8 คืน กับอีก 7 วัน " สบายดีเมืองลาว "
เรียบเรียงจากเรื่องราวของ จขกท. ที่ไปใช้ชีวิตในเมือง เวียงจันทร์ - หลวงพระบาง - วังเวียง
ถ้ามีใครมาเห็นเเล้วใจดีก็ช่วยปักกระทู้ หรือโหวตเเนะนำให้หน่อยนะครับ
หมายเหตุ ทริปนี้เริ่มปลายปี 2014 เเละจบต้นปี 2015 ที่ผ่านมา ถ้าเหตุการณ์ที่เขียนไป
มีใครที่อ่าน หรือคนรู้จักของคนอ่านปรากฏอยู่ในนี้ ต้องขอโทษรวมทั้งขอขอบคุณ
ที่พวกคุณได้มาเป็น 1 ในบุคคลสำคัญถึงขนาดที่ผมต้องเอามาเขียนลงบันทึกการเดินทางครั้งนี้
บทที่ 1 เริ่มความคิด
ผมกับเเฟนเราเคยคุยกันไว้ตั้งเเต่กลางที่ผ่านมา ว่าปีใหม่นี้เราน่าจะหาเวลาจัดกระเป๋าเเบกเป้ไปเที่ยวลาวกัน
เวียงจันทร์-หลวงพระบาง-วังเวียง คือทริปนี้ของเรา ไม่ต้องไปสถานที่ท่องเที่ยวมันทุกที่ เเต่อยากไปไหนเรา
ก็จะไป จะใช้เวลาอยู่กับมันเยอะๆ สามารถเปลี่ยนโปรเเกรมได้ตลอดเวลา ตามที่โอกาสเเละเวลาจะพาเราไป
บทที่ 2 เริ่มเตรียมตัว
หลังจากผมรู้วันหยุดปีใหม่ออฟฟิต เเละปิดปีใหม่เล็กๆของมหาลัยหลังจากที่เเฟนผม
สอบเสร็จมีเวลาวันหยุดที่จะเลือกได้คือ 27 ธันวาคม - 4 มกราคม
- ซื้อตั๋วเดินทาง กทม-หนองคาย (ตอนเเรกตั้งใจจะซื้อ กทม-เวียงจันทร์เเต่ดันเต็มซะก่อน)
- ซื้้อตั๋วเดินทางจากมหาลัยเเฟนผมกลับกทม. (เพราะหลังจากจบทริปลาวผมต้องเลยไปส่งเเฟนที่มหาลัยก่อนเเล้วค่อยเดินทางกลับ)
- ศึกษาหาข้อมูลจากรีวิวในพันทิพ เเละอินเตอร์เน็ตรัวๆ บุ็คมาร์คทิ้งไว้ นั่งอ่านในเวลาว่าง
เเละทั้งดูในยูทูปไปด้วยตอนนั่งทำงานทที่ออฟฟิต
- ซื้อหนังสือรีวิวสถานที่ท่องเที่ยวประเทศลาว เพื่อเอาเเผนที่ฉบับใหญ่
- คำนวนเงินที่จะเอาติดตัวไปใช้ชีวิตในลาว คือ 6,000 บาท (รวมกัน 2 คน 12,000)
เริ่มคิดเงินตั้งเเต่เหยียบเข้าลาว เเละจบตอนเหยียบเข้าไทย
- ตัดวันออกว่าจะใช้เวลาเที่ยวทริปนี้ตั้งเเต่ 27 ธันวาคม - 2 มกราคม
สรุปเเล้ว ใช้เวลา 8คืน 7วัน กับการเดินเที่ยวในลาวรวมเวลาทั้งเดินทางทั้งไป เเละกลับ
กับงบที่ถูกจำกัดไว้ที่ 12,000 บาท ไม่มีการจองที่พักใดๆไว้ทั้งนั้นเดินหาอย่างเดียว
ชอบที่ไหนนอนที่นั้น เต็มก็หาที่ใหม่ เลือกที่อยากจะเที่ยวจริงๆ ไม่ไปทุกที่
เเต่เลือกที่จะใช้เวลากับที่ๆไปให้มันนานที่สุด
บทที่ 3 ร่างโปรเเกรม
26 ธันวามคม
- 19.45 star trip ออกจากหมอชิต-ไปหนองคาย
27 ธันวาคม
