จากกระทู้
http://www.soccersuck.com/boards/topic/1017405
หลังจากตอนแรกเล่าถึงพระศิวะไปแล้ว ตอนนี้จะเล่าถึงพระวิษณุ ตอนหนึ่งที่อวตารมาเป็นนรสิงห์ คงจะคุ้นหูจากละครจักร์ๆวงศ์ๆ เลยจับมาเล่าให้ฟังกัน แต่ก่อนจะเล่าเรื่องปางที่อวตารเป็นนรสิงห์ ต้องเล่าถึงปางที่อวตารเป็นหมูป่าก่อน เพราะเนื้อเรื่องมันต่อเนื่องกัน เล่าแบบครึ่งๆกลางๆมันไม่ได้อรรถรส....
วราหวตาร (หมูป่า)
ตามเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่ง มียักษ์ร้ายนาม หิรัณยกศะ ได้บำเพ็ญเพียรจนได้พรจากพระศิวะ ให้มีอิทธิฤทธิ์เหนือผู้ใดใน 3 โลก ด้วยความกำเริบเสิบสาน จึงได้ระรานโลกหล้าไปทั่ว แต่หามีผู้ใดมาปราบได้ แถมยังไม่พอเจ้าหิรัณตยักษ์ ด้วยความที่ไม่ชอบมนุษย์โลก ไม่อยากให้มนุษย์มีพื้นดินอยู่อาศัย จึงได้ทำการม้วนแผ่นดิน หนีบรักแร้แล้วลงไปซ่อนอยู่ใต้มหาสมุทร(คาดว่าท่ามวยไทย หิรัณม้วนแผ่นดินคงมาจากตำนานที่กล่าวถึงนี้) ร้อนถึงเหล่าเทวดา และฤษี ต้องไปขอความช่วยเหลือจาก พระวิษณุ
องค์พระวิษณุเทพจึงได้ อวตารมาเป็นหมูป่า ร่างกายสูงใหญ่ถึง 10 โยชน์ ( 1 โยชน์ เท่ากับ 16 กิโลเมตร ดังนั้นหมูป่าสูง 160 กิโลเมตร ใหญ่แค่ไหนนึกภาพไม่ออกจริงๆ) หลังจากนั้นพระวิษณุในร่างหมูป่าจึงเอาเขี้ยวขวิดหิรัณยกศะถึงแก่ความตาย แล้วงัดแผ่นดินกลับมาได้สำเร็จ (เกร็ดแทรก มีเรื่องเล่าว่าตอนหิรัณยกศะไปซ่อนในมหาสมุทร ได้แปลงกายเป็นหอยสังข์ ทุกวันนี้ถ้าสังเกตหอยสังข์ให้ดี ที่บริเวณใต้เปลือกหอยสังข์ จะมีรอยบากที่เกิดจากการโดนหมูป่าอวตารขวิดไว้ในครั้งนั้นเป็นต้นมา)
นรสิงหาวตาร
สืบเนื่องจากอวตารปางที่ได้เล่าไป หลังจากที่พระวิษณุสังหารยักษ์หิรัณยกศะสิ้นชีพน้องชายฝาแฝดของหิรัณยกศะ นาม
หิรัณยกศิปุ โกรธแค้นในพระวิษณุเป็นอย่างยิ่ง จีงได้บำเพ็ญตบะจนพระพรหมต้องมาประทานพรให้ เจ้ายักษ์หิรัณยกศิปุจึงได้ขอพรจากพระพรหมว่า
พรประการแรก ขอให้ตนเองไม่ตายด้วยน้ำมือของมนุษย์ สัตว์หรือเทพเจ้าองค์ไดๆ
พรประการที่สอง ขอให้ตนเองไม่ตายในเวลากลางคืน และเวลากลางวัน
พรประการที่สาม ขอให้ตนเองไม่ตายในเรือน และไม่ตายนอกเรือน
พรประการสุดท้าย ขอให้ตนเองไม่ตายด้วยศาตราวุธใดๆ
