สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 10 : ฟรานซิสโก ปิซาร์โร
ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ไปจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในยุคนั้นเรียกกันว่าเป็น
ยุคแห่งการสำรวจ และ
ยุคแห่งการค้นพบ หลายต่อหลายคนในยุคนั้นต่างออกสำรวจไปทั่วโลก บ้างก็สำเร็จพบเจอสิ่งใหม่ๆ โลกใหม่ที่พวกเขาไมเคยเห็น บ้างก็ต้องจบชีวิตอยู่ในทะเล น้อยคนที่จะประสบความสำเร็จและได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษในดินแดนนั้นๆ แต่เมื่อเจอโลกใหม่ มนุษย์อย่างเราก็มีความโลภความต้องการสูง ก่อให้เกิดสงครามและการแย่งชิงเพื่อที่จะได้มาซึ่งสมบัติกับเจ้าของคนเดิมที่ครอบครองอยู่ ทำให้เกิดสงครามหลายต่อหลายครั้ง เรื่องที่ผมจะนำมาให้อ่านก็เป็นนักผจญภัยและนักเดินเรือคนนึง ที่ได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษเหมือนกัน แต่ถ้าท่านได้อ่านจนจบ ท่านจะยกย่องให้เขาเป็นวีรบุรุษหรือเปล่า???
ฟรานซิสโก ปิซาร์โร
ฟรานซิสโก ปิซาร์โร เป็นลูกนอกสรมสของนายทหารสเปน เขาถือกำเนิดในปี 1478 และมีชีวิตในวัยเยาว์ค่อนข้างแร้นแค้น โดยอยู่ในความดูแลของตายาย และไม่ได้รับการศึกษา เขาทำงานเป็นคนเลี้ยงหมูอยู่ 15 ปี จนถึงปี 1502 จึงได้เดินทางไปอยู่กับญาติข้างบิดา ที่หมู่เกาะเวสต์อินดีสซึ่งเป็นประเทศเฮติในปัจจุบัน
ในปี 1513 ปิซาโรต์เดินทางไปกับวาสโก บาลบัว จนถึงปานามา และมหาสมุทรแปซิฟิก เขาปักหลักอยู่ที่ปานามาจนได้เป็นนายกเทศมนตรีของปานามาซิตี้ ในปี 1523
ในช่วงนี้ เขาเดินทางสำรวจชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก 2 ครั้ง จนถึงโคลอมเบีย เพื่อติดตามเรื่องราวที่เล่าลือถึงความมั่งคั่งของอาณาจักรเร้นลับที่ชื่อ "อินคา"
ปิซาโรต์เดินทางไปสเปนเพื่อเฝ้ากษัตริย์สเปนพร้อมด้วยทองคำ เพื่อขอพระราชทานความสนับสนุนในการล่าอาณานิคมที่เขาตั้งชื่อว่าเปรู ปิซาโรต์กลับไปยังชายฝั่งแปซิฟิกอีกครั้ง และเผชิญกับกองทัพของอินคาเป็นครั้งแรก ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ้แทบเอาตัวไม่รอดของฝ่ายสเปนแต่ปิซาโรต์ก็ไม่ยอมแพ้ เขากลับไปรวบรวมคนจากปานามาโดยมีทองเป็นเครื่องล่อใจ
ในขณะที่ทางอาณาจักรอินคาเกิดสงครามชิงอำนาจกันเอง ระหว่างฮัวสการ์ ซึ่งเป็นรัชทายาท กับอทาฮวลปา ผู้ครอบครองดินแดนตอนเหนือ สงครามดังกล่าวกินเวลานานถึง 3 ปี และมีผู้เสียชิวิตเกือบ 1 แสนคน ซึ่งแม้จะจบลงด้วยชัยชนะของอทาฮวลปา แต่ก็นำความแตกแยกและอ่อนแอมาสู่อาณาจักรแห่งนี้ในที่สุด
กลุ่มนักสำรวจดินแดนชาวสเปนนำโดย ฟรันซิสโก ปิซาร์โร ได้เดินทางจากปานามาเพื่อสำรวจดินแดนทางใต้และค้นพบจักรวรรดิอินคาในปี ค.ศ. 1526 พวกเขาเห็นโอกาสที่จะได้ค้นพบมหาสมบัติในดินแดนแห่งนี้ จึงกลับมาสำรวจอีกครั้งในปี ค.ศ. 1529 และเดินทางกลับไปสเปนเพื่อขอพระราชานุญาตและกำลังสนับสนุนเพื่อยึดครองดิน แดนอินคา เมื่อพวกเขากลับมายังเปรูในปี ค.ศ. 1532 บ้านเมืองอินคากำลังวุ่นวายและอ่อนแอเนื่องจากสงครามแย่งชิงบัลลังก์ระหว่าง ฮัวสการ์กับอาตาอวลปาเพิ่งจบลง และเกิดโรคฝีดาษที่แพร่ระบาดมาจากอเมริกากลาง นับเป็นโชคร้ายของชาวอินคาที่มีข้าศึกบุกมาในช่วงเวลานี้