- ถึงหนองคายเช้ามืด
- ต่อรถจากหนองคาย-ไปเวียงจันทร์
- ถึงเวียงจันทร์
- ซื้อตั๋วรถตอนเย็นไปหหลวงพระบาง
- เดินเที่ยวในเวียงจันทร์
- ขึ้นรถไปหลวงพระบาง
28 ธันวาคม
- ถึงหลวงพระบางตอนเช้ามืด
- เดินหาที่พัก
- เช่าจักรยาน
- ซื้อตั๋วรถไปวังเวียงวันที่ 30 ธันวาคม
- เที่ยวในตัวเมืองหลวงพระบาง
29 ธันวาคม
- ตักบาตร
- เช่ามอเตอร์ไซด์
- เที่ยวนอกเมือง ตาดเเซ ตาดกวางสี
30 ธันวาคม
- นั่งรถตอนเช้าไปวังเวียง
- ถึงวังเวียนตอนเย็น
- เดินหาที่พัก
- ซื้อ 1 day tirp
- ซื้อตั๋วกลับอุดร
- เดินเที่ยวในตัววังเวียง
31 ธันวาคม
- เที่ยว 1 day trip
- ฉลองปีใหม่
1 มกราคม
- เดินทางกลับอุดร
- ต่อรถไปส่งเเฟนที่มหาลัย
2 มกราคม
- 22.00 เดินทางกลับ กทม.
บทที่ 4 ออกเดินทาง
26 ธันวาคม 2014
ผมตื่นมาด้วยสายโทรศัพท์ที่เข้าในตอนเช้าพอยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูก็เห็น my budddy โทรเข้า
เพราะว่าเเฟนผมเดินทางมาจากบ้านที่น่านคืนวันที่ 25 ธันวาคม มาสว่างเชาที่ กทม.
เเฟนผม : ถึงเสาชิงช้าเเล้ว เดินออกมารับที่ข้างกทม.เลย
สั้นๆเเต่ได้ใจความ ผมลุกจากเตียงเดินออกจากบ้านไปรับเเฟนผม วันนี้จริงๆเเล้วผมต้องเข้าไป
ทำงานที่ออฟฟิต เเต่เนื่องด้วยการฉลองปีใหม่ของออฟฟิตผมที่ดุเดือดของเมื่อคืนที่ผ่านมา
เเละงานที่ผมรับผิดชอบอยู่ในทีมก็ส่งเเบบ design รอบเเรกไปหมดเเล้ว ทำให้ผมตัดสินใจ
ว่าวันนี้ผมจะไม่ไปทำงาน เพราะห็นในไลน์กลุ่มเเต่ละคนในออฟฟิตก็บอกไว้วว่าจะเข้า
ตอนบ่ายๆกันหมด ผมกับเเฟนเลยเริ่มเอาของมารวมกันเเละจัดกระเป๋า เเต่เนื่องด้วย
เเฟนผมเเทบจะยกตู้เสื้อผ้ามาจากบ้าน ผมจึงจัดการคัดเสื้อผ้าของเเม่คุณออกไปเกือบครึ่ง
เเล้วจัดการยัดใส่กล่อง ส่งems กับไปที่มหาลัยให้นาง พอบ่ายสามเราก็เริ่มสะพายเป้
ออกจากบ้าน นั่งเเท็กซี่ไปนั่งเปื่อยๆรอที่หมอชิตเพราะกว่ารถจะออกก็เกือบสองทุ่ม
เเล้วผมก็ได้เพื่อนใหม่คนเเรกที่นั่งรถรอไปชัยภูมิรอบสี่ทุ่มก็คือหนูน้อยจูลี่ ที่เเม่คุณอยากชื่อเชอรี่
หนูน้อยลูกครึ่งไทยอเมริกา จากที่เธอนั่งอยู่ข้างๆเเม่พอเราเริ่มสนิทกันเธอก็ย้ายมานั่งเเทรกกลาง
ระหว่างผมกับเเฟน เธอสนิทกับเเฟนผมมากถึงขนาดไปเข้าห้องน้ำห้องเดียวกับเเฟนผม
เเล้วการจากลากับเพื่อนใหม่ครั้งเเรกของทริปก็เกิดขึ้น ผมเเยกทางกับหนูน้อยจูรี่เพื่อไปขึ้นรถ