หลังจากได้รับพรจากพระพรหมมาแล้ว เจ้าหิรัณยกศิปุ จึงเริ่มแก้แค้นแทนพี่ชายฝาแฝดของตน โดยทำการอาละวาดทั้งสวรรค์ โลกมนุษย์ และบาดาล สร้างความเดือดร้อนไปทั่วทุกหัวระแหง เหล่าเทวดา ฤษี มนุษย์ผู้กล้าคนใด ไม่อาจปราบเจ้าหิรัณยกศิปุตนนี้ลงได้ เนื่องจากพรที่รับจากพระพรหมช่างรัดกุมแน่นหนาเหลือเกิน ดังนั้นเหล่าเทวดา ฤษี จึงได้ไปขอความช่วยเหลือจากพระวิษณุอีกครั้ง
พระวิษณุ จึงอาตารเป็นนรสิงห์ (ครึ่งคน ครึ่งสิงห์) เพื่อทำการปราบเจ้ายักษ์ตนนี้ โดยเฉพาะ
เมื่อพระวิษณุในร่างนรสิงห์ทำการต่อสู้กับหิรัณยกศิปุ การสู้รบก็เป็นไปด้วยความสูสี พระวิษณุฆ่าเจ้ายักษ์หิรัณยกศิปุเช่นไรก็ไม่ตาย อันมาจากพรที่พรหมประทานให้ไว้ พอใกล้เวลาพลบค่ำ พระวิษณุเทพจึงได้ลากตัวหิรัณยกศิปุไปที่ บริเวณประตูเรือน(บ้างก็ว่าประตูเมือง)
พอถึงบริเวณดังกล่าว พระวิษณุจึงเตรียมทำการจะฆ่าหิรัณยกศิปุ แต่หิรัณยกศิปุได้ร้องถามพระวิษณุว่า ท่านจะทำการประหารเราได้เช่นไร ในเมื่อเราได้พรจากพระพรหม ว่าเราจะไม่ตายด้วยมนุษย์ สัตว์ หรือเทพ ,ไม่ตายในเรือนและนอกเรือน, ไม่ตายเวลากลางวันและกลางคืน พร้อมทั้งไม่ตายด้วยศราวุธใดๆ
พระวิษณุจึงได้กล่าวถามว่า
ประการแรก ตัวข้าใช่มนุษย์ สัตว์ หรือเทพองค์ใด รึไม่? (อย่างที่บอกไป นรสิงห์ นี่เป็นครึ่งคนครึ่งสิงห์ )
ประการที่สอง ขณะเวลานี้ใช่เวลากลางวัน หรือกลางคืนรึไม่? (ขณะนั้นเป็นเวลา พลบค่ำ พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่ยังมีแสงสว่างอยู่ จึงไม่ใช่ทั้งกลางวัน หรือกลางคืน)
ประการที่สาม ตัวเจ้าตอนนี้อยู่ในเรือน หรือนอกเรือน ? (ตัวหิรัณยกศิปุ ถูกจับพาดอยู่ตรงธรณีประตู ครึ่งหนึ่งอยู่ในเรือน อีกครึ่งอยู่นอกเรือน)
ประการสุดท้าย เขี้ยวและเล็บของข้า ใช่ศาตราวุธใดๆรึไม่ ?
เมื่อยักหิรัณยกศิปุจนด้วยคำตอบแห่งคำถาม พระวิษณุในร่างนรสิงห์จึงทำการฉีกร่างหิรัณยกศิปุด้วยเขี้ยวและเล็บจนสิ้นชีพในบัดดล คืนความสงบสุขแก่ 3 โลกอีกครั้ง
หลังจากนั้นก็เสด็จกลับทะเลไวกูณฑ์อันเป็นที่ประทับตามเดิม.......
(จะพบงานสลักหินนูนต่ำ ฉากที่หิรัณยกศิปุ โดนนรสิงห์แหกอก ได้ทั่วไปตามปราสาทหินในประเทศกัมพูชา)
เขียนและเรียบเรียงโดยผมเอง
แหล่งข้อมูล
หนังสือ ทิพยนิยาย จากปราสาทหิน ,อาณาจักรขอมโบราณ,30 ปราสาทขอม,กำเนิดเทวะ ตำนานมหาเทพ แห่งสรวงสวรรค์ และจากรายการวิทยุของ อ วีระ ธีรภัทร
[/b]