ตำนานครุฑ นาค ภาคแรก โดยละเอียด(สาระ ความรู้)
คงเคยได้ยินตำนานครุฑ นาคกันบ่อยๆ แต่เคยได้ยินเวอร์ชั่นแบบละเอียดมั้ยครับ
ผมเรียบเรียง มาจากเวอร์ชั่นของ อาจารย์วีระ ธีระภัทร ให้อ่านกันเพลินๆ
ปล เนื่องจากความยาวของเรื่อง ผมจึงแยกออกเป็น 2 ตอน
ตอนจบมาล่ะครับ
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1023684
ตอนแรก กำเนิดพี่น้องคู่อาฆาต
***ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่อง
เทวนิยายฮินดู เล่าว่า เมื่อกาลหนึ่ง มีหัวหน้าฤษีใหญ่นาม กัสยปะพรหม (ฤษีตนนี้ ถือเป็นบิดาของบรรดาเทพและเหล่าอสูรทั้งหลายทั้งปวง บ้างได้ขนานนามว่า เทพบิดร)
ฤษีกัสยปะ มีเมีย มีลูกมากมายหลายคน (โคนนทิ ที่เป็นพาหนะประจำองค์พระศิวะ ก็เป็นลูกที่เกิดจากฤษีกัสยปะ กับแม่โคสุรภี ขนาดแม่โคยังเป็นเมียฤษีกัสยปะ สมที่เป็นเทพบิดร)
*** โคนนทิ หนึ่งในลูกของฤษีกัสยะปะพรหม
แต่ในบรรดาเมียๆทั้งหลาย จะมีอยู่ 2 นาง ที่ฤษีกัสยปะโปรดปรานเป็นพิเศษ เมียสองคนที่ว่าเป็นพี่น้องกัน ชื่อนางกัทรุ และนางวินตา ฤษีกัสยปะได้ประทานพรให้เมียทั้งสอง โดยนางกัทรุขอพรให้มีลูกเป็น งู 1000 ตัว ในเวลาเดียวกัน นางวินตาซึ่งเป็นพี่สาวขอพร ขอให้นางมีลูก2 คน แต่ว่าให้มีฤทธิ์เดชเหนือบรรดาลูกงูทั้งพันตนของนางกัทรุผู้เป็นน้องสาว
เมื่อได้พรจากฤษีกัสยปะแล้ว นางกัทรุก็คลอดลูกออกมาเป็นไข่ 1000 ใบ ส่วนนางวินตาก็คลอดออกมาเป็นไข่ 2 ใบเช่นกัน
กาลผ่านไป 500 ปี บรรดาลูกของนางกัทรุทั้งพันตัวก็ฟักออกมาจากไข่ เกิดเป็นงูใหญ่หรือนาคที่มีอิทธิฤทธิ์ และพิษร้ายแรงติดตัว แต่ลูกของนางวินตากลับยังไม่ฟักออกมาจากไข่ทั้งสองฟอง
*** พระอรุณ พี่ชายของพญาครุฑ ผู้เป็นสารถีให้พระอาทิตย์[
นางวินตาด้วยใจร้อนหรืออย่างไรมิทราบ ได้ทุบไข่ใบหนึ่งที่เป็นลูกของพระนาง แตกออกเป็นบุรุษพิการมีร่างกายเพียงครึ่งตัว (สงสัยจะคลอดก่อนกำหนด) ให้ชื่อว่า พระอรุณ
พระอรุณด้วยความโกรธ ที่นางวินตาผู้เป็นแม่ตีไข่แตกออกมาก่อนกำหนด ทำให้ตนกลายเป็นคนพิการ จึงได้สาปนางวินตา ขอให้นางวินตาได้ไปเป็นนางรับใช้ของนางกัทรุ ให้ได้รับความลำบาก และการดูถูกจากบรรดาลูกๆของนางกัทรุ หลังจากนั้นพระอรุณก็ไปเป็นสารถีขับม้าให้พระอาทิตย์