จูรี่ : อยากไปด้วยจัง เเต่เเม่คงไม่ให้ไปด้วย
นี้คือประโยคก่อนเเยกกันระหว่างหนูน้อยกับผมเเละเเฟน ผมทำใจไว้เเล้วมันต้องมีการ
สนิทเเละเเยกทางกับเพื่อนในทริปนี้ตามมาอีกเยอะ ตอนขึ้นรถผมยืนรอซักพักตอนต่อคิวขึ้นรถ
ก็มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย 4 คนมาเเซงเเถวพวกผมที่กำลังต่อคิวกันอยู่ขึ้นรถ ซึ่งก็คือ
กลุ่มเทยไทยช่างนินทา เเละอีเจ๊นักเเต่งหน้าในตำนาน ซึ่งผมก็เฉยๆไม่ได้ติดอกติดใจอะไร
พอขึ้นรถเลือกที่นั่งตามเบอร์กันได้ กลุ่มเทยไทยเเละอีเจ๊ก็ออกอาการเหวี่ยงเพราะตอนซื้อตั๋วรถ
รถคงจะเต็มเลยมีเทยไทย 1 คนต้องขึ้นไปนั่งด้านบน ทำให้พวกเทยไทยเเละอีเจ๊ที่เหลือ
ก็อาการกลัวเพื่อนจะโดดเดี่ยว เลยไปขอเเลกกที่นั่งข้างๆเพื่อน เพื่อไปนั่งให้ความอบอุ่น
ก็เพื่อนเทยไทย เเต่เข้ากรรมคนที่นั่งที่ตรงที่พวกเทพไทยจะไปเเลกเขาไม่เล่นด้วย
ทำให้พวกเทยไทยก็อาการเหวี่ยงนินทากันตลอดทั้งทาง
ตลอดดทางหลังจากรถออกผมนอนฟังเพลงเเบ่งหูฟังคนละข้างกับเเฟน พยายามจะนอนให้หลับ
เเต่เทยไทยเเละอีเจ๊ทั้งสามก็คุยกันเสียงดังตลอดทั้งทาง สลับกับการเเต่งหน้าของอีเจ๊ ซึ่งผม
ตื่นมาตอนไหนหันหน้าไปก็จะเห็นอีเจ๊เติมเเป้งอยู่ตลอดเวลา
<a href="http://upic.me/show/54145506" target="_blank"><img border="0" src="http://upic.me/i/rd/qi7s2.jpg"></a>
27 ธันวาคม 2014
สุดท้ายผมก็นั่งทนจนถึงหนองคายตอนตีห้าครึ่ง เเเละก่อนจะลงรถเทยไทยเเละอีเจ๊ก็เเซงคิว
ผมลงจากรถอีก 1 ครั้ง เเถมยังก้มเก็บกระเป๋าโชว์ร่องตูด ย้ำนะครับโชว์ร่องตูดที่ดำมีเเต่ขี้ไคล
นึกในใจได้เห็นของดีตั้งเเต่เช้าเลยเรา ลงรถได้ผมจัดการซื้อตั๋วไปเวียงจันทร์รอบเเรกคือ
เจ็ดโมงครึ่งทันที พอจัดการเรื่องตั๋วรถเสร็จผมก็จัดการเดินกินไข่ลวกหมูปิ้งกันจนอิ่ม
เเละตอนที่รอขึ้นรถเราก็ได้เจอเพื่อนของเเฟนผมที่เรียนเภสัชด้วยกัน เเต่ก็ต้องเเยกทาง
เพราะว่าเธอจะไปวังเวียง เเล้วก็ถึงเวลาข้ามด่านไทยข้ามสะพานไทยลาวทำเรื่องก้าวเท้า
ข้ามประเทศลาว นั่งรถจนถึงเวียงจันทร์ รวมเวลาออกจากหนองคายทำเรื่องข้ามเเดนจนถึงเวียงจันทร์
ก็ใช้เวลาไปฆประมาณ 40 กว่านาที เเล้วก็มาถึง "สวัสดีเวียงจันทร์"
(เริ่มการใช้เงิน 12,000 บาทอย่างเป็นทางการ หรือประมาณ 5,604,000 กีบ หลังจากเเลกเงิน)
