อภิมหาฟุตบอล "เป๊ป" [บทความ]
ระบบการเล่นที่ผันแปรตลอดเวลา
บทความโดย: Denis The Bavarian
ต้องยอมรับเลยว่า ตั้งแต่ผมดูบอลมา ไม่เคยจับทางทีมตัวเองไม่ได้ อย่างน้อยๆก็พอเดาได้ว่า จะเล่นแบบไหน นักเตะที่จะใช้ในแต่ละเกมส์เป็นใคร แต่ความรู้สึกนั้นเริ่มหมดไปและถูกแทนที่ด้วยการตั้งคำถามก่อนเกมส์ทุกครั้งว่าวันนี้ใครจะเป็นนักเตะที่ลงเล่น และจะใช้แผนอะไรโจมตี ก็เพราะโค้ชเป๊ป
เดิมที ทุกครั้งที่ดูฟุตบอล เราจะเห็นการวางหมากในรูปแบบที่ไม่แตกต่างกันมาก รู้ว่าใครทำหน้าที่อะไร ใครจะยืนตำแหน่งไหน และจะโจมตีแบบใด เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่แฟนฟุตบอลส่วนใหญ่มักจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่า บาเยิร์นมิวนิคเป็นทีมที่มีความพร้อมในเรื่องของคุณภาพนักเตะที่สามารถทดแทนกันได้เสมอ
เปรียบเทียบแบบให้เห็นภาพ ในยุคของจุ๊ป ไฮเกส กุนซือลายครามผู้พาทีมคว้า 3 แชมป์ปิดตำนานอาชีพอย่างสวยหรู 2 ปีที่ปู่ทำงานร่วมกับบาเยิร์น ปู่ มักจะใช้คนเดิมๆ แผนการเล่นเดิมๆ เพื่อคงไว้ซึ่งระบบที่จะสร้างความคุ้นชินแก่นักเตะ และปู่ก็เน้นระเบียบวินัยเป็นสำคัญ นักเตะเกมส์รุกต้องเล่นเกมส์รับได้ ทุกคนมีหน้าที่ที่เพิ่มเข้ามาคือ ต้องช่วยกันรักษาวินัยในเกมส์ การบุกโจมตีคู่ต่อสู้ ก็จะเน้นขึ้นเกมส์จากริมเส้น เมื่อไปไม่ได้ ก็จะย้อนกลับไปที่ผู้รักษาประตูเพื่อเปิดพื้นที่สำหรับเกมส์ เกมส์แดนกลาง ณ ตอนนั้น สามารถไว้ใจ 2 มิดฟิลด์ บาสเตียน ชไวน์สไตล์เกอร์ และ ชาบี้ มาติเนซ ได้แบบหายห่วง ซึ่งสุดท้ายก็คือนักเตะเดิมๆ รูปแบบการเล่นเดิมๆ คงพูดได้ว่ามันทำให้นักเตะคุ้นชินกับรูปแบบที่โค้ชต้องการให้เป็น
แต่ตอนนี้ แฟนบาเยิร์น มิวนิคหลายๆท่าน อาจจะมีความรู้สึกที่ว่า วันนี้จะมาไม้ไหนและใครจะลงสนาม จะใช้พื้นที่ไหนโจมตีคู่แข่ง จะใช้กลยุทธ์อะไรเอาชนะคู่แข่ง จะบุกกดดันบดคู่แข่งไปเรื่อยๆ หรือ อาจจะใช้ลูกชิพครอสเข้าเขตโทษ หรือแม้แต่ผ่านบอลทะลุช่องเพื่อสร้างโอกาสเข้าทำที่หลากหลายขึ้น
เป๊ป กวาดิโอล่า ได้สร้างสิ่งที่แตกต่างขึ้นอย่างมาก ที่แน่ๆคือรูปแบบเกมส์รุกที่หลากหลายและเดาทางยากมาก เพราะลำพังเคาะบอลไปมาหาจังหวะหน้าประตูก็อันตรายอยู่แล้ว แต่แนวทางการเล่นที่มีเพิ่มขึ้นมาจากยุครุ่งเรื่องของบาซ่าก็เห็นจะเป็นริมเส้น 2 คนที่สามารถหาโอกาสเข้าทำเองได้ และที่สำคัญคือ ทีมสามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ดี การวางหมากโดยอาศัยความสามารถที่นักเตะแต่ละคนมีอยุ่ เขารู้ว่านักเตะคนไหนเหมาะกับเกมส์แบบไหน นัดไหนควรเล่นยังไง และเป๊ปสามารถลงลึกรายละเอียดการเล่นของนักเตะแต่ละคนว่าจะต้องเล่นยังไง ควรจะจัดการกับคู่ต่อสู้อย่างไร และพัฒนาการเล่นที่เหมาะสมกับนักเตะ ทำให้นักเตะหลายๆคนเก่งขึ้นภายใต้การคุมทีมของเขา และนั่นเองที่ส่งผลให้การจัดการเกมส์ของเขาง่ายขึ้น เพราะเขาเริ่มต้นจากการปรับพื้นฐานที่เล็กที่สุดซึ่งก็คือจากตัวนักเตะ จากนั้นค่อยๆสอดแทรกแนวคิดของเขาลงไปในระบบทีม และนี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมเป๊ปถึงไม่หยุดที่จะมองหานักเตะเพิ่ม ในเมื่อทรัพยากรที่เขามีอยู่ ก็มีประสิทธิภาพมากพออยู่แล้ว