ปิซาโรต์ซึ่งมีกำลังทหาร 180 คน ม้า 30 ตัว และปืนใหญ่ 1 กระบอก ได้พบกับอทาฮวลปา ซึ่งมีทหารห้อมล้อมเกือบ 40,000 ตน เขาแสดงตัวในฐานะราชทูตผู้มีอำนาจเต็มของกษัตริย์สเปน และชักชวนให้อทาฮวลปาเลื่อมใสในคริสต์ศาสนา แต่ด้วยความไม่เข้าใจกัน ทำให้อทาฮวลปาโยนคัมภีร์ไบเบิ้ลทิ้ง สเปนจึงถือเป็นสาเหตุประกาศสงครามกับอินคา
แม้จะมีกำลังมากกว่า แต่อาวุธและยุทธวิธีของอินคายังเป็นแบบโบราณ ไม่สามารถสู้กับสเปนที่มีอาวุธดีกว่าและช่ำชองการรบมากกว่าได้ อทาฮวลปาถูกจับกุมตัว และปีซาโรต์เรียกร้องทองคำและเงินเต็มห้องขังเป็นค่าไถ่ แต่เมื่อได้รับทองและเงินจำนวนมหาศาลแล้ว ปิซาโรต์กลับกำจัดอทาฮวลปาด้วยการประหารชีวิต และสถาปนาน้องชายของอทาฮวลปาขึ้นมาเป็นหุ่นเชิดแทน
ในปี 1535 ปิซาโรต์ได้ตั้งกรุงลิมาขึ้นเป็นเมืองหลวงของเปรูแทนนครคุซกู ของอินคา ซึ่งทำให้เปรูตกเป็นอาณานิคมของสเปนโดยสมบูรณ์
ฟรานซิสโก ปิซาโรต์ แม้ด้านหนึ่งจะได้ชื่อว่าเป็น “ผู้พิชิต” ที่สามารถเอาชนะและยึดครองอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ ที่มีประชากรเกือบ 6 ล้านคน ด้วยกำลังทหารไม่ถึง 200 คน แต่อีกด้านหนึ่ง ก็ถุกกล่าวหาว่าเป็นจอมทรยศหักหลัง ที่เส้นทางแห่งความสำเร็จโรยรายด้วยคาวเลือดและซากศพของเพื่อนมิตรและผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก และมีบางเสียงว่าศพของเขาก็มิได้รับการประกอบพิธีทางศาสนา เนื่องจากพฤติกรรมอันน่ารังเกียจดังกล่าว
ฟรานซิสโก ปิซาร์โร สำหรับชาวสเปน เขาคือวีรบุรุษผู้พิชิตจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ที่สุดของอเมริกาใต้ แต่สำหรับชาวอินคา เขาก็ไม่ต่างจากโจรสลัดที่แล่นเรือเข้ามาปล้นอิสรภาพไปจากพวกเขา
ด้วยชาวอินคาเองก็มีตำนานความเชื่อกันว่าในโลกแห่งเทพ มีเทพเจ้าผิวขาวสูงใหญ่สถิตอยู่ ตอนที่สเปนบุกเข้ามา พวกเขาซึ่งไม่เคยเจอคนรูปพรรณสัณฐานแบบนี้มาก่อน ก็เลยคิดว่านี่แหละ ใช่เลย เทพเจ้าที่ตำนานว่าไว้ ส่วนปิซาร์โรคนนี้เจ้าเล่ห์เพทุบายและไม่มีสัจจะเมื่อบุกอาณาจักรอินคา แต่ยังหาที่ซ่อนทองไม่ได้ เพราะตอนบุกมาเจอ คุซโก มีแต่ทุ่งข้าวโพด เลยออกอุบายเชิญกษัตริย์อะตาตวลปาไปพบที่เมืองกาฮามาร์กา เพราะคิดว่าพวกสเปนเป็นเทพเจ้า พอปิซาร์โรส่งเทียบเชิญ เขาก็ตกลงทันที หารู้ไม่ ว่านี่เป็นหลุมพรางที่สเปนดักไว้ พอเข้าไปก็ถูกโจมตีทันที องครักษ์ของกษัตริย์นับพันต้องถูกฆ่า ส่วนกษัตริย์อะตาตวลปาก็ถูกจับเป็นเชลยอยู่นานถึง 9 เดือน
"ถ้าอยากได้กษัตริย์คืนไปจงเอาเงินและทองมากองให้เต็มท้องพระโรง" นั่นเป็นการยื่นคำขาดของปิซาร์โร
ชาวอินคาช่วยกันประเคนทองเต็มท้องพระคลัง มีหรือปิซาร์โรจะปฏิเสธ ก็ในเมื่อนี่เป็นจุดประสงค์ของการดั้นด้นมาตามหาอาณาจักรอินคา เขาตอบรับข้อเสนอของชาวอินคาแต่โดยดี แต่สัจจะไม่มีในหมู่โจรเมื่อเขาได้ทองไปครอบครองแล้ว แทนที่จะปล่อยกษัตริย์อินคาให้เป็นอิสระ เขากลับลงมือปลิดชีวิตกษัตริย์เย้ยชาวอินคาอย่างหน้าตาเฉย เท่านั้นยังไม่สาแก่ใจยังให้กองกำลังทหารออกโจมตีและปล้นสะดมชาวอินคา จนในที่สุดก็ครอบครองอาณาจักรอินคาไว้ได้ทั้งหมด
ปิซาร์โรนำกอง ทัพของเขาโจมตีอาณาจักรอินคาอย่างไม่ยั้งมือไม่นานนักก็กำชัยชนะได้ในที่สุด อาณาจักรอินคาถูกปล้นอิสรภาพตรงจัตุรัสกลางเมืองคุซโกแห่งนี้