พอถึงเวียงจันทร์ผมก็จัดการนั่งสามล้อไปซื้อตั๋วไปหลวงพระบางทันที ได้รอบหนึ่งทุ่มสมใจ
เเล้วการเดินเที่ยวในเวียงจันทร์ก็เริ่มต้นขึ้น ผมกับเเฟนเริ่มเปิดเเผนที่ ที่ซื้อมาเดินจากริมโขง
จากหน้าบริษัททัวร์ยอดดอยที่ไปซื้อตั๋วรถ เดินกลับเข้าเมืองมาเเถวตลาดเช้า เดินมาจนมาถึง
หน้าห้างตลาดเช้าก็มาเจอกลุ่มอีเจ๊นักเเต่งหน้าเเละเทยไทย กำลังจะเข้าไปเดินห้าง พอกลุ่มเจ๊เเก
เห็นพวกผมก็ทำเป็นเฉยไม่มีการทักทายเกิดขึ้น ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรเดินไปก็เฝอที่ตลาดเช้าเป็นข้าวเที่ยง
พอเสร็จก็เดินไปประตูชัย เเละก็นั่งสามล้อไปต่อที่พระธาตุหลวง ที่พระธาตุหลวงเราใช้เวลากันนานหน่อย
เเล้วเราก็ไปต่อกันที่ร้านกาเเฟโจมาเเถวๆลานน้ำพุจนห้าโมงเย็น เราก็เดินหาข้าวเย็นกินเเถวๆริมโขง
เเละเดินเปิดเเผนที่กลับไปจนถึงบริษัทดอยคำที่เราจะไปขึ้นรถ
นั่งรอซักพักก็มีรถมารับเราไปส่งที่ขนส่งสายเหนือ ที่เราจะต้องขึ้นรถไปหลวงพระบาง
ในรถตู้ที่เรานั่งไปมีคนเกาหลี เเละกลุ่มคนไทยอีก 4 คน เเต่สุดท้ายก็ต้องเเยกกัน
เพราะผมได้ตั๋วรถ vip เเต่ที่เหลือได้รถนอนกันหมดเลย สุดท้ายก็ต้องเเยกกันไปขึ้นรถ
พอผมกับเเฟนได้เห็นรถ vip เเค่นั่งก็หัวเราะกันทันที มันคือรถปอ 2 ที่ไม่มีห้องน้ำของบ้านเราดีๆนี้เอง
พอขึ้นรถตกหลุมซักสองสามครั้ง พวกเราก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง เเล้วเราก็ได้เพื่อนใหม่คนที่ 2 คือยุ่น
สาวนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่มาเที่ยวคนเดียว เธอนั่งอยู่เบาะหน้าพวกเรา บอกเลยว่ารถที่นี้
อยากจะจอดตอนไหนก็จอด เเถมจอดให้เข้าห้องน้ำกลางป่าบ่อยมาก ผมเข้าใจเเล้วว่าทำไมระยะทาง
เเค่ 300 กว่ากิโลจากเวียงจันทร์ไปหลวงพระบาง ทำไมใช้เวลาตั้ง 9 ชม. เพราะรถไม่สามารถ
ทำความเร็วได้เลย ทางเป็นทางขึ้นเขาตลอดระยะ ถนนมีเเค่ 2 เลนส์ เเละสภาพถนนเเย่มาก
เเถมมีเเจกถุงในอ้วกใส่ด้วย เห็นเเล้วเริ่มจะเสียว
28 ธันวาคม 2014
นั่งหนาวกันมาตลอดทาง หลับๆตื่นไม่รู้กี่ครั้ง จอดรถลงไปเข้าห้องน้ำนับครั้งไม่ได้ นั่งสั่นมาตลอดทาง
สุดท้ายเเล้วก็ถึงจนได้ "สวัสดีหลวงพระบาง" เรามาถึงตอนเวลาตีห้าเกือบหกโมง เเละผมกับเเฟนก็ชวนยุ่นขึ้น
สามล้อเข้าไปในย่านที่พักริมโขงด้วยกัน เเต่ยุ่นลงก่อนจะถึงย่านนั้นเพราะยุ่นจองที่พักไว้เเล้ว ผมเดินหาที่พักใน
