ทำเอกสารประกอบการท่องเที่ยวปราสาทเขมรกับเพื่อนช่วงสิ้นปีนี้เล่นๆ ค้นคว้าไปค้นคว้ามารู้สึกว่าสนุก และน่าสนใจดี เลยลองแบ่งบางส่วนออกมาให้เพื่อนใน ss อ่านเล่นลดกระแสความเครียดในบอร์ดกันดูครับ
ดึงตอนพระศิวะมาลง
ตำนานเทพเจ้าต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะขอมยุคพระนคร
พระศิวะ (พระอิศวร) บท 1
ลัทธิไศวะนิกาย เป็นลัทธิผู้บูชาพระศิวะโดยตรง (กษัตริย์ขอม ที่นับถือบูชาเทพเจ้าองค์ใด ก็จะมีการสร้างปราสาทเทวาลัยเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าองค์นั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อแสดงถึงศรัทธาต่อเทพเจ้าพระองค์นั้นและแสดงถึงพระราชอำนาจในตัวกษัตริย์ด้วย)
พระศิวะเทพ ถือเป็นต้นกำเนิดแห่งสรรพสิ่ง (ลัทธิใดก็ตามจะยกเทพเจ้าที่ตนเองนับถือเป็นเทพเจ้าสูงสุด หรือ มหาเทวะ) เป็นผู้แบ่งภาคให้เกิดพระแม่ศักดิศิวา เพื่อให้เกิดเพศคู่ จากนั้นจึงให้กำเนิดแก่ พระวิษณุเทพ (พระนารายณ์) และเมื่อวิษณุเทพได้รับคำบัญชาให้สร้างบรรพบุรุษของคนทั้ง 3 โลก และนั่นจุดกำเนิดของ พระพรหม และกำเนิดสรรพสิ่งอื่นๆตามในภายหลัง
ในความเชื่อทั่วไป พระศิวะ เป็น 1 ใน 3 เทพเจ้าสูงสุดคือ พระศิวะ พระวิษณุ และพระพรหม (เรียกว่า ตรีมูรติ) พระศิวะทรงเป็นผู้ทำลายล้างโลก แต่เป็นการทำลายเพื่อสร้างโลกขึ้นมาใหม่ ให้พ้นกลียุคนั่นเอง
ลักษณะของพระศิวะ อยู่ในรูปมนุษย์ชายมี 3 เนตร เนตรที่ 3 อยู่กลางหน้าผาก ซึ่งเมื่อใดลืมเนตรที่ 3 จะเกิดไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญโลก พระศิวะทรงไว้ผมเกล้าเป็นมุ่นขมวดมีจันทร์เสี้ยวประดับ (พระจันทร์ ได้มาจากของวิเศษที่เกิดจากการกวนเกษียรสมุทร) นุ่งห่มหนังเสือ มีงู(นาค)เป็นเครื่องประดับกาย พระศอ หรือคอมีสีดำ (เกิดจากยอมเสียสละพระองค์ช่วยมนุษย์โลก อมพิษที่พญานาควาสุกรีพ่นออกมา ตอนกวนเกษียรสมุทร ที่เล่าให้ฟังอย่างละเอียดในอันดับต่อไป)
อาวุธประจำกาย มีหลายอย่าง แต่สำคัญคือ ตรีศูล
พาหนะ คือ โคนนทิ
ที่ประทับ อยู่บนยอดเขาไกรลาส
ชายาชื่อ พระอุมาเทวี (ปารพตี) มีพระโอรส 2 พระองค์ คือ พระคเณศ และพระขันธ กุมาร(คนไทยเรียก สกันทะกุมาร)
(จุดสังเกต เวลาเราไปเที่ยวชมภาพแกะสลัก หากเห็นรูปสลักบุรุษประทับโค ถือตรีศูล และมีสตรีนั่งซ้อนท้าย ให้สันนิฐานว่ารูปแกะสลักพระศิวะและพระแม่อุมาเป็นอันดับแรก)
(ทศกัณฑ์กำลังโยกเขาไกรลาส ปราสาทบันทายสรี)
ในภาพเล่าถึงตอนหนึ่งในมหากาพย์รามายณะ (รามเกียรติ์ของไทย) เรื่องมีอยู่ว่า ครั้งที่ราวัณนะ(ทศกัณฑ์)เสร็จศึกกับพระกุเวร ได้ผ่านเขาไกรลาส อันเป็นที่ประทับของพระศิวะ เห็นว่ามีธรรมชาติอันงดงาม จึงปรารถนาจะสร้างที่ประทับที่บริเวณนี้บ้าง ทันใดนั้น นันทิเกศวรซึ่งเป็นผู้เฝ้าเขาไกรลาส ก็ออกมาห้ามปรามไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปเขตที่ประทับของพระศิวะ ราวัณนะหรือทศกัณฑ์โกรธมาก ตรงเข้าไปเขย่าเขาไกรลาส หมายจะยกทุ่มทิ้ง พระนางอุมา ตกพระทัยมาก (ดูในรูปสลักแสดงถึงอาการตกใจของพระแม่อุมา และเหล่าสิงสาราสัตวร์ได้อย่างสมจริง) พระศิวะจึงใช้นิ้วพระบาทกดลงเพียงเบาๆเขาไกรลาสก็ตั้งตรงตามเดิม และยังทรงเหยียบทับร่างราวัณนะจมพื้นธรณี อยู่นานนับพันปี กว่าราวัณนะจะเพียรทำความเคารพพระศิวะ จนเป็นที่พอพระทัย จึง ประทานพร มอบอาวุธศักดิ์สิทธิ์ให้ พร้อมทั้งปล่อยราวัณนะเป็นอิสระไป