***(เกร็ดแทรก ด้วยความที่พระอรุณร่างกายใหญ่โต คอยบังแสงจากพระอาทิตย์ ไม่ให้สาดแสงมาแผดเผามนุษย์บนโลก เราจึงเรียกแสงอาทิตย์ในยามเช้าว่าแสงอรุณ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระอรุณ)
***พญานกยักษ์ สีแดงเพลิง ลูกของนางวินตา
หลังจากเวลาผ่านไป 5 พันปี ไข่อีกใบที่เป็นลูกของนางวินตา ได้แตกออกมาเอง กลายเป็นนกตัวใหญ่ สีแดงเพลิง ขนสีทอง หน้าขาว มีแสงสว่างรุ่งโรจน์ดั่งดวงอาทิตย์
ครั้นพญานกเห็นนางวินตาผู้เป็นแม่ตกระกำลำบาก ต้องเป็นทาสรับใช้ของนางกัทรุและลูกๆ ด้วยความสงสัย จึงเอ่ยปากถาม ว่าฉะไหนท่านแม่ ต้องคอยรับใช้นางกัทรุ ทั้งๆที่ก็เป็นพี่น้องแท้ๆมิใช่หรือ......
***ม้าอุจไฉศรวะ 1 ในของวิเศษที่ได้จากการกวนเกษียณสมุทร
นางวินตาผู้เป็นแม่ จึงเล่าย้อนไปว่าเมื่อครั้งหนึ่ง นางวินตากับกัทรุได้พนันกันว่า ม้าวิเศษที่ได้จากการกวนเกษียรสมุทร(ม้าอุจไฉศรวะ)จะมีขนสีใด นางวินตาทายว่าจะม้าอุจไฉศรวะ จะมีขนสีขาวบริสุทธิ์ ส่วนนางกัทรุทายว่าจะมีขนสีขาวปนดำ
พอตกกลางคืน นางกัทรุใช้กลโกง โดยบอกเหล่าลูกๆที่เป็นนาค แปลงกายเป็นขนสีดำไปแซมตามขนสีขาวของม้าอุไฉศรวะ ด้วยเหตุนี้นางวินตาจึงได้แพ้พนันต่อนางกัทรุ จึงกลายเป็นทาสรับใช้นางกัทรุและลูกๆ ดังคำสาปที่พระอรุณบุตรชายคนโตได้เคยสาปไว้เมื่อกำเนิด
***พระอินทร์หัวหน้าเทวดา ผู้ดูแลน้ำอมฤตะ
พญานกยักษ์ ได้ยินเรื่องเล่า ด้วยความสงสารนางวินตาแม่ของตน จึงเข้าไปอ้อนวอนขอร้องนางกัทรุและเหล่านาคทั้งพันตัว ให้ปล่อยแม่ของตนเป็นอิสระ
เหล่านาคพันตัว ยื่นข้อเสนอว่าจะปล่อยนางวินตาเป็นไท ก็ต่อเมื่อได้น้ำทิพย์จากพระอินทร์(น้ำอมฤต ที่ได้จากการกวนเกษียรสมุทร)มาทำการแลกเปลี่ยน พญานกจึงตกปากรับคำจะไปนำคนโทน้ำทิพย์จากพระอินทร์มาไถ่ตัวนางวินตาผู้เป็นแม่
ก่อนพญานกยักษ์จะบุกสวรรค์ชิงน้ำทิพย์ ซึ่งคาดว่าคงต้องใช้พลังมหาศาล พญานกจึงต้องกินอาหารให้มีแรงมากๆ เตรียมพร้อมที่จะทำการสู้กับเหล่าทวยเทพทั้งหลาย
ดังนั้นพญานกยักษ์จึงทำการหาของกินโดย กระพือปีกอันใหญ่โต เกิดพายุลูกใหญ่ ฝุ่นดินตลบไปทั่ว พวกชาวป่าหวาดกลัววิ่งหนีเข้าปากพญานกอย่างง่ายดาย แต่ด้วยพญานกยักษ์ร่างกายใหญ่โตมาก กินเหล่าคนป่ามากมายเพียงใดก็ไม่รู้สึกอิ่ม
