าพระยาพิษณุโลกบอกแม่ตาย ขอลากิจพระเจ้าเอกทัศน์กลับเมืองไปจัดงานศพเฉยเลย นี่ขนาดโดนล้อมอยู่นะครับ หัวเมืองทางฝั่งตะวันออกก็ไม่ได้ช่วยอะไร ทางฝั่งใต้ก็เงียบกริบ ต่างสะสมกำลังรอชิงอำนาจกันทั้งนั้น อยุธยาถูกทำลายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
แก้ไขล่าสุดโดย Gorge เมื่อ Wed Jun 17, 2015 15:30, ทั้งหมด 1 ครั้ง
1
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
นักบอลไทยพรีเมียร์ลีก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 04 Sep 2013
ตอบ: 2976
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Wed Jun 17, 2015 15:58
[RE: ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
Gorge พิมพ์ว่า:
jofromhell พิมพ์ว่า:
Backstreet Boy พิมพ์ว่า:
หนังสือเรียนประวัติศาสต์ไทยชอบเขียนว่าพระเจ้าเอกทัศเป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ เลยทำให้รบแพ้

แต่ผมว่า เป็นเพราะช่วงนั้นพม่ามีกำลังที่แข็งแกร่งมากกว่า บวกกับแม่ทัพและทหารมีความสามารถ
พม่าเตรียมการมาดี จัดเตรียมเสบียงอะไรไว้พร้อม เพราะว่าเค้าเรียนรู้จากครั้งก่อนๆ

กษัตริย์ของไทยไม่ได้อ่อนแอหรอกครับ ไม่งั้นจะยันทัพพม่าไว้ได้ไงเป็นปี เพียงแต่ว่าเราเตรียมการได้ไม่ดีเท่าเค้า
 

อาจารย์สุเนตร ท่านว่าบันทึกอื่นๆก็ไม่ได้กล่าวว่าพระเจ้าเอกทัศน์อ่อนแอนะครับ ออกแนวจะชื่นชมด้วยซ้ำไป แต่ก็อย่างว่า แพ้พม่าก็ต้องมีข้อแก้ต่างทางประวัติศาสตร์เป็นธรรมดา เราเป็นคนบันทึกเองนิครับ ที่ไหนก็เป็นแบบนี้หมด  


ส่วนตัวแล้วเห็นว่า แม้พระเจ้าเอกทัศน์จะไม่ได้มีพระปรีชาสามารถโดดเด่น แต่ก็ไม่ได้แย่มากมายอะไร ในรัชกาลนี้มีการปรับมาตราชั่ง ตวง วัด ให้มีมาตรฐาน ส่งผลให้การค้าค่อนข้างจะเฟื่องฟูอยู่

สาเหตุที่ต้านทัพพม่าได้เป็นแรมปี ผมคิดว่าเป็นที่ชัยภูมิของอยุธยาที่เป็นเกาะเมืองต่างหาก ประกอบกับการที่มีกำแพงเมืองสูงใหญ่แข็งแกร่ง การที่ทัพพม่าจะข้ามแม่น้ำที่มีความกว้างไม่น้อยมาประชิดกำแพงเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ เพราะต้องตกเป็นเป้าของกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายอยุธยา เราจึงยันได้จนพ้นฤดูน้ำหลาก กระทั่งเสบียงและยุทธปัจจัยร่อยหรอนั่นแหละครับ เนเมียวสีหบดีจึงส่งทหารไปประชิดขุดหลุมจุดไฟสุมรากกำแพงเมืองจนพังลง แล้วส่งทหารเข้าตีเมืองได้

จะว่าการทหารอยุธยาอ่อนแอเข้มแข็งก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะแต่ละทัพที่ส่งไปยันทัพพม่าต่างก็แตกพ่ายย่อยยับกลับเข้ากรุงเสียทุกทัพไป การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการกักตุนเสบียงใช้พระนครเป็นฐานตั้งรับ โดยมีค่ายรายล้อมเป็นตัวถ่วงเวลาให้ทางพระนครเตรียมการป้องกัน ซึ่งจุดนี้ถือว่าอยุธยาทำได้ตามเป้าอยู่ครับ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าน้ำหลากมา พม่าจะไม่ถอยกลับ ทีนี้เสร็จเลย เพราะเสบียงกับดินดำมีเท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่มีเพิ่ม จะพึ่งเส้นทางออกทะเลทางใต้ก็หมดสิทธิ์ เพราะไม่อาจรักษาเส้นทางลำเลียงเส้นนี้ไว้ได้แล้ว ผลจึงออกมาอย่างที่เห็นครับ