หลวงพระบางย่านริมโขง ตรงข้างซอยกาเเฟร้านโจมาได้ซักพักก็เจอที่ถูกใจ กับเรือนพักสมจิต ในราคาห้องละ
600 บาท กับที่พักที่ถือว่าดีมาก มีเเอร์ทีวีน้ำอุ่น มีระเบียงห้องด้านหน้า คุ้มค่าชัดๆ
เเล้วการเที่ยวในหลวงพระบางวันเเรกก็เริ่มขึ้น ผมจัดการเช่าจักรยานคนละคันกับเเฟนมาปั่น
เเทนที่การเดินเเละนั่งสามล้อเหมือนเมื่อวานที่เวียงจันทร์ หลังจากเช็คจักรยานกันเสร็จผมกับเเฟนก็กดบันไดปั่น
ปั่นมาจนถึงเเยกใหญ่ตรงไปรษณีย์หลวงพระบาง เพื่อซื้อตั๋วรถไปวังเวียงตอนเช้าวันที่ 30 ธันวาคม หลังจากได้ตั๋ว
เเละเเน่ใจว่าไปถึงเวียงจันทร์เเน่นอน ผมก็กดบันไดปั่นไปทุกที่ ที่ผมอยากจะไปในหลวงพระบาง อาจจะฟังดูขัดๆ
เเต่ผมเลือกที่จะไม่เข้าไปเดินที่วัดที่เรียงลายอยู่ตลอดถนนสายหลักของหลวงพระบาง เเต่ผมเลือกจะปั่นจักรยาน
ดูเเค่ย่านต่างๆของเมือง ยาวไปถึงเดินเล่นที่ด้านติดเเม่น้ำคาน เพราะอย่าลืมว่าที่ลาวเขาเก็บค่าเข้าชมทุกที่
เข้าเยอะก็เสียเยอะ พอเริ่มจะเที่ยงผมก็ปั่นไปที่ท่าเรือเพื่อจะหาเรือไปถ้ำติ่งเเต่ความฝันก็เป็นเป็นฝันค้างเพราะ
เรือที่จะไปถ้ำติ่งมีเเค่วันละไม่กี่รอบ เเละจะออกตอนเช้า ผมเลยต้องเปลี่ยนโปรเเกรมจ้างเรือไปส่ง
ที่วัดฝั่งตรงข้ามไปดูวัดขึ้นเขาลงถ้ำจนเสร็จ หลังจากนั้นผมก็มาปั่นจักรยานหาข้าวกิน ปั่นไปปั่นมาก็ไปจบ
อยู่ที่ขนมเบื้องลาวเจ้าดังที่เส้นริมโขง
พอหนังท้องตึงหนังตามันก็เริ่มจะหย่อน ผมกับเเฟนเลยตัดสิ้นใจว่าจะไปนอนพักกันซักชั่วโมง นอนรอให้ถึง 5 โมงเย็น
ก็จะไปขึ้นพระธาตุภูสีดูวิวหลวงพระบางกัน เเต่เจ้าประคุณด้วยความเหนื่อยหรือเพลียเเดดผมก็ไม่ทราบได้
ตื่นมาอีกทีก็ปาเข้าไปทุ่มกว่าๆเเล้ว ผมเลยจัดการเปลี่ยนโปรเเกรมไปเดินตลาดมืดดูของทำมือ เเล้วก็ไปเดิน
ตลาดหาข้าวหาปลากลับมากินที่ระเบียงห้องห้องพร้อมกับเเวะซื้อเบยลาวมาจัด เเละเย็นวันนี้ผมก็ได้เพื่อนใหม่
มาอีก 2 คน นั้นคือเเป้งกับนุเพื่อนใหม่ชาวไทยที่ห้องติดกัน ซึ่งพึ่งมาถึงเมื่อเช้าเหมือนกัน เเต่ไม่เหมือนกัน
ตรงที่วันเเรกผมเลือกเที่ยวในเมือง วันที่สองผมเลือกเที่ยวนอกเมือง เเต่เเป้งกับนุกลับกันกับโปรเเกรมของผม
เราเลยได้เเต่เเลกเปลี่ยนสถานที่ไป บอกข้อดีข้อเสียให้กันฟัง เเล้วคืนนี้ก็จบลงด้วยอาการเมาเบยลาวของผมเเต่เพียงผู้ดียว.......
