[หนังฮ่องกง] รำลึกถึง "ตัวประกอบ" ผู้จากไป
ความน่าจดจำของหนังฮ่องกง ไม่ได้สร้างขึ้นด้วยการแสดงของพระเอกนางเอก ที่เป็นขวัญใจของคนดูส่วนใหญ่เท่านั้น นักแสดงสมทบหรือเรียกง่าย ๆ กันว่า "ตัวประกอบ" อันเปี่ยมไปด้วยสีสัน ยากที่จะลืมเลือนก็คือจุดเด่นของหนังจากฮ่องกงด้วยเช่นเดียวกัน
ส่วนใหญ่เราแทบจะจดจำชื่อของตัวประกอบเหล่านี้ไม่ได้ด้วยซ้ำไป แต่ก็คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี รู้สึกสนิทสนมเหมือนเป็นญาติสนิทมิตรสหายกันเลยทีเดียว เหมือนอย่างการเสียชีวิต
อู๋หม่า นักแสดงรุ่นใหญ่ ที่เพิ่งจะลาโลกไปเป็นอีกคน ที่นักดูหนังหลายคนเปรยว่าเพิ่งจะมารู้จักชื่อเขาเอาเมื่อตอนเสียชีวิตนี่เอง
กับ เลสลี่ จาง ที่ล่วงหน้าไปก่อนหลายปี
อู๋หม่า เป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่อพยพมาอยู่ฮ่องกง เริ่มต้นอาชีพในวงการภาพยนตร์ ด้วยการเป็นนักแสดงตัวประกอบของบริษัทชอว์บราเดอร์ ด้วยประสบการณ์การทำงานในวงการอย่างยาวนาน อู๋หม่า จึงมีโอกาสทำงานหลังกล้องตั้งแต่ยังหนุ่ม และนั่งเก้าอี้ผู้กำกับเมื่ออายุแค่ 30 เศษ ๆ เท่านั้น โดยเฉพาะผลงานเด่น
The Dead and the Deadly (อำดีผีไม่กัด, 1982) นั้นถึงกับส่งให้เขามีชื่อชิงรางวัลตุ๊กตาทองสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมในปี 1983 กันเลยทีเดียว
ถึงงานหลังกล้องจะโดดเด่นเพียงใด แต่ผู้ชมก็น่าจะจดจำ อู๋หม่า จากบทบาทหน้ากล้องอยู่ดี แม้ส่วนใหญ่เขาจะแทบไม่เคยรับบทนำเลยก็ตาม แต่ก็ถือว่าเป็นตัวขโมยซีน ที่สร้างสีสันและสนับสนุนพระเอกนางเอกให้โดดเด่นขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหนังตลก หรือแนวชีวิตเข้มข้น อู๋หม่า ก็แสดงได้อย่างสมทบบาท และเป็นที่รักของคนดูตลอดมา โดยเฉพาะในงานมาสเตอร์พีซที่เขารับบทเป็นนักพรตปราบปีศาจใน
A Chinese Ghost Story (โปเยโปโลเย เย้ยฟ้าแล้วก็ท้า, 1987) ที่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ของหนังไม่แพ้ เลสลี่ จาง กับ หวังจู่เสียน พระนางของเรื่องเลยก็ว่าได้
บทบาทการแสดงท้าย ๆ ในชีวิตของ อู๋หม่า
อู๋หม่า มีผลงานที่น่ากลาวถึงมากมาย ทั้งบทผู้ช่วยพระเอกในหนัง
Miracle (ฉีจี้, 1988) ของ เฉินหลง หรือบทดราม่าเข้มขนเป็นขันทีสูงวัยใน