"ก็แน่นอน... ยิ่งมีนักเตะสไตล์ที่แตกต่างกันมากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งทำให้เขามีตัวเลือกของแผนการเล่นที่มากขึ้นเท่านั้น เพราะเขาเป็นโค้ชที่มีจินตนาการในระดับสุดยอดนั่นเอง"
สำหรับเกมส์กับโวร์ฟบวร์กเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา เป๊ปน่าจะคิดว่าโวร์ฟบวร์กน่าจะตั้งรับ แต่เขาคิดผิด เพราะโวร์ฟบวร์กยอมที่จะแลกเกมส์บุกเข้าใส่และสู้แบบถวายหัว
ในช่วงต้นเกมส์เป้นชากิรี่ที่ได้รับมอบหมายหน้าที่สร้างสรรค์เกมส์รุก ผลงานของชากิรี่ ก็ไม่ได้ถือว่าเลวร้ายมากนัก เพราะยังสามารถสร้างจังหวะในเกมส์ได้ และยิงประตูตีเสมอให้ทีม แต่ว่าเขาเงียบไปหน่อยในเกมส์นี้ มันยังดีไม่พอเท่านั้นเอง ครึ่งแรก บาเยิร์น ค่อนข้างจะเล่นกันได้อย่างยากลำบาก เกมส์ของโวร์ฟบวร์กรับมือแนวรุกได้อย่างดีเยี่ยม แต่นั่นถือเป็นการกระตุกหนวดเสืออย่างแท้จริง
ครึ่งหลังเป๊ปจัดการแก้เกมส์ ด้วยการส่ง อาคันทาร่า ลงมาแทน ชากิรี่, มันซูคิซ แทน โทนี่ โครส และ เปลี่ยนกัปตัน ฟิลิป ออก ส่ง ชาบี้ มาติเนซลงมาแทน รูปเกมส์ถือว่าเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งแรก มีจังหวะเข้าทำมากขึ้น และโอกาสที่ใช้ก็ถือว่าไม่เปลืองเท่าไหร่ เป๊ปรู้ว่าควรจะเล่นงานกองหลังโวร์ฟบวร์กยังไง แฟนบอลที่ติดตามจึงได้เห็น การผ่านบอลทะลุช่องตัดแผงหลังสวยๆหลายลูก นอกจากการยกเครติดให้นักเตะที่โชว์ฟอร์มในเกมส์นี้แล้ว คงหนีไม่พ้นการยกเครติดให้เป๊ปสำหรับการแก้เกมส์ครั้งนี้ไปเต็มๆ
สิ่งที่น่าคิดก็คือ เกมส์รุกในยุคของเป๊ป แม้ว่าจะมีเกมส์รุกที่ดี แต่ว่าโอกาสในการเข้าทำเมื่อเทียบกับยุคของจุ๊ป ไฮเกสแล้ว โอกาสยิงทั้งหมดในเกมส์นั้นยังถือว่าน้อยกว่าในยุคของ จุ๊ป ไฮเกส อยู่พอสมควร นี่ก็คือจุดแตกต่างเดียว แต่ถูกทดแทนด้วยรูปแบบการเข้าทำที่หลากหลายขึ้น และใช้กึ๋นของนักเตะมาเป็นตัวชี้ขาดในเกมส์ ผลงานของบาเยิร์นมิวนิค ก็ยังถือว่าดีวันดีคืนและกลายเป็นที่ยำเกรงไปทั่วทั้งยุโรป
ในระยะเวลาที่เหลืออยู่ กับนักเตะที่เริ่มโรยราลงทุกวัน เราคงต้องดูต่อไปว่าภายใต้การกุมบังเหียนของเป๊ป จะสามารถสร้างนักเตะขึ้นมาทดแทนและยืนระยะต่อไปได้มากน้อยแค่ไหนกัน แต่ ณ ตอนนี้ ค่าจ้างมหาศาลที่บาเยิร์น จ่ายไปนั้น ดูจะคุ้มค่าและสร้างความพอใจให้กับบอร์ดบริหารของทีมไม่น้อยเลยทีเดียว
"เป๊ป เขาคือกุนซืออัจฉริยะตัวจริง" เขาสามารถสร้างความแตกต่างให้กับทีมๆหนึ่ง และเป้นที่เคารพรักของนักเตะในทีม แม้บางคนจะเป็นเพียงนักเตะสำรองข้างสนามแต่พวกเขาก็ยอมที่จะรอคอยโอกาสของพวกเขาเพื่อพิสูจน์ตัวเองแก่เป๊ปนั่นเอง
รูปแบบการเคลื่อนที่ของระบบเป๊ปตอนนี้ครับ
อาจมีข้อผิดพลาดบ้าง ขออภัยไว้ล่วงหน้านะครับ และบทความนี้เป็นบทความที่เขียนอุทิศให้กับการทำงานที่ผ่านมาของเป๊ปครับ