จริง ๆ สาเหตุแห่งการเสียกรุง ผมคิดว่าส่วนหนึ่งมาจากการลดอำนาจของหัวเมืองชายแดนลง ขนาดพิษณุโลกแท้ ๆ ยังมีทหารเพียงหลักพัน ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งและมั่นคงของส่วนกลาง แต่ผลที่ได้ทำให้หัวเมืองสำคัญ ๆ อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด พม่าจึงบุกมาอย่างสะดวกโยธิน พบการต้านทานน้อยมาก

อีกทั้งอยุธยาในตอนนั้นไม่สามารถสั่งการข้าราชการหัวเมืองได้แล้ว ถึงขนาดเจ้าพระยาพิษณุโลกบอกแม่ตาย ขอลากิจพระเจ้าเอกทัศน์กลับเมืองไปจัดงานศพเฉยเลย นี่ขนาดโดนล้อมอยู่นะครับ หัวเมืองทางฝั่งตะวันออกก็ไม่ได้ช่วยอะไร ทางฝั่งใต้ก็เงียบกริบ ต่างสะสมกำลังรอชิงอำนาจกันทั้งนั้น อยุธยาถูกทำลายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย  

วิเคราะห์ได้เยี่ยมครับ
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ออฟไลน์
ดาวซัลโวฟุตบอลโลก
Status:
: 0 ใบ : 0 ใบ
เข้าร่วม: 03 Oct 2007
ตอบ: 45296
ที่อยู่: แขนของทางช้างเผือก
โพสเมื่อ: Wed Jun 17, 2015 17:13
[RE: ไทยvsพม่า ในสงครามเสียกรุงครั้งที่2]
Spoil
Gorge พิมพ์ว่า:
jofromhell พิมพ์ว่า:
Backstreet Boy พิมพ์ว่า:
หนังสือเรียนประวัติศาสต์ไทยชอบเขียนว่าพระเจ้าเอกทัศเป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ เลยทำให้รบแพ้

แต่ผมว่า เป็นเพราะช่วงนั้นพม่ามีกำลังที่แข็งแกร่งมากกว่า บวกกับแม่ทัพและทหารมีความสามารถ
พม่าเตรียมการมาดี จัดเตรียมเสบียงอะไรไว้พร้อม เพราะว่าเค้าเรียนรู้จากครั้งก่อนๆ

กษัตริย์ของไทยไม่ได้อ่อนแอหรอกครับ ไม่งั้นจะยันทัพพม่าไว้ได้ไงเป็นปี เพียงแต่ว่าเราเตรียมการได้ไม่ดีเท่าเค้า
 

อาจารย์สุเนตร ท่านว่าบันทึกอื่นๆก็ไม่ได้กล่าวว่าพระเจ้าเอกทัศน์อ่อนแอนะครับ ออกแนวจะชื่นชมด้วยซ้ำไป แต่ก็อย่างว่า แพ้พม่าก็ต้องมีข้อแก้ต่างทางประวัติศาสตร์เป็นธรรมดา เราเป็นคนบันทึกเองนิครับ ที่ไหนก็เป็นแบบนี้หมด  


ส่วนตัวแล้วเห็นว่า แม้พระเจ้าเอกทัศน์จะไม่ได้มีพระปรีชาสามารถโดดเด่น แต่ก็ไม่ได้แย่มากมายอะไร ในรัชกาลนี้มีการปรับมาตราชั่ง ตวง วัด ให้มีมาตรฐาน ส่งผลให้การค้าค่อนข้างจะเฟื่องฟูอยู่

