ฟุตบอลไทย : ศรัทธาและบททดสอบต่อไป
จากที่ช่วงนี้กระแสบอลไทยแรงมากๆจนทำให้เห็นว่าใครหลายๆคนที่ไม่เคยดูบอลไทยหรือเลิกดูไปแล้วก้อตาม
ก็หันกลับมาดูบอลไทยกันอย่างมากหน้าหนาตาอย่างน่าตกใจ ไม่ว่าจะเป็นด้านฟอร์มการเล่นที่เข้าตา
ความสำเร็จที่จับต้องได้จากการได้แชมป์ซูซูกิคัพ ครั้งแรกในรอบ 12 ปี หรือ แม้กระทั้งหน้าตาของนักฟุตบอลก้อตาม
ไหนๆแล้วก็ขอเขียนเรื่องบอลไทยยาวๆสักนิดนึงครับ ถึงแม้จะทิ้งช่วงที่ฟุตบอลจบทัวนาม้นมาสักพักแล้ว แต่ก็ตั้งใจจะเขียนมานานแล้ว(เพราะถ้าเขียนระหว่างทัวนาเม้นกลัวโดนกระทืบก่อน ฮ่าๆๆๆ)
ผมก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบฟุตบอลและได้ติดตามดู ชมและเชียรร์ฟุตบอลไทยมานาน มีโอกาสได้ไปชมในสนามเกือบทุกนัดที่ทีมชาติไทยแข่ง โดยเฉพาะที่แข่งใน กทม. ถึงแม้จะเป็นแม็ตอุ่นเครื่องกับสโมสรหรือทีมชาติ รายการรอบคัดเลือก หรือแม้แต่ฟุตบอลลีคในประเทศ
ถ้ามีโอกาสก็จะไปชมในสนามประจำ ตั้งแต่แฟนบอลทั้งหลายยังมีศรัทธาจนศรัทธาเหล่านั้นหมดไปจากการเชียร์ทีมชาติของเรา
แต่ผมก็ยังเชื่อว่าสักวันจะต้องเป็นวันของเรา และหวังว่า จะต้องมีผู้บริหาร ผู้มีอำนาจหรือผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายเข้ามาช่วยกัน
ร่วมมือกันอย่างตั้งใจเพื่อที่จะให้ฟุตบอลไทยกลับมาสมหวังได้ดั่งที่ทุกๆคนฝัน
กลับเข้ามาที่เรื่องของรายการทัวนาเม้น เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ที่ผ่านมาได้เกิดกระแสอย่างมากมายหลังจากทีมชาติไทยนั้น
เอาชนะได้ในรอบคัดเลือก 3 นัดรวดส่งผลให้แฟนฟุตบอลชาวไทยทุกคนทั้งที่มีศรัทธาและหมดศรัทธานั้นกลับเข้ามาร่วมแรงร่วมใจเชียร์
ฟุตบอลไทยเยอะแยะมากมาย เรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณ พี่ซิโก้และทีมงานทุกคน ที่วางรากฐานทีมชุดนี้ตั้งแต่ ซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ จนมาถึง
รายการ ซูซูกิคัพ ชิงแชมป์อาเซี่ยนในปีนี้ แต่หลังจากที่เราผ่านเข้ามาเล่นจนถึงรอบรองและรอบชิงจะเป็นการแข่งขันในระบบเหย้า-เยือน
ได้เกิดเรื่องน่าประหลาดใจขึ้นคือ แฟนบอลจำนวนมากมายมหาศาลได้หลั่งไหลเข้ามาเพื่อที่จะซื้อตั๋วเข้าชมเกมส์จนตั๋วหมดตั้งแต่ ชม. แรกของการเปิดจำหน่าย เสื้อแข่งทีมฟุตบอลไทยก็หมด ทุกอย่างเกิดมันเหมือนระเบิดเวลาของแฟนฟุตบอลไทยที่รอคอยช่วงเวลาแบบนี้มานานแสนนาน
ไม่ว่าคนที่เข้ามาชมในสนามจะมาด้วยเหตุผลอะไรจากขั้นต้นที่ผมได้กล่าวไว้ แต่นี่เป็นสัญญาณที่ดีที่ว่า ศรัทธาของพวกเราทุกคนกำลังกลับมา ฟุตบอลไทยกำลังจะกลับมาแล้ว จนผมต้องคิดออกมาดังๆว่า
" เอ้ยยย !!! มาจากไหนกันวะเนี่ย กูไปดูทีไรแม่งมีแต่ที่นอน ซื้อตั๋วสบายๆ ทำกูลำบากไปด้วยเลย จะต้องมาแย่งตั๋วกะพวกเมิงเนี่ยยยย "