29 ธันวาคม 2014
ผมตื่นมาจากอาการเมาเบียร์ที่ซัดเข้าไปโดยไม่รู้ขีดจำกัดของตัวเองตอนตี 5 เพื่อสัญญาไว้กับเเฟนก่อนกินเบียร์ว่า
จะตื่นมาใส่บารตอนเช้า หลังจากใส่บาตรเสร็จผมก็อาบน้ำจัดการเก็บของ เดินออกมาเช่ามอเตอร์ไซด์เพื่อออกไปเที่ยว
นอกเมืองตามเเผนที่วางไว้ เจอกันนั้นตาดเเซ เเละตาดกวางสี ผมเลือกไปตาดเเซก่อนเพราะคิดว่าที่นี้คงไม่เล่นน้ำ
เเละตาดนี้คงจะไม่สวยเท่าไร อยากจะไปใช้เวลาที่ตาดกวางสีมากกว่าอยู่เเช่น้ำให้ตัวเปื่อยกันไปเลย
หลังจากเช็คลมยางเติมน้ำมันเสร็จก็ถึงเวลาที่ล้อหมุนเเล้วละครับ 20 กม. คือระยะทางไปตาดเเซ
กับถนนที่เกินจะบรรยาย ยิ่งกว่าดาวนาเม็ก ผมขับไปด้วยความเร็วที่ต่ำที่สุด พร้อมกับหันไปเช็คลมยาง
พอหันมากลับมาเท่านั้นเเหละปั้ง!!!!!!!! รถผมตกข้างทางครับ ย้ำนะครับรถตกข้างทาง ผมรีบขึ้นลุก
ดึงมอเตอร์ไซด์ขึ้นมาจอดไว้ข้างทาง พร้อมกับหันไปดูรอบๆด้าน ดีนะที่ไม่มีใครเห็น ไม่อย่างนั้นได้กรามค้างกันเเน่
ผมหันกลับไปดูเเฟนผม ตอนเเรกก็คิดว่าเเฟนผมไม่ได้เป็นไร เเต่พอเดินไปดูที่เท้าใกล้ๆหนังตรงนิ้วโป้ง
ถลอกออกมาจนเลือดเต็มรองเท้าเเตะ ผมเลยจัดการเอาผ้าพันคอผมพันปิดเอาไว้ก่อน เเล้วขับไปหาที่จอดดูอาการ
หลังจากเปิดเเผล เเผลที่นิ้วถลอกมาก ผมเลยใช้น้ำกินที่เตรียมมาจัดการล้างเเผลไปก่อน เเล้วก็ขับรถถามหาร้านยา
สรุปร้านยาอยู่เลยทางเเยกเข้าตาดเเซไปอีก 10 กม. พอถึงร้านผมก็ซื้ออุปกรณ์มาทำเเผลตามสั่งเเฟนผม
ที่ปวดเเผลจนอาระวาดเเทบจะลุกขึ้นไปจ่ายยาให้ตัวเอง หลังจากทำเเผลเสร็จก็ซื้ออุปกรณ์ทำเเผลไว้ลุยวันต่อๆไป
เพราะตั้งเเต่วันนี้จะเป็นวันเปียกน้ำ เเต่สำหรับวันนี้เเฟนผมต้องอดเล่นเเต่เเผลยังสดอยู่ ผมเลยต้องตามใจ
เเม่คุณโดยการถ่ายรูปกับลังเบยลาวเพราะผมคือคนขับล้ม
เสร็จเรื่องทำเเผลก็ขับรถย้อนกลับไปที่ตาดเเซ พอถึงในหมู่บ้านก็ต้องหนังเรือหางยาวต่อเข้าไปอีกประมาณ 10 นาที
เเล้วก็สวัสดีตาดเเซครับ วันที่ผมไปคนที่ตาดเเซน้อยมาก ผมเลยเดินขึ้นไปเรื่อยๆตามทางตอนเเรก ว่าจะเดินเเค่เล่นๆ
เเต่ยิ่งเดินเข้าไปก็ยิ่งลึกไปเรื่อยๆ เลยตัดสิ้นใจว่าจะเดินให้ถึงที่ตั้งเเคมป์เลย เเต่ก็ต้องเปลี่ยนใจอีกเมื่อมาจนต้นน้ำ
ของน้ำตก ผมหยุดทันทีครับ เเก้เสื้อผ้าถอดกางเกงกระโดดลงไปเเทบไม่ทัน ส่วนเเฟนผมก็นั่งกินลมชมวิวถ่ายรูป