สาเหตุที่ต้านทัพพม่าได้เป็นแรมปี ผมคิดว่าเป็นที่ชัยภูมิของอยุธยาที่เป็นเกาะเมืองต่างหาก ประกอบกับการที่มีกำแพงเมืองสูงใหญ่แข็งแกร่ง การที่ทัพพม่าจะข้ามแม่น้ำที่มีความกว้างไม่น้อยมาประชิดกำแพงเมืองไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ เพราะต้องตกเป็นเป้าของกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายอยุธยา เราจึงยันได้จนพ้นฤดูน้ำหลาก กระทั่งเสบียงและยุทธปัจจัยร่อยหรอนั่นแหละครับ เนเมียวสีหบดีจึงส่งทหารไปประชิดขุดหลุมจุดไฟสุมรากกำแพงเมืองจนพังลง แล้วส่งทหารเข้าตีเมืองได้

จะว่าการทหารอยุธยาอ่อนแอเข้มแข็งก็พูดได้ไม่เต็มปาก เพราะแต่ละทัพที่ส่งไปยันทัพพม่าต่างก็แตกพ่ายย่อยยับกลับเข้ากรุงเสียทุกทัพไป การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการกักตุนเสบียงใช้พระนครเป็นฐานตั้งรับ โดยมีค่ายรายล้อมเป็นตัวถ่วงเวลาให้ทางพระนครเตรียมการป้องกัน ซึ่งจุดนี้ถือว่าอยุธยาทำได้ตามเป้าอยู่ครับ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าน้ำหลากมา พม่าจะไม่ถอยกลับ ทีนี้เสร็จเลย เพราะเสบียงกับดินดำมีเท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่มีเพิ่ม จะพึ่งเส้นทางออกทะเลทางใต้ก็หมดสิทธิ์ เพราะไม่อาจรักษาเส้นทางลำเลียงเส้นนี้ไว้ได้แล้ว ผลจึงออกมาอย่างที่เห็นครับ

จริง ๆ สาเหตุแห่งการเสียกรุง ผมคิดว่าส่วนหนึ่งมาจากการลดอำนาจของหัวเมืองชายแดนลง ขนาดพิษณุโลกแท้ ๆ ยังมีทหารเพียงหลักพัน ทั้งนี้เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งและมั่นคงของส่วนกลาง แต่ผลที่ได้ทำให้หัวเมืองสำคัญ ๆ อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด พม่าจึงบุกมาอย่างสะดวกโยธิน พบการต้านทานน้อยมาก

อีกทั้งอยุธยาในตอนนั้นไม่สามารถสั่งการข้าราชการหัวเมืองได้แล้ว ถึงขนาดเจ้าพระยาพิษณุโลกบอกแม่ตาย ขอลากิจพระเจ้าเอกทัศน์กลับเมืองไปจัดงานศพเฉยเลย นี่ขนาดโดนล้อมอยู่นะครับ หัวเมืองทางฝั่งตะวันออกก็ไม่ได้ช่วยอะไร ทางฝั่งใต้ก็เงียบกริบ ต่างสะสมกำลังรอชิงอำนาจกันทั้งนั้น อยุธยาถูกทำลายจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย  
 


เห็นด้วยครับ เรื่อง game of throne มีมาต่อเนื่องตั้งแต่สิ้นยุคเฟื้องฟูของราชวงสุโขทัย ลากยาวมาตลอดทำให้ไปส่งผลกับข้อวิเคราะห์ของท่านที่ทางอยุธยาเกรงกลัวการแข็งเมืองของเจ้านายปกครองเมืองทั้งหลายที่ซ่องสุมยกกกำลังยึดบัลลังของตระกูลอื่นๆอีกมากพอสมควรเลยรวมศูนย์อำนาจปกครองไว้ที่ส่วนกลางถ่ายเดียวจนเสร็จตามนั้น
0
0
หากโดน 40 เรื้อน จะถูกแบน
ไปหน้าที่ 1, 2
ไปที่หน้า
GO
ตั้งกระทู้ใหม่
กรุณาระบุเหตุผลที่จะแจ้งความ
ผู้ต้องหา:
ข้อความ:
Submit
Cancel
กรุณาเลือก Forum และ ประเภทกระทู้
Forum:

ประเภท:
Submit
Cancel