แต่ภาพที่ได้เห็นในวันที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจเชียร์ในสนาม บวกกับฟอร์มการเล่นที่ดีจนได้แชมป์ ซูซูกิคัพ ที่เราว่างเว้นมาเป็นเวลา 12 ปี ได้สำเร็จ ยิ่งทำให้กระแสของแฟนฟุตบอลไทยยิ่งเยอะและแรงมากขึ้นไปอีก(ภาพจากกล้องมือถือผมเอง)
ทั้งหมดผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้านัดชิงชนะเลิศเราเกิดแพ้ขึ้นมา ผมการแข่งขันไม่เป็นดังหวัง แฟนฟุตบอลไทยที่ไม่เคยดูฟุตบอลมาก่อน หรือ ที่เคยหมดศัรทธาไป
จะสลายหายไปเหมือนครั้งก่อนๆหรือจากตัวอย่างที่มีให้เห็นในปี
2008 - ศรัทธาเหมือนจะกลับมาจากการเข้ารอบชิงรายการนี้ แต่สุดท้ายเหมือนโชคชตาเล่นตลก เล คอง วิน โหม่งประตูสำคัญในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ทำให้ความหวังของเราต้องพังทลาย จากนั้นแฟนบอลก็ค่อยๆเลือนหายไปพร้อมกับ ความใส่ใจของผู้บริหารและผู้ที่เกี่ยวข้องก็หายไปพร้อมกันด้วย ทำให้ฟุตบอลไทยมุ่งสู่ยุคที่ตกต่ำ อย่างแท้จริง
2010 - ล่วงเลยมาอีก 2 ปี จากในปี 2008 ที่ความตกต่ำเข้ามาเยือนทำให้เราตกรอบแรกแบบเหลวแหลกสุดๆ จากการแพ้ อินโดนิเซีย จากลูกยิงของบัมบัง ปามุงกัส 2 ประตู กระเด็นตกรอบแรกแบบไม่มีอะไรให้จดจำ
2012 - จนมาถึงเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เป็นปีที่ฟุตบอลไทยเหมือนจะกลับมาแต่สุดท้ายแล้วเราก็มาพลาดท่าแพ้สิงคโปร์คาบ้านในรอบชิงชนะเลิศ น้ำตาผมแทบไหล ตอนอยู่ในสนามศุภ ในการแข่งขันนัดที 2 พร้อมความท้อแท้ว่าฟุตบอลไทยจะไม่กลับมาแล้วใช่มั้ย ทำให้หลังจากนั้นแฟนบอลขาจรก็สลายหายไปเช่นเคย
จนกระทั่งในปีนี้ศรัทธาของเรากลับมาอีกครั้งผมจึงแค่อยากจะบอกทุกคนที่เข้ามาเชียร์ทีมชาติไทย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามว่า " เราเป็นคนไทย ถ้าไม่เชียร์ทีมชาติไทย แล้วจะไปเชียร์ใคร " โอเค มันจะต้องมีวันที่ดีและไม่ดี ขึ้นไปสูงสุด ก็ต้องมีจุดที่ตกต่ำลงมา ในวันที่พวกเขาชนะ เราชนะ ในวันที่พวกเขาแพ้ เราก็ต้องช่วยให้กำลังใจพวกเขาเสมอไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม อย่างที่ ป้าต่าย กรุณา เฮดของเฮดของเฮดโค้ชแห่งบุรีรัมย์พูดไว้ว่า " ทีมชนะต้องเชียร์ แพ้ยิ่งต้องเชียร์ " ฟุตบอล อยู่ได้ด้วยแฟนบอล ไม่มีใครเขาอยากเล่นให้มันแพ้หรอก เพราะทุกคนเค้ารู้ว่าเขากำลังทำเพื่อชาติ อยากให้แฟนฟุตอลไทย แบบนี้อยู่ให้กำลังในทีมกันแบบนี้ต่อไป อย่าพึ่งหายไปไหน กีฬามีแพ้มีชนะ มีวันที่ดีและไม่ดี เราต้องร่วมให้กำลังใจกันต่อไป อย่าให้ใครมาดูถูกฟุตบอลไทยของเราได้ว่า บอลไทยมันห่วย ดูไปก็เสียสายตา , บอลไทยจะไปมวยโลก (ได้ยินละอยากวิ่งเข้าไปชกหน้า)