***พญาเต่ายักษ์ น่าจะไปประมาณกาเมร่า นี้แระ
จึงได้ไปขอคำปรึกษาจากฤษีกัสยปะพรหมผู้เป็นพ่อ มหาฤษีได้ชี้แนะให้พญานกไปกินช้างเชือกหนึ่ง ชื่อ สุปะระติกะ(สะกดมั่ว ผิดพลาดขออภัย) ช้างตัวนี้สูง 6 โยชน์ (1 โยชน์ = 16 กม ช้างตัวนี้สูง 96 กม บรรยากาศชั้นโทรโพสเฟียร์ เป็นบรรยากาศชั้นล่างสุด สูงจากพื้นโลกขึ้นไป ประมาณ 10-12 กม เท่านั้นเอง ลองมโนดูว่าช้างตัวใหญแค่ไหน)
เท่านี้ยังไม่พอ ต้องไปกินเต่าตัวหนึ่ง ชื่อ วิภาระสุ (สะกดมั่วเช่นเดิม) สูง 3 โยชน์
พญานกยักษ์ได้บินไปจับช้างและเต่า จิกไว้ในกรงเล็บ
***ตราครุฑของข้าราชการไทย หมายถึงผู้แบกรับภาระอันยิ่งใหญ่
พญานกทำการร่อน เตรียมจะกินช้างและเต่าวิเศษตรงบริเวณกิ่งของต้นไทรยักษ์ (กิ่ง ยาว 100 โยชน์) ขณะกินอย่างเอร็ดอร่อย กิ่งไทรรับน้ำหนักไม่ไหว ก็หักโค่นลงมา แต่กิ่งไทรกิ่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของกลุ่มฤษีแคระด้วย(ฤษีพวกนี้ กินแสงพระอาทิตย์เป็นอาหาร) พญานกยักษ์เห็นเช่นนั้น จึงรีบใช้จะงอยปาก คาบกิ่งไทรแล้วกระพือปีกประคองไว้ในอากาศ แล้ววางลงอย่างนิ่มนวล เหล่าฤษีจึงสรรเสริญพญานก ว่าเป็นผู้แบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ จึงได้ประทานนามให้ว่า “ครุฑ” (ครุฑ แปลว่า ผู้แบกภาระอันหนัก)
หลังจากอิ่มพลี มีเรี่ยวมีแรงเต็มกำลังแล้ว พญาครุฑ (ขณะนี้มีชื่อแล้ว)
ก็ทำการบินขึ้นสวรรค์ เตรียมเปิดศึกกับเหล่าทวยเทพเทวดา แย่งชิงน้ำทิพย์วิเศษจากพระอินทร์
...โปรดติดตามตอนสอง พญาครุฑจะบุกสวรรค์ ชิงน้ำอมฤตะจากพระอินทร์ เพื่อช่วยแม่ตนเองจากเหล่านาคคู่แค้น ได้หรือไม่เร็วๆนี้
เรียบเรียงให้อ่านโดย ผมเอง
แหล่งข้อมูล
หนังสือ ทิพยนิยาย จากปราสาทหิน ,อาณาจักรขอมโบราณ,30 ปราสาทขอม,กำเนิดเทวะ ตำนานมหาเทพ แห่งสรวงสวรรค์ และเรื่องเล่าจากรายการวิทยุ อ.วีระ ธีระภัทร
ติดใจ ตามเสพผลงานได้ที่
ศิวะเทพ
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1017405
นรสิงห์
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1018665
ซีเหมินป้าผู้ขจัดความงมงาย
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1018932
ทรพี ปะทะคนพาล
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1019321
ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอ่าน