อาณาจักรอินคาพินาศย่อยยับไม่มีชิ้นดีว่ากันว่า บรรดาโบราณสถาน ศิลปกรรม ศิลปวัตถุอันล้ำค่า วิหาร และสิ่งปลูกสร้างที่สำคัญและงดงามของชาวอินคา ถูกเผาทำลายวอดวายซะราบเป็นหน้ากลอง
พวกข้าวของมีค่าที่ทำจากเงิน และทอง ก็ถูกปล้นและนำมาหลอมให้เป็นแท่งเพื่อขนขึ้นเรือส่งกลับไปยังสเปนแล้วทองของ ชาวอินคาก็ไม่ใช่น้อยซะด้วยสิ เยอะแค่ไหน คิดดูละกัน ว่าทหารของสเปนต้องผลัดเปลี่ยนเวรยาม หลอมกันทั้งวันทั้งคืน ไม่มีหยุด ทำแบบนี้อยู่นานนับเดือนถึงจะหลอมหมด มีการพูดกันปากต่อปากว่าส่วนหนึ่งของทองที่ปิซาร์โรขนกลับมาสเปนนั้น เอาไปโปะไว้ในมหาวิหารแห่งเมืองโทเลโด
ส่วนหน่อเนื้อเชื้อกษัตรย์ ของชาวอินคาที่ยังมีชีวิตอยู่ก็พยายามรวบรวมไพร่พลกอบกู้เอกราชหลายต่อหลาย ครั้ง แต่ก็ไม่เคยเอาชนะชาวสเปนได้ เพราะความก้าวหน้าของอาวุธของเสปนทีเลยไปไกลกว่าหลายขุม
แล้วจักรวรรดิอินคาอันยิ่งใหญ่เดินทางมาถึงกาลอวสาน ด้วยการมาถึงของชาวสเปนครั้งนี้เอง
เมื่อครั้งที่ปิซาร์โร่ได้จับคุมอะตาตวลปาหัวหน้าของชาวอินคาได้ อะตาตวลปาบอกว่า "หากข้าเอาทองและเงินมาใส่เต็มห้องนี้ ท่านจะปล่อยข้าเป็นอิสระไหม" ปิซาร์โร่บอกว่า "ก็ได้" เมื่อห้องนั้นเต็มไปด้วยสมบัติแล้ว ปิซาร์โร่ก็จับอะตาตวลปารัดคอจนถึงแก่ความตาย!! ถ้านี่ไม่เรียกมาโกงแล้วจะเรียกว่าอะไร???
"อวสารอาณาจักร์อินคา"
Credit : www.oknation.net/blog/agelbusiness/2013/04/05/entry-2
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 9 : วลาด ดรากูล
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1183485
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 8 : คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1183322
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 7 : ติมูร์มหาราช
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182902
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 6 : เจงกิสข่าน
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182420
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 5 : พระเจ้าเบซิลที่ 2
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182304
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 4 : บูเช็กเทียน
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1182134/1
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 3 : อัตติลา เดอะ ฮั่น
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1153400
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 2 : พระเจ้าเฮโรดมหาราช
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1152716
สุดยอดดาวร้ายในประวัติศาสตร์โลก ตอนที่ 1 : กษัตริย์อัสเชอร์บานิปาล
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1152578
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ ใครชอบประวัติศาสตร์แบบผมก็ขอให้อ่านให้สนุกนะครับ "ประวัติศาสตร์สอนเราเสมอ แต่ไม่เคยให้อะไรแก่เราเลยนะครับ" ท่านคิดเหมือนผมหรือไม่?? ชอบก็แผล่บให้ผมด้วยนะครับ