ส่วนเรื่องหลังจากจบทัวนาเม้น โอเคครับ นี่เป็นความสำเร็จที่แฟนฟุตบอลไทยชื่นชมกันอย่างมากมายจนหลายๆคนรวมถึงสื่อต่างๆ ชี้ หรือยกให้ใครคนใดคนนึงเป็นฮีโร่ ของทีมชุดนี้ อยากให้เปลี่ยนความคิดสักนิดครับ ทุกคนล้วนมีนักเตะที่ชื่นชอบในใจ แต่ทุกคนมีความสำคัญเท่าๆกันหมดครับ โค้ชและทีมงาน ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง กองหน้า รวมไปถึงตัวสำรองทุกคน ทุกคนร่วมแรงรวมใจผึกซ้อมกันมา จึงอยากจะให้ความสำคัญกับทุกๆคนอย่างยุติธรรม
ที่สำคัญที่สุด แฟนบอลอย่าเพิ่งดีใจสุดๆจนลืมไปว่าฟุตบอลรายการ ซูซูกิคัพ นี่เป็นฟุตบอลรายการที่เล็กที่สุดในภูมิภาค สำหรับชุดใหญ่
องค์กรที่ใหญ่ที่สุดของฟุตบอลอย่าง FIFA ไม่รอบรองฟุตบอลรายการนี้ด้วยซ้ำ โดยเห็นแค่เป็นแม็ตอุนเครื่องธรรมดาๆ หลังจากนี้อยากให้ฟุตบอลไทยและแฟนบอลมองถึงเป้าหมายต่อไปที่ใหญ่กว่าทีละขึ้น อย่างเป็นขั้นเป็นตอนคือ ทำอันดับโลกให้ดีที่สุด อย่างที่โค้ชซิโก้ว่าไว้คือ 1 ใน 10 เอเชี่ยนคัพ และ โอลิมปิก ก่อนที่จะไปถึงฟุตบอลโลก ที่เราจะต้องเล่นรอบคัดเลือก เรายังต้องเจอทีมที่เก่งกว่าทีมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกมากหมายหลายทีม ทั้ง ขาใหญ่อย่าง ญี่ปุ่น เกาหลี ออสเตรเลีย จีน(เลิกพูดเรื่อง 5-1 ได้แล้ว) กาต้า คูเวต ซาอุ อิหร่าน บาเรน เกาหลีเหนือ เลบานอน และอีกมายมายที่เรายังไม่สามารถชนะได้
อย่างที่คุณเกษมผู้จัดการทีมของเราในชุดนี้ออกมาให้สัมพาษเมื่อวันก่อนทำให้ผมเห็นด้วยและชื่นชมกับ vision ของคุณเกษม
ในครั้งนี้อย่างมาก ว่าเป้ามายของเราต่อไปของเราคือเอเชี่ยนคัพ ต้องพัฒนาไปทีละขั้น ไม่ใช่อย่างที่ใครบางออกมาพูดเป่าหูแฟนบอลหลายๆคนให้คล้อยตามว่า เราจะไปบอลโลก บอลโลก บอลโลก โธธธธธธธธธ่ !!! พูดขายฝันแบบนี้ใครก็พูดได้ครับ ถ้ายังจัดการระบบอะไรที่ไม่ได้เรื่องเหมือนเดิม มันก็จะวนอยู่แบบเดิมไม่ว่าทีมชาติจะเล่นกันดีแค่ไหน และจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยคนกลุ่มเดียวหรอกครับ มันต้องช่วยกันทั้งระบบ
รายการซูซูกิคัพมันก็เหมือนเป็นเพียงบททดสอบย่อยๆของคณะทำงานผู้บริหาร ผู้ที่เกี่ยวข้อง ทีมงาน นักฟุตบอล และกองเชียร์ทีมชาติไทยทุกคนแหละครับ ว่าพวกคุณกำลังศรัทธากับฟุตบอลไทยมากแค่ไหนและจะศรัทธาแบนี้ต่อไปได้อีกนานเท่าไหร่ มาช่วยกันครับ ไม่ว่าจะอีก 10 ปี 20 ปี หรือนานแค่ไหน จะทั้งชีวิต ฟุตบอลไทยกำลังก้าวไปถูกทางหลังจากหลงทางอยู่นานหลายปี ผมคิดว่ามันเป็นไปได้พวกเราทุกคนก็จะต้องช่วยกันทำฝันของเราให้เป็นจริงคือ
" ฟุตบอลไทย ไปบอลโลก "
ผิดถูก ถูกใจไม่ถูกใจยังไง คอมเม้น ติชม กันได้นะครับ ไม่ค่อยได้เขียนอะไรยาวๆแบบนี้
แค่บรรยายออกมาจากความรู้สึก สิ่งที่เห็นและได้สัมผัส