ผู้จัดการทีมชุดเยาวชน
Status: the best you ever had ...
: 0 ใบ
: 0 ใบ
เข้าร่วม: 24 Feb 2011
ตอบ: 19643
ที่อยู่:
โพสเมื่อ: Mon Sep 16, 2019 18:18
[RE: กระทู้จ่ายแผล่บจ้าาาาาาาา]
สวัสดีครับเพื่อนๆชาว SS ทุกคน วันนี้ขอโอกาสตั้งกระทู้แชร์เรื่องราว ที่ผมได้มีโอกาสไปทัวร์สนามฟุตบอล สแตมฟอร์ด บริดจ์ ของสโมสรเชลซี เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ก่อน (ก่อนเบรกทีมชาติ) มาเล่าสู่กันฟังนิดนึงครับ
* รูปอาจจะไม่เยอะเท่าไหร่นะครับ พอดีผมชอบดูด้วยตามากกว่า จะถ่ายไว้เฉพาะสิ่งที่ชอบจริงๆครับ
เรื่องการเดินทาง ผมไม่อยากลงรายละเอียดมาก เพราะถ้าเล่าเดี๋ยวมันจะยาว 555 แต่การเดินทางก็ง่ายๆครับ นั่งรถไฟใต้ดิน (underground) มาลงสถานี fulham broadway เดินออกจากสถานี แล้วเลี้ยวซ้าย ตรงไปซัก 200 เมตร ก็ถึงสแตมฟอร์ด บริดจ์แล้วครับ
ถึงสนามก็เจอป้ายแบบนี้เลยครับ
ถ้าเอากระเป๋ามาด้วย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าสนาม ก็อาจจะขอดูตรวจของหน่อยนะครับ ซึ่งก็แล้วแต่ดวงครับ ครั้งแรกที่ผมไป เขาไม่ตรวจผม ครั้งที่สองที่ผมไป เขาเรียกผมไปตรวจ
หน้าสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ที่แฟนเชลซีน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีครับ
จากตรงจุดหน้าสนาม ถ้าเดินไปทางซ้ายจะเป็นทางไปมิวเซียมและซื้อบัตรไปสเตเดี้ยมทัวร์ครับ ส่วนทางขวาจะเป็นช็อปสโมสรครับ
มาถึงที่ขนาดนี้ ผมไม่ลังเลที่จะเดินไปที่จุดขายตั๋วทัวร์สนามฟุตบอลครับ ถึงจะไม่ได้หาข้อมูลอะไรมาก่อนเลยก็ตามครับ 555
หลังจากสอบถามข้อมูลแล้ว ได้ความว่าทัวร์สนามจะเสียเงินมูลค่า 24 ปอนด์ (ประมาณเกือบ 1000 บาท) ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไม่สั้นและไม่ยาวเกินไปครับ น่าเสียดายที่ผมไปซื้อตั๋วก่อนรอบทัวร์ออก ไม่ถึง 5 นาที เลยไม่ได้เยี่ยมชมมิวเสียมของสโมสร T T
เมื่อถึงเวลาคุณพี่ไกด์ 2 คน ก็จะพาเราเข้าไปในสแตมฟอร์ด บริดจ์ เพื่อทัวร์สนามครับ ซึ่งไกด์ทั้งสองคนของผมในรอบวันนี้ เป็น life long แฟนของเชลซีที่เชียร์ทีมมานานกว่า 50 ปี ซึ่งถือตั๋วปีของสโมสรด้วย น่าอิจฉามากๆครับ ได้ทำงานกับสโมสรฟุตบอลที่ตัวเองรัก
ทัวร์จะเริ่มต้น ด้วยการพาไปที่สแตนด์ฝั่งเหนือ หรือ Matthew Harding Stand สแตนหลักของกองเชียร์ฮาร์ดคอร์ทีมสิงห์บลู สถานที่อยู่ของป้ายเชียร์ในตำนาน
SUPER FRANKIE LAMPARD
รอบๆสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ ป้ายแบนเนอร์ จะเยอะมากครับ ทั้งป้ายแบนเนอร์เชียร์นักเตะ และป้ายแบนเนอร์ของกลุ่มแฟนคลับต่างๆ มากมายจากทั่วโลก น่าเสียดายที่ผมหาป้ายของ แฟนเชลซี ไทยแลนด์ ไม่เจอ :( ถ้าใครมีโอกาสเอาไปแขวนผมรบกวนทีครับ อย่าให้แฟนบอลไทยน้อยหน้าแฟนบอลที่อื่น ฮ่าๆ
ไกด์จะพูดถึงประวัติที่มาของ Matthew Harding Stand ว่ามีที่มาจากไหน ซึ่งก็มาจากชื่อของเศรษฐีคนหนึ่ง ที่สนับสนุนสโมสรเชลซีมาโดยตลอด รวมถึงบริจาคเงินช่วยซ่อมแซมและขยายสนาม สแตมฟอร์ดบริดจ์ด้วยครับ
หลังจากนั้นไกด์จะพาเราโยกมาที่ ที่นั่ง press box ของสื่อ ที่ East Stand ซึ่งบอกเลยครับว่า แคบมากๆ 555 ตามขนาดที่ค่อนข้างแออัดของสนาม แต่ที่นั่งของสื่อจะอยู่ด้านหลังซุ้มมานั่งสำรอง เพื่อให้เหล่านักข่าว เห็นแอคชั่นของโค้ช และเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดบริเวณซุ้มมานั่งสำรองได้อย่างชัดเจน จะได้เอาไปเขียนข่าวมันส์ๆ ให้ทุกท่านได้อ่านกัน นั่นแหละครับ
รูปภาพจาก press box ครับ เห็นสนามชัดเจน
EAST STAND - PRIDE OF LONDON
หลังจากนั้น ไกด์จะพาไปชมห้องแถลงข่าวครับ สถานที่ซึ่งผมไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย 555
ห้องแถลงข่าวของเชลซีจะค่อนข้างเล็ก ตามพื้นที่อันจำกัดของสนาม ไกด์ก็จะเล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย เช่น นักเตะชื่อดังที่ย้ายมาที่เชลซี จะต้องเซ็นสัญญาร่วมทีมสดๆในห้องแถลงข่าว เพื่อให้นักข่าวนำไปเขียนข่าวได้ทันที หรือหากเชลซีแข่งขันฟุตบอลยุโรป อาหารเลี้ยงสื่อ จะเปลี่ยนไปตามประเทศของทีมที่มาเยือนครับ
หลังจากนั้นไกด์จะพาไปดูห้องซ้อมของทีมเยือน ซึ่งในห้องก็จะเเขวนเสื้อของนักเตะที่เคยมาเยือนสแตมฟอร์ดบริดจ์ เอาไว้หลายคน (ไม่ใช่เสื้อที่นักเตะใส่จริงนะครับ เป็นแค่เสื้อทำเหมือน 555) ยกเว้นเบอร์ 6 ของบ็อบบี้ มัวร์ กัปตันทีมแชมป์โลกของอังกฤษ ที่ทางไกด์บอกว่าเป็นเสื้อที่นักเตะใส่จริง
เสื้อในห้องแต่งตัวมีเยอะกว่านี้นะครับ แต่ผมถ่ายมาเท่านี้
ไกด์เล่าเกร็ดห้องทีมเยือนให้ฟังว่า สมัยก่อนห้องทีมเยือนจะเล็กมากๆ เล็กกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันสักครึ่งหนึ่ง มีห้องอาบน้ำและห้องน้ำ แค่ห้องเดียว ให้ใช้กันทั้งทีม ซึ่งเป็นเหตุผลทำให้สมัยก่อน เชลซีแพ้ในบ้านบ่อยมาก เพราะทีมเยือนจะลงสนามด้วยความโกรธแค้น และอยากเอาชนะมากเป็นพิเศษ 555
สุดท้ายในปี 2004 เชลซีจึงรีโนเวตห้องพักทีมเยือนใหม่ให้สบายกว่าเดิม ซึ่งทำให้เชลซีมีผลงานในบ้านแข็งแกร่งขึ้น นับแต่นั้น