Lai Shi, China's Last Eunuch (ขันทีคนสุดท้าย, 1989) ที่ส่งให้เขาชิงรางวัลตุ๊กตาทองฮ่องกงอีกครั้งด้วย โดย อู๋หม่า ยังคงรับงานแสดงจนถึงช่วงท้าย ๆ ของชีวิต ก่อนจะจากไปอย่างสงบเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 ก.พ. ในวัย 71 ปี ด้วยสาเหตุของโรคมะเร็งปอด
พูดถึงนักแสดงประเภทที่ทุกคนคงจะคุ้นหน้า แต่น้อยคนที่จะคุ้นชื่อ และเสียชีวิตไปแบบที่แฟนหนังหลายคนอาจจะยังไม่ทราบก็คงต้องพูดถึง "เจิ้งกุ้ยอัน" ด้วย
ดาวร้ายเจ้าของเอกลักษณ์ "หน้าใหญ่" คงเป็นนักแสดงอีกคนที่แทบไม่มีใครจดจำชื่อของเขาได้แต่แฟนหนังฮ่องกงรุ่นอายุ 30 ขึ้นไปก็คงไม่มีใครลืมเลือนหน้าตาของดาวร้ายคนนี้แน่นอน เจิ้งกุ้ยอัน เริ่มต้นอาชีพในวงการแบบเดียวกับนักแสดงในยุค 70 หลาย ๆ คน คือเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ก่อนจะได้เข้าวงการในฐานะเป็นตัวประกอบของสตูดิโอชอว์บราเดอร์ ซึ่งตัวประกอบในที่นี้ก็คือตัวประกอบชนิดที่ได้แต่บทเล็ก ๆ ซึ่งแทบจะไม่มีบทบาท หรือบทพูดอะไรเลยอะไร จนมาถึงยุค 80 นั่นเองที่เขาเริ่มจะได้บทเด่นขึ้นมาบ้าง
เจิ้งกุ้ยอัน ดาราสมทบที่จากไปแล้วอีกคน
บทนักเลงหัวไม้, ผู้ร้ายตัวรอง, โจรกระจอก, จอมหาเรื่อง คือบทถนัดของ เจิ้งกุ้ยอัน ที่เขาแสดงเอาไว้ในหนังเฉียด 100 เรื่องส่วนใหญ่แทบจะเป็นบทซ้ำ ๆ แบบเดิมเหมือนกันหมด เป็นผู้ร้ายตัวตลก ที่มักจะลงเอ่ยด้วยการเสียท่าให้กับพระเอกแบบง่าย ๆ
ดาวร้ายจอมกวนที่แฟนหนังฮ่องกงคงยังไม่ลืมกัน
โดยตลอดการใช้ชีวิตในวงการหนังอยู่เกือบ 40 ปี เจิ้งกุ้ยอัน น่าจะเคยได้รับบทพระเอกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ในหนังทุนต่ำเรื่อง
The Blue Jean Monster (ตำรวจผีฆ่าไม่ตาย, 1992) ที่เขารับบทเป็นตำรวจที่เสียชีวิตอย่างกะทันหัน ก่อนจะกลับมาในสภาพผีดิบที่มีพลังพิเศษ เป็นหนัง ตลก,แฟนตาซี,สยองขวัญ เล็ก ๆ ที่คงไม่มีใครจดจำได้มากนัก แต่ดูสนุกใช้ได้ เรียกว่าไม่เสียเที่ยวสำหรับการเป็น "พระเอก" ครั้งเดียวในชีวิตเลย
เป็นพระเอกครั้งเดียวในชีวิต
เจิ้งกุ้ยอัน ฝากผลงานเรื่องสุดท้ายเอาไว้ในหนัง (สืบล่าปมฆ่าสยองโลกของ, 2007) อ็อกไซ แปง ก่อนจะเสียชีวิตด้วยโรxuะเร็งในปี 2009