ไปตามเรื่อง ที่นี้บอกได้คำเดียวครับเหมือนเวลาหยุด โคตรสวยบอกตรงๆ ผมใช้เวลาไปจนเลยเวลาที่กำหนดไว้
กว่าจะออกมาจากตาดเเซได้ก็ปาไปเกือบบ่ายสอง หลังจากที่เห็นตาดเเซเเล้วผมหวังไว้ในใจทันทีว่าตาดกวางสี
มันจะต้องคุ้มค่าที่จะขับรถไปหามันด้วยระยะทาง 50 กม .จากตาดเเซ
ผมใช่เวลาขับกลับเข้ามาที่หลวงพระบาง รวมถึงเเวะกินเช้า กว่าจะออกจากหลวงพระบางได้ก็ปาเข้าไปบ่ายสามกว่าๆ
ตลอดทางที่ผมบิดรถไป บางก็เจอมอไซด์ บางก็เจอจักรยาน บางก็เจอรถของบริษัททัวร์ ขับสวนผมกันออกมา
เพราะที่ตาดกวางสีจะปิดตอน 5 โมงเย็น มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกดีใจว่ากว่าผมจะไปถึงก็บ่ายสี่โมง คนคงกลับ
กันจะหมดเเล้ว สวรรค์ชัดๆ เเต่พอไปถึงตาดกวางสีจริงๆ บอกตรงๆครับผมโคตรผิดหวังคนเยอะมาก
เเถมที่นี้ผมเจอพวกเทยไทย เเละอีเจ๊นักเเต่งหน้าในตำนานอีกครั้ง อะไรมันจะมาดวงซวยขนาดนี้
สภาพเละเเบบสุดๆ เเทบจะไม่เหลือความเป็นธรรมชาติของน้ำตกเหมือนตาดเเซ กลายเป็นธุระกิจเต็มรูปเเบบ
คงจะมีเเค่หมีควายเท่านั้นที่พอจะประคับประคองใจไม่ให้ผมคิดน้อยใจกับระยะทางที่ทนบิดมอเตอร์ไซด์มา
ผมเดินพอดมๆ ตามทางน้ำตกจนมาจากยุ่นเพื่อนคนที่สองในทริปที่นั่งรถมาหลวงพระบางด้วยกันโดยบังเอิญ
กับชุกบีกินนี่ตัวเก่ง ที่ทำให้ผมมองเเทยจะตาไม่กระพริบ เพราะเจอกันวันก่อนเธอเเต่งตัวได้เรียบร้อยมาก
เเละกลับมาขึ้นรถบิดกลับหลวงพระบางทันที ในเวลาห้าโมงเย็นของทางกลับหลวงพระบางจากตาดกวางสี
บอกเลยว่าเย็นเสียบเข้าไปเเทบจะถึงกระดูก กลับถึงที่พักก็เเทบจะไม่มีเเรงเดินอกไปกินอะไร ได้เเต่ซื้อ
มาม่าที่ร้านขายของชำใกล้ๆที่พัก บวกกับซื้อเบียร์มานั่งกินปรับทุกข์กับอาการความผิดหวังในใจของตาดกวางสี
ซักพักเเป้งกับนุก็กลับที่พักเข้ามา เราพูดคุยกันได้ซักพัก ได้ใจความว่าพรุ่งนี้เราจะเดินทางไปวังเวียงพร้อมกัน
เเต่เเป้งกับนุรถออกตอนหกโมงเช้า เเต่ผมเเละเเฟนออกตอนเก้าโมง
เเล้วผมก็เมาอีกจนได้สวัสดีครับวันนี้ทำทำสถิติการมาทริปเเล้วนอนเร็วอีกครั้ง คือ 4 ทุ่ม
ไว้เจอกันพระธาตุภูสีทริปเดินขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ส่งท้ายก่อนที่จะเดินทางไปวังเวียง
สก๊อยในตำนาน
เอ้กับลังเบยลาว
ส่วนตาดกวางสี ผมขอผ่านไม่ลงรูปเเล้วกันนะครับ เเอบผิดหวังอย่างเเรง
ติดตามครึ่งหลังที่ด้านล่างต่อได้เลยนะครับ "สวัสดีวังเวียงพัทยาเเห่งเมืองลาว"[/instagram]