(ที่ประทับยอดเขาไกรลาส มีรูปกามเทพขวามือของภาพ และมีรูปพระศิวะประทับนั่งประทานไข่มุกให้พระอุมาแล้วเข้าพิธีสยุมพร ปราสาทบันทายสรี)
ในภาพเล่าถึง เมื่อคราวพระศิวะสูญเสียพระชายา ชื่อพระนางสตี ที่โดดกองไฟเผาร่างตนเอง(ที่มาของพิธีกรรมสตี การกระโดดเข้ากองไฟเพื่อตายตามสามีของภรรยา ในอินเดียตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน) เพื่อประท้วงพระบิดาของตนเองที่ไปดูถูกพระศิวะผู้เป็นพระสวามีของพระนาง เนื่องจากในสายตาพระบิดาของพระนางสตี พระศิวะเทพเป็นเพียง กะปาลัน (พระผู้มีกะโหลกมนุษย์เป็นเครื่องประดับ)จึงไม่ค่อยให้เกียรติพระศิวะเท่าไหร่นัก
พระศิวะทรงเสียพระทัยมาก จึงเสด็จไปทรงบำเพ็ญตบะที่เขาหิมาลัย ไม่สนใจสิ่งใดๆอีก กาลเวลาผ่านไป มีอสูรตนหนึ่งชื่อ ทาราคา บำเพ็ญตบะจนได้รับพรจากพระพรหมให้มีฤทธิ์เดชกว่าผู้ใดในสามโลก ไม่มีผู้ใดสังหารได้ นอกจากบุตรของพระศิวะ จากนั้นก็รุกรานเทวโลก สร้างความเดือดร้อนให้เทวดาและเหล่าฤษี
ฝ่ายพระนางสตี อวตารมาเกิดเป็นพระนางปารวดี (อุมาเทวี) พระนางเฝ้าบูชาแต่พระศิวะ โดยบำเพ็ญเพียรอย่างหนัก แต่พระศิวะก็ยังไม่ทรงลืมพระเนตร เพื่อที่จะให้เกิดบุตรพระศิวะไปปราบอสูรทาราคา เหล่าเทวดาฤษี จึงคิดแผนการไปขอร้องพระกามเทพ ผู้เป็นเทพแห่งความรัก ให้ช่วยเหลือ
พระกามเทพเมื่อได้รับการร้องขอจากเหล่าเทวดาและฤษี จึงเดินทางไปเขาหิมาลัย เพื่อยิงศรรักใส่พระศิวะ ให้พระองค์ตื่นจากสมาธิ และทรงบังเกิดความรักต่อพระนางปารวตี แต่พระศิวะเกิดพิโรธที่ถูกรบกวน จึงลืมพระเนตรที่ 3 เผาผลาญไฟบรรลัยกัลป์จนพระกามเทพมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน แต่หลังจากนั้น พระศิวะก็ทรงบังเกิดความรักต่อพระนางปารวตีและทรงให้กำเนิดสกันทกุมาร ซึ่งเป็นผู้ไปปราบอสูรทาราคาได้ในที่สุด (กาลต่อมา ชายาของพระกามเทพไปขอพระศิวะให้ชุบชีวิตพระกามเทพขึ้นมาใหม่ พระศิวะก็ทรงชุบชีวิตให้ใหม่ แต่เนื่องจากร่างกายพระกามเทพมอดไหม้เป็นเถ้าถ่านไปแล้ว จึงชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ได้แต่ดวงจิต จึงเป็นที่มาว่า กามเทพ จะไม่มีรูปร่างให้มนุษย์ทั่วไปได้เห็น คล้ายๆล่องหนนั่นเอง)
เอาแค่นี้ก่อนน่ะครับ พอหอมปากหอมคอ แต่ละตำนานแตกต่างกันเล็กน้อย ผมนำเสนอตำนานที่ผมชอบน่ะครับ
แหล่งข้อมูล(เผื่ออยากไปตามอ่านกัน )
หนังสือ ทิพยนิยาย จากปราสาทหิน ,อาณาจักรขอมโบราณ,30 ปราสาทขอม,กำเนิดเทวะ ตำนานมหาเทพ แห่งสรวงสวรรค์
อ้าวกำภาพไม่ออก ทำไมตอนแสดงตัวอย่างยังออก