ช่วงหลายปีที่ผ่านมามีนักแสดงรุ่นใหญ่ชาวฮ่องกงเสียชีวิตไปหลายคน บางครั้งเป็นข่าวเงียบ ๆ จนแฟนหนังแทบไม่ทราบว่าพวกเขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว รวมถึง "หลงฟง" ดาวร้ายแห่งยุค 80 ก็เสียชีวิตลงแบบเป็นข่าวเล็ก ๆ หลังจากออกจากวงการบันเทิงไปแล้วหลายปี
หลงฟง เคยเป็นตัวประกอบในช่วงยุครุ่งเรืองของหนังกังฟูในปี 70s แต่เล่นหนังอยู่หลายปีก็ไม่เห็นแววรุ่งอะไรจนออกจากวงการไปหางานการอย่างอื่นทำแทน จนตอนที่
หวังจิง กำลังสร้างหนังมาเฟีย
Casino Raiders (เจาะเหลี่ยมกะโหลก, 1989) เขาอยากจะหาดาวร้ายหน้าใหม่มาสร้างสีสันให้กับหนัง จนมีคนแนะนำว่า หลงฟง ที่ขณะนั้นทำงานเป็นผู้จัดการร้านอาหารแห่งหนึ่งในฮ่องกงน่าจะเล่นบทนี้ได้ เขาจึงได้กลับเข้าสู่วงการภาพยนตร์อีกครั้ง และมีผลงานในแนวหนังมาเฟียออกมาหลายเรื่อง รวมถึงบทร้ายในหนัง
คนตัดคน หลาย ๆ ภาคด้วย
หลงฟง เสียชีวิตไปเมื่อปี 2008
หลงฟง เกษียณตัวเองจากงานภาพยนตร์ ไปเมื่อปี 2000 และย้ายไปทำธุรกิจที่จีนแผ่นดินใหญ่ จนเสียชีวิตไปเมื่อปี 2008 ด้วยโรคมะเร็งปอด (เช่นเดียวกับผู้ชายฮ่องกงที่โตมาในยุค 70 - 80 อีกจำนวนมากที่ทั้งสูบบุหรี่จัด และดื่มหนัก)
ดาวร้ายในยุคหนังมาเฟียครองเมือง
เมื่อปีก่อนก็มีดาราฮ่องกงเสียชีวิตไปหลายคนทั้ง ดาราตัวประกอบ
โจ เจิ้ง ที่จากไปเพราะโรคมะเร็ง หรือดาราจากทีวีบีหลายคนที่แฟนหนังแทบจะจำชื่อตัวละครที่พวกเขาแสดงเอาไว้ แทนชื่อจริงของเจ้าตัวกันไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น
กงไหง หรือ
กัวเต็งอัก แห่งมังกรหยกที่เสียชีวิตเพราะมะเร็งปอด ส่วน
หลี่ฮั่นฉือ ที่คนคงจะจดจำเขาในฐานะทูตซ้ายเอี้ยเซียว หรือ อิดเต็งไต้ซือ ได้มากกว่าชื่อจริงก็จากไปเมื่อปีก่อนจากโรคปอดอักเสบ
บทบาทสุดท้ายในชีวิตของ หลี่ฮั่นฉือ ในหนังสยอง Tales From The Dark
โจ เจิ้ง เสียชีวิตเมื่อปีก่อนเช่นเดียวกัน
กงไหง กับบทในหนัง Overheard
ผู้รับบท 2 จอมยุทธใน เดชคัมภีร์เทวดาเสียชีวิตไปแล้วทั้งคู่
"อาจารย์ผีกัด" ที่บางคนแทบไม่รู้ว่าเขาชื่อจริงว่า "หลินเจิ้งอิง" ก็จากไปด้วยสาเหตุโรคมะเร็งตับเมื่อปี 1997 แบบที่ปัจจุบันก็ยังมีคนพูดให้ได้ยินอยู่เรื่อยว่า "เขาตายไปแล้วเหรอเนี่ย?" ... ถือเป็นการจากไปอย่างเงียบ ๆ ของนักแสดงสมทบที่ถึงแฟนหนังจะจำชื่อพวกเขากันไม่ค่อยได้ แต่คงไม่มีทางลืมบทบาทการแสดงที่เคยฝากเอาไว้อย่างแน่นอน
ที่มา :
manager