หลังจากนั้นไกด์จะพาข้ามฝั่งไป ห้องแต่งตัวทีมเจ้าบ้าน ซึ่งอยู่ห้องตรงข้ามกับทีมเยือนเลยก็ว่าได้ ไกด์เล่าให้ฟังว่า สมัยมูรินโญ่คุมทีมเขามักออกมายืนรอหน้าห้อง เพื่อรอเจอโค้ชและนักเตะฝ่ายตรงข้าม รวมถึงกรรมการ เพื่อเล่นสงครามประสาท ตามที่น้ามูถนัด
ประตูหน้าห้องแต่งตัว ทีมเจ้าบ้าน
ด้านในห้องแต่งตัวฝั่งเจ้าบ้าน ก็จะตามสไตล์ยิ่งใหญ่กว่าทีมเยือนเป็นสองเท่า มีห้องนวด ห้องอาหาร อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่พร้อมสรรพ และพื้นที่ห้องแต่งตัวที่หรูหรากว่า
หลังจากนั้นไกด์จะพาเดินผ่านอุโมงนักเตะ พร้อมกับเปิดเพลงปลุกใจให้เราเหมือนกับนักเตะที่กำลังจะลงสนาม เพื่อไปนั่งบริเวณซุ้มม้านั่งสำรอง
ภาพถ่ายจากบริเวณขอบสนาม เห็นสแตมฟอร์ดบริดจ์ ในมุมที่สวยงามสุดๆ
ไกด์จะพาเราไปนั่งที่ซุ้มม้านั่งของทีมเชลซี ซึ่งไกด์เล่าว่าเชลซีเป็นไม่กี่ทีม ที่บังคับให้นักเตะทุกคนมานั่งบริเวณซุ้มม้านั่งสำรอง แม้ว่านัดนั้นจะลงสนามไม่ได้ ด้วยการติดโทษแบน หรืออาการบาดเจ็บก็ตาม เพื่อสร้างความเป็นหนึ่งให้กับทีม
หลังจากนั้นไกด์จะพาเราออกจาก East Stand ไปที่สแตนฝั่งใต้หรือ Shed End ซึ่งบริเวณมุมธง ระหว่างสองสแตนด์นี้ คือที่นั่งของแฟนบอลผู้มาเยือน สแตมฟอร์ดบริดจ์ ในวันที่มีเกมการแข่งขัน
บริเวณสแตน Shed End จะเป็นที่ตั้งป้ายสรุปเกียรติประวัติของสโมสรแห่งนี้ด้วยครับ
หลังจากนั้นไกด์จะพาเราไปนั่งที่สแตนด์ Shed End พูดถึงเกร็ดของสโมสรอีกสักเล็กน้อย แล้วก็จะพาสรุปทัวร์ หลังจากนั้นจะพาไปที่เมกาสโตร์ของสโมสร เป็นอันสิ้นสุดการทัวร์สนามครับ
ภาพด้านหน้าของเมกาสโตร์
ภาพด้านในเมกาสโตร์ครับ
หลังจากได้ช็อปปิ้งซื้อของติดไม้ติดมือ ก็เดินชมบริเวณรอบสนามอีกนิดหน่อย เป็นอันเสร็จพิธีการทัวร์สแตมฟอร์ด บริดจ์ของผมครับ
แถมครับ หลังจากทัวร์เชลซีอีกแล้ว ผมจึงเดินทางไปอีกสนามหนึ่ง ที่คนไทยไม่ค่อยไปสักเท่าไหร่ คือฟูแล่ม เอฟซี
โดยการนั่ง underground ต่อไปอีกสองสถานี จาก fulham broadway ไปที่ putney bridge แล้วเดินทะลุสวน Bishops park เป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะไปถึง คราเวน ค็อทเทจ รังเหย้าของฟูแล่มแล้วครับ
จบแล้วครับ สำหรับการพาไปทัวร์สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ แบบสั้นๆของผม ต้องขออภัยด้วยครับ อาจจะมีเนื้อหาที่น้อยไปสักหน่อย ด้วยภาพที่น้อยกับเวลาเขียนที่จำกัด แต่หวังว่าทุกท่านจะชอบ กระทู้นี้ของผม และมีความสุขไปกับมันนะครับ ขอบคุณครับ
แก้ไขล่าสุดโดย TWICE เมื่อ Mon Sep 16, 2019 19:17, ทั้งหมด 4